ทิชา | ทิชาสาวน้อยผู้ตกหลุมรัก
“มะ ไม่หรอกมั้งคะ ไม่เคยคุยกันเลย แล้วอีกอย่างเวลามันก็เร็วมาก ๆ ด้วย” ฉันพยายามอธิบาย เพราะจริง ๆ แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองได้ตกหลุมรักผู้ชายคนนึงในคอลัมน์วารสารแจกฟรี จนคุณหมอเขายิ้มจนตาหยี พาหัวใจฉันตกอยู่ในห้วงภวังค์อีกครั้ง
โถ่... ไม่รู้ว่ามันเป็นหลักจิตวิทยาของเขา หรือเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวกัน ทำไมฉันหยุดใจสั่นไม่ได้เลย
“จริง ๆ แล้วมันแบ่งได้หลายกรณีนะครับ คนคนนั้นอาจจะถูกตาต้องใจมีเรื่องทำให้คุณทิชารู้สึกดี หรือชื่นชมในตัวเขาก็ได้ ผมเคยเจอแบบนี้มาหลายเคสแล้วครับ”
มีคนตกหลุมรักเขาเยอะเลยงั้นเหรอ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ ฉันหวงนะ หรือฉันจะขอเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ในวารสารของเขา แล้วสั่งให้เขาพิมพ์ให้ฉันแค่คนเดียวดี
“แล้วใช่ ใช่คนที่เคยอ่านวารสารคุณหมอรึเปล่าคะ?”
คุณหมอขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วเอียงคอมองฉัน จังหวะกะพริบตาของเขามันเชื่องช้าราวกับภาพสโลว์โมชั่น และน่าจับจ้องชะมัดเลย
“หืม... คุณหมายถึง ผมทำให้คุณใจสั่นรึเปล่า?”
เขารู้ได้ไงเนี่ย! ฉันออกหน้าออกตาขนาดนั้นเลยเหรอ?
“มะ ไม่ใช่นะคะ คือว่า... คือ คือ ทิชาเป็นคนแบบนี้ค่ะ เวลาตื่นเต้นมากจะประหม่า พูดผิด ๆ ถูก ๆ ส่วนเรื่องวารสารทิชาหมายถึง มีคนอ่านคอลัมน์คุณหมอและมาพบคุณหมอเยอะใช่มั้ยคะ เหมือนทิชาค่ะ ที่เห็นคอลัมน์นั้นแล้วชวนเพื่อนมาปรึกษา”
คุณหมอธันวาเงียบไปเลยค่ะ เขาคงประมวลผลคำพูดของฉันอยู่ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป รู้แต่ว่าฉันต้องห้ามทำให้คุณหมอจับได้ ว่าคนคนนั้นคือเขา
แต่การโกหกจิตแพทย์เป็นอะไรที่ยากเหมือนกัน เพราะนานมากที่คุณหมอธันวานั่งมองหน้าฉันอย่างพินิจพิเคราะห์
“งั้นผมให้นามบัตรไปนะครับ”
เขาพูดจบก็เปิดลิ้นชัก แล้วดึงกระดาษแผ่นเล็กออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นหยิบปากกาในกระเป๋าเสื้อแล้วก้มลงเขียนอะไรบางอย่างอีกด้วย
“วันนี้ถือว่าผมได้ Consult คุณทิชาเบื้องต้นแล้ว แต่ออกไป คุณทิชาต้องวางบัตรประชาชนหน้าแผนก เพื่อให้พยาบาลจัดการเรื่องบัตรนัดหมายครั้งต่อไปนะครับ”
ฉันพยักหน้าแล้วหยิบนามบัตรหมอธันวามาดู ข้างหน้าเป็นชื่อเขาเป็นเบอร์ติดต่อปกติ แต่ข้างหลังกลับมีไลน์ไอดีที่วงเล็บว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง
“คือ... อะไรคะ?” พอฉันถามแบบนั้น เขาก็ยิ้มให้ฉันจนตาหยี
“ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกประหม่า หรือใจสั่น ไลน์ปรึกษาผมได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงครับ จริง ๆ แล้วคนที่เป็นแบบนี้มักอยากได้คนที่รับฟังและทำให้ผ่อนคลาย ผมคิดว่าผมช่วยคุณได้นะ”
ฉันพลิกนามบัตรไปมา ความหวังที่ริบหรี่ตอนนี้เปล่งแสงจ้า เหมือนกับฉันโดนให้ท่ายังไงอย่างงั้น
ไลน์หน้านามบัตรเขาก็มีนะ แต่เขาเขียนอีกไลน์ให้ฉันทำไม ฉันไม่อยากเข้าข้างตัวเองเลย แต่ทำไมต้องเขียนไลน์แยกด้วย ทำไม ทำมาย...
