ตอนที่6 ทำอย่างที่เคยทำ
เตมินทร์รีบเคี้ยวขนมปังในปากให้หมด “มาตามคนแกล้งป่วยเพื่อที่จะอู้งานไง” เขาก้าวเท้าตามคนตัวเล็กที่กำลังก้มหน้าถอยหลังหนี และรวบตัวของเธอเอาไว้
แอบหงุดหงิดกับปฏิกิริยาของหญิงสาวที่ทำเหมือนเขาเป็นตัวน่ารังเกียจ เขาไม่ได้คิดไปเองเพราะเธอแสดงออกทางสีหน้าและแววตา สองปีกว่าแล้วเธอยังไม่เลิกมีสายตาเกลียดชังเขาอีกหรือ
“เปล่าแกล้งป่วย ฉันป่วยจริงๆ” ดวงตากลมโตมองจ้องตาคมเขม็ง ยืนยันเสียงแข็งว่าเธอป่วย เพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าไม่ได้ป่วยจริง ในขณะที่มือทั้งสองก็พยายามดันแผงอกกว้างเพื่อที่จะหลุดจากพันธนาการของชายหนุ่ม
“ตัวก็ไม่เห็นร้อนนี่” เตมินทร์ก้มเอาแก้มแนบกับใบหน้าของหญิงสาวได้เพียงเสี้ยววินาทีเธอก็รีบเบือนหน้าหนี
“ก็กินยาไปแล้ว”
เตมินทร์ยังคงมองจ้องคนที่หลบสายตาส่งเสียงแข็งยืนยันคำพูด ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าพราวไหมกำลังโกหก เขายังคงกอดหญิงสาวไม่ยอมปล่อย
สองปีกว่าแล้วที่เขาไม่ได้เจอเธอ ทั้งเนื้อตัวหน้าตา หรือกลิ่นกายที่หอมอ่อนๆ ติดจมูก หญิงสาวยังคงมีทุกอย่างเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เห็นจะมีที่เปลี่ยนก็เพียงแค่สรรพนามที่เรียกเขาและท่าทางห่างเหินของเธอเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
“จะปล่อยฉันได้รือยังคะ”
“ถ้าคุณไม่ดูแลผม ผมจะปฏิเสธข้อเสนอของคุณอ้อน”
น้ำเสียงทุ้มราบเรียบที่ออกมาจากปากของประธานหนุ่ม ทำเอาหญิงสาวรีบเงยหน้ามองจ้องด้วยสายตาโกรธเคือง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องยกชีวิตของคนอื่นมาข่มขู่เธอเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการด้วย
“จะมาแกล้งอะไรฉันอีกล่ะคะ” คิ้วเรียวบางได้รูปเริ่มขมวดเข้าหากัน และเอ่ยถามกลับเสียงสั่นเครือ
“ไม่ได้คิดจะแกล้งอะไร แค่ไม่ชอบการถูกหลบหน้า จะรับปากดูแลผมดีๆ หรือจะให้ผมโทรหาคุณอ้อนแล้ว ปฏิเสธ เธอตอนนี้” เขาเน้นย้ำคำว่าปฏิเสธ ด้วยเชื่อว่าคนอย่างพราวไหมจะต้องทำตามสิ่งที่เขาต้องการเพราะคำนี้
“ก็ได้ ฉันรับปาก แต่ขอเป็นพรุ่งนี้นะคะ”
พราวไหมรีบหันหน้าหลบขณะที่ใบหน้าคมกำลังก้มมาใกล้กับใบหน้าของเธออีกครั้ง “ทำอะไร”
“ก็ทำอย่างที่เคยทำไง” เขาเริ่มกระชับกอดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น และก้มกดจมูกสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ อย่างไม่คิดเกรงใจเจ้าของเรือนร่าง
“ฉันเป็นคนไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ” เธอพยายามใช้แรงดิ้นจนสุดตัว แต่ด้วยความที่ตัวเล็กกว่าเขาเป็นเท่าตัวแรงของเธอจึงทำให้เขาไม่สะทกสะท้านอะไรแม้แต่น้อย