“ใบไม้แกได้นามบัตรจิตแพทย์รึเปล่า?”
ทันทีที่จ่ายเงินเสร็จและกลับขึ้นรถ ฉันก็รีบถามใบไม้ทันที จนเธอหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าปราด้าและโยนลงบนตักฉัน
“ได้ นี่ไงแกเอาไปสิ” ได้? หรือว่าหมอธันวาจะทำแบบนี้กับทุกคน?
“อ้าวทำไมแกไม่เก็บไว้ล่ะ?” ฉันถามแล้วหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาดู แต่เมื่อพลิกดูแผ่นหลังก็ถึงกับชะงัก
แก... มันว่างเปล่า ไม่เห็นหมอธันวาเขาจะเขียนไลน์เพิ่มมาเลย
“ฉันจะเก็บไว้ทำไม ก็ฉันแอดไลน์ไปแล้ว”
“ไลน์ที่ไหน?” พอใบไม้ตอบมาแบบนั้นฉันก็รีบยิงคำถามกลับไปทันที
จนตอนนี้เธอมองฉันและขมวดคิ้วสงสัย
“อะไรของแก ก็ไลน์ในนามบัตรนั่งไง ออกรถได้แล้วฉันนัดเพื่อนไว้ที่ร้านกาแฟแถวเอกมัย แล้วแกก็ควรไปด้วย เพราะฉันจะแนะนำให้รู้จัก”
ใบไม้บอกฉันด้วยสีหน้ารำคาญ ก่อนจะกอดอกแล้วหันไปทางอื่น แต่ไม่เป็นไรจะเมินเฉยหรือรำคาญก็ตามสบายเลยเพื่อน เพราะแค่รู้ว่าหมอธันวาเขาเขียนไลน์ส่วนตัวให้ฉันคนเดียว ฉันก็ปลื้มปริ่มสุด ๆ แล้ว
ฉันขับรถไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า ฮัมเพลงอย่างมีความสุขโดยที่ไม่สนใจเพื่อนรักที่นั่งส่ายหน้าเอือมระอาเกือบตลอดทาง
จนเรามาถึงร้านกาแฟชื่อดังที่เอกมัย ใบไม้ก็แนะนำเพื่อใหม่ให้ฉันได้รู้จัก เขาหล่อมาก ขาวมาก ใบหน้ารับรูปกับจมูกโด่ง ๆ ตาก็สวยเฉี่ยวมีเอกลักษณ์
แต่... เขาไม่ชอบผู้หญิงค่ะ
“นั่นหล่อนพาใครมาใบไม้ เพื่อนหล่อนเหรอ?” ทันทีที่ฉันกับใบไม้เลื่อนเก้าอี้นั่ง เขาก็จีบปากจีบคอถามทันที
“ใช่ นี่เพื่อนฉันชื่อทิชา ส่วนทิชานี่อีก้านเพื่อนข้างห้องฉันเอง มันเป็นหมอที่โรงพยาบาลที่เราไปเมื่อกี้”
หมอ? แถมเป็นที่โรงพยาบาลเดียวกับหมอธันวา? ทำไมโรงพยาบาลนี้มีแต่หมอหน้าตาดีนะ คัดหน้าตารึไง! หรือนอกจากการบำบัดฉันต้องตีสนิทกับหมอก้านไว้ เผื่อว่าจะได้เจอหมอธันวาบ่อย ๆ ด้วย
อุ๊ย... เดี๋ยว? ฉันคิดอะไร นี่มันถึงเวลาที่ฉันจะแรดแล้วจริง ๆ เหรอ? ทำไมในหัวมีแต่เรื่องผู้ชาย และหัวใจมีแต่หมอธันวาล่ะคะ ทิชาไม่เข้าใจ และทิชารับไม่ได้ที่ตัวเองแรดแบบนี้
“เรียกว่าก้านแก้วนะย๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะทิชา ว่าแต่เป็นอะไรทำไมดู
เหม่อ ๆ”
“ทิชาก็เป็นแบบนี้ล่ะ ว่าแต่เรื่องอิไคล์แกจะให้ฉันบุกต่อใช่มั้ย”
“บุกสิย๊ะ ชอบก็บุกจะรอให้คนอื่นเอาไปก่อนรึไง? แกต้องพุ่งเข้าใส่ใบไม้ ทุกวันนี้นะผู้หญิงจีบผู้ชายกันทั้งนั้น แถมรอบ ๆ ข้างกัปตันไคล์ ก็มีแต่สาวสวยแอร์โฮสเตสมากมายให้เลือกสรร ระวังโดนคาบเอาไปแดก!”