“อื้อ..” และแล้วริมฝีปากบางก็ถูกกอบกุมบดจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว ปึก ปึก มือเรียวรัวทุบแผ่นหลังของเขาไม่หยุด น้ำหนักมือของหญิงสาวไม่ได้ทำให้เตมินทร์คิดจะหยุดการกระทำแม้แต่น้อย
เขาพยายามตวัดลิ้นแทรกผ่านริมฝีปากบางเข้าไปข้างในจนได้ ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำตาคลอขณะที่ลิ้นร้ายกำลังฉกชิมความหวานอยู่ในโพรงปากของตัวเอง จากลีลาจูบที่แสนดิบเถื่อนไม่นานนักก็เริ่มนุ่มนวลขึ้น เตมินทร์เริ่มหายใจหอบถี่เสียงดัง
เขาเริ่มชะงักและดึงสติตัวเองได้เมื่อรู้สึกว่ามีหยดน้ำมาเปียกที่ใบหน้า
อีกแล้วเขาทำเธอร้องให้อีกแล้ว
รู้ดังนั้นจึงรีบผละริมฝีปากออกและปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระ
เพียะ.. มือเรียวยกฟาดใบหน้าคมจนหัน ก่อนจะรีบวิ่งปาดน้ำตาหนีกลับเข้าไปในห้อง
เตมินทร์มองตาหลังหญิงสาวตาละห้อย ก่อนจะเดินก้มหน้าออกจากบ้านของเธอไปเงียบๆ เพราะรู้ว่าหากอยู่ต่ออีกไม่กี่นาทีเขาคงได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นแน่นอน
“ฮือๆๆๆ...” พราวไหมเข้าห้องมาได้ก็นั่งฟุบกอดเข่าสะอื้น หัวไหล่มนสั่นเทาแรงขึ้นเรื่อยๆ ความเจ็บปวด สับสนกับอารมณ์ในอดีตหวนเข้ามาให้เห็นภาพชัดอีกจนได้
เพราะรู้ว่าการที่ได้เจอหน้าเตมินทร์เธอจะต้องเป็นแบบนี้ถึงได้เลี่ยงไม่อยากจะเจอ แต่ก็เหมือนฟ้านั้นใจร้ายกับเธอ ถึงได้เหวี่ยงให้เขาเข้ามาในชีวิตของเธออีกจนได้
“เจอคุณพราวไหมหรือเปล่าครับ” ดิษพงษ์รีบพุ่งพราวดไปหาเตมินทร์หลังจากเขาหายไปพักใหญ่แล้ว
คนถูกถามพยักหน้า “พรุ่งนี้เธอจะมาดูแลผมด้วยตัวเอง”
“ครับ เอ่อคุณอ้อนบอกว่าอยากคุยรายละเอียดเกี่ยวกับรีสอร์ทกับคุณมินทร์ครับ”
“คุณรับฟังเธอแทนผมได้เลย ผมอยากพักผ่อน”
“โอเคครับ” ดิษพงษ์อมยิ้มมองตามหลังเจ้านายที่กำลังเดินตัวปลิวเข้าห้องพักของตัวเองไป คิดเอาไว้ไม่มีผิดว่ารายละเอียดงานเอกสารยิบย่อยเขาจะต้องเป็นคนจัดการเองแน่นอน รวมไปถึงการติดต่องานกับที่นี่หลังจากนี้ด้วย
“ไปหาทำไมถึงบ้าน” อลิสาเดินไปเดินมาที่หน้าโถงต้อนรับลูกค้าพักใหญ่ เพราะหลังจากที่กลับมาถึงรีสอร์ทและได้คุยกับดิษพงษ์ เธอก็รับรู้ว่าเตมินทร์มาถึงก็เรียกหาแต่พราวไหม อีกทั้งยังขอที่อยู่เพื่อไปหาถึงที่บ้านด้วย
ใจอยากจะโทรไปถามพราวไหมใจจะขาดว่าเตมินทร์ไปทำอะไรที่นั่น แต่ก็กลัวว่าจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนของคนป่วย ครั้นจะถามเตมินทร์ที่เพิ่งกลับมาก็กลัวจะว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ จึงได้แต่ยืนครุ่นคิดวนไปวนมาอยู่แบบนี้