พนักงานนำเมนูมาวางให้ก็จริง แต่ฉันไม่ได้สนใจรายการเครื่องดื่มเลย ฉันเอาแต่มองก้านแก้วแล้วฟังที่หล่อนพูดอย่างตั้งใจ
จนทำให้นึกถึงหมอธันวาที่หน้าตาดีสุด ๆ และรอบข้างเขาก็มีพยาบาลสวย ๆ มากมาย ไม่ได้สิ มันไม่ต่างกับกัปตันไคล์ของใบไม้เลย ถ้าฉันยังช้าไม่ทำอะไรสักอย่าง มันก็มีโอกาสมากเหมือนกันนะที่เขาจะโดนแย่งไป
“แล้ว... การที่เราจะเข้าหาผู้ชายก่อน ต้องทำยังไงเหรอ?”
สองคนนั้นหันขวับมามองฉันทันที จนฉันต้องส่งยิ้มเจื่อน ๆ กลับไปให้
“แกถามทำไม? แกจะเข้าหาใคร?”
“ก็มีคนที่ชอบ ๆ และมอง ๆ อยู่ เลยอยากรู้ไว้น่ะ”
“แกชอบใครได้ด้วยเหรอ พ่อกับพี่แกไม่ปาดคอเอารึไง?” ใบไม้ถามฉันด้วยสีหน้าไม่สบายใจ เอาน่า... ยังไงคุณพ่อกับพี่ไทม์ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะฉันจะไม่บอกให้พวกเขารู้
“ก็ไม่บอกไง เอ่อก้านแก้ว แล้วถ้าจะจีบหมอต้องทำยังไงเหรอ?”
คราวนี้ใบไม้เบิกตากว้าง แต่เธอยังไม่ทันยิงคำถามใส่ฉัน ก้านแก้วก็กรี๊ดกร๊าดแทรกขึ้นมาก่อน
“กรี๊ด ชอบใครหมอที่ไหนย๊ะ บอกโรงพยาบาลมาเลย”
“ก็โรงพยาบาลเดียวกันกับก้านแก้วนั่นแหละ แต่แค่ถามไว้ก่อนนะ อยากรู้ว่าหมอชอบคนแบบไหน และไม่ชอบคนแบบไหนบ้าง”
ใบไม้ส่ายหน้าเอือมระอาแล้วยกมือท้าวคางรอฟัง ซึ่งก้านแก้วก็ดูดี๊ด๊าที่จะตอบคำถาม หล่อนขยับเข้ามาใกล้ ๆ ฉัน แล้วเริ่มลิสต์รายการใส่กระดาษที่พนักงานนำมาวางเป็นข้อ ๆ
หมอไม่ชอบ
- ผู้หญิงงี่เง่า จุกจิก
- หยาบคาย
- ไม่มีสัมมาคารวะ
- ขี้หึง
หมอชอบ
- ผู้หญิงเข้าใจ
- ขับรถได้
- อยู่ด้วยแล้วสบายใจ มีเหตุผล
- สดใสร่าเริง
ปล.ไม่เกี่ยวที่ใครจะจีบใครก่อน จีบหมอก็ได้หมอไม่ติด เพราะปกติหมอไม่มีเวลาตามจีบใครอยู่แล้ว
*อยากเป็นแฟนหมอต้องเข้าใจอาชีพหมอ
“แค่นี้ก็พอแล้ว เอ้ออีกข้อ! หน้าตาดีหมอก็ชอบนะย๊ะ”
ฉันรีบพับกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋าทันที เรื่องหน้าตาฉันเองก็ไม่ติดนะ ฉันสวยใช้ได้และคิดว่าที่คุณหมอธันวาให้ไลน์ส่วนตัวมา เขาต้องทอดสะพานให้ฉันแน่นอน
ก่อนแยกย้ายฉันขอไลน์ก้านแก้วไว้ด้วย เอาไว้ปรึกษาหารือเรื่องหมอธันวา แต่ฉันยังไม่บอกใครหรอกนะว่าหมอคนนั้นคือหมอธันวา
เพราะฉันตั้งใจรอสักพัก รอให้ตัวเองแน่ใจ ว่าฉันน่ะตกหลุมรักและพร้อมพุ่งชนหมอธันวาจริง ๆ ใช่มั้ย? ไม่ใช่รู้สึกลุ่มหลงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...
ใช่ค่ะฉันยังถูกพักงานอยู่ แล้วคุณพ่อก็ไม่มีแนวโน้มที่จะคืนตำแหน่งให้ฉันด้วย ฉันจึงเป็นคนว่างงานคอยไปสิงสถิตแถวร้านกาแฟบ้าง และไปช้อปปิ้งบ้าง
แล้วที่หนักสุดคืออะไรรู้มั้ยคะ? ฉันว่างจนไปซื้อคอนโดเอาไว้นอนกลางวันเล่นค่ะ เพราะทุกครั้งที่เห็นพี่ไทม์ปรึกษาคุณพ่อเรื่องบริษัท และพ่อฉันไม่ถามความเห็นอะไรฉันเลย ฉันยิ่งรู้สึกเป็นบุคคลไม่มีคุณภาพ ล่องลอยเหมือนผีไม่มีศาล
ส่วนหมอธันวา หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้นัดหมายอะไรเขา เพราะฉันไม่ได้ทำงานอาการก็ไม่กำเริบ ได้แต่แอดไลน์ทิ้งไว้เฉย ๆ จะทักไปก็ไม่กล้า ไม่รู้จะชวนเขาคุยเรื่องอะไรดี
จนวันนี้ฉันมาที่ร้านกาแฟร้านเดิมได้อ่านวารสารฉบับใหม่ของเขา
ซึ่งวารสารสัปดาห์นี้เปลี่ยนสีหน้าปกเป็นสีชมพูสดใส ทั้งที่ผู้เขียนก็คือ นพ.ธันวา ธนศาสตร์เวชสกุลคนเดิม
พบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย
สวัสดีครับ สัปดาห์นี้อาจจะหวานไปหน่อย เพราะผมมีเคสความรู้สึก
นั่นก็คือความรักหรือการตกหลุมรักใครสักคน
อาทิตย์ก่อนผมได้พูดคุยกับคนไข้รายนึง มาด้วยเรื่องอาการใจสั่นกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน
ฉันเงยขึ้นจากวารสาร เพราะอยู่ ๆ หน้าก็ร้อนวูบขึ้นมา
เมื่ออาทิตย์ก่อนคนไข้รายนั้นคือฉันใช่มั้ย? มีใครถามคำถามนี้กับหมอธันวาอีกรึเปล่า? เขาบอกว่าฉันไม่ใช่เคสแปลกเขาเจอมาเยอะ แต่ทำไมต้องหยิบเอามาเขียน ตอนที่ฉันไปเจอเขาด้วย
ยิ่งคิดยิ่งสงสัย จนคราวนี้ฉันวางหนังสือกางไว้บนโต๊ะ แล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปคอลัมน์นั้นไว้
แต่ลังเลอยู่นานว่าจะส่งมันให้คุณหมอธันวาดีหรือไม่ จนสุดท้าย คำพูดก้านแก้วเด้งขึ้นมาในหัว
‘อยากได้ต้องบุก เดี๋ยวคนอื่นก็งาบไปกิน จีบก่อนได้หมอไม่ติด เพราะหมออาจไม่มีเวลาตามจีบใคร’
แต่ฉันไม่เคยจีบใครเลยนะ ไม่เค๊ยไม่เคย ถ้าฉันส่งรูปคอลัมน์นี้ไปชวนคุย เขาคงไม่รำคาญใช่มั้ย?
