บท
ตั้งค่า

ตอนที่2

“คุณไม่รู้หรือท้องแก่ขนาดนี้ไม่ควรไปไหนมาไหนไกลๆ ตามลำพัง เด็กอาจจะคลอดออกมาเมื่อไหร่ก็ได้?”

เสียงถามฉุนๆ แต่ก็มีกระแสของความเมตตาปรานี

“ฉัน... อูย!”

หล่อนหลับตา แต่ทันเห็นหน้าขาวเกลี้ยงเกลาของเจ้าของวงแขนที่ตวัดอุ้มร่างหล่อนลอยขึ้นราวกับวัตถุไร้น้ำหนัก พาเดินไปที่รถ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเป็นระลอกๆ ทำให้หญิงสาวแทบจะไม่มีสติรับรู้ว่าตัวเองกำลังถูกชายแปลกหน้าพาไปที่ใด จนเวลาผ่านไป ขณะรอความเจ็บปวดระลอกใหม่ ถึงได้รู้ว่ารถที่ตนอาศัยนั่งมาด้วยนั้นกำลังแล่นเร็วไปตามเส้นทางเข้าตัวจังหวัด

“คุณจะพาฉันไปไหนคะ?” ถามขึ้นเสียงอ่อนเพลีย

“โรงพยาบาล”

คนขับหันมามองหล่อนแวบหนึ่ง พูดติดต่อกันไป

“บ้านคุณอยู่ไหน ผมจะได้แจ้งข่าวถึงสามีคุณ”

คำพูดของชายผู้มีน้ำใจ ซึ่งยังดูหนุ่มอยู่มาก กระทบใจหล่อนปัง จนไม่สามารถสกัดกลั้นเสียงสะอื้นและน้ำตาไม่ให้ไหลพรากออกมาได้

“ฉัน...ไม่มี...แล้วค่ะ สามี แต่ถ้าคุณจะกรุณา พี่สาวของฉันชื่อ...ทิพา นามสกุลผ่องมณี อยู่ที่หมู่บ้านชิดชเล อุย!”

หน้าเรียวซูบ เผือดขาวลงอีก เมื่อความเจ็บระลอกใหม่มาเยือน ตาทั้งคู่บีบเข้าหากัน มือทั้งสองกุมท้องโย้มาข้างหน้ากดเบาๆ หน้าบิดเบ้ เพราะกระแสคลื่นแห่งความเจ็บปวดดูจะรุนแรงขึ้นตามลำดับ

สีหน้าชายหนุ่มผู้มีน้ำใจ ดูกังวลไม่น้อย หัวคิ้วเข้มแทบจะหักเข้าหากัน

ตุลย์ จันญาลักษณ์ อาจจะมีประสบการณ์ในการเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลมาไม่นาน แต่ความรู้ในฐานะสูตินรีแพทย์ที่มีอยู่ ทำให้เขาไม่สบายใจ ถึงขั้นวิตกเลยทีเดียว เมื่อลอบสังเกตหญิงสาวที่ยังดูอ่อนเยาว์ ดูอ่อนเพลีย ท่าทางไม่มีกำลังวังชาพอจะรับมือกับความเจ็บปวดที่ดูจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าลูกของหล่อนจะพ้นครรภ์

หน้าขาวของหล่อนซีดลงๆ เหงื่อเม็ดเป้งๆ ผุดพรายตามใบหน้า

ตุลย์ หรือความจริง นายแพทย์ ตุลย์ ไม่เคยดีใจครั้งไหนเท่าครั้งนี้ เมื่อมองฝ่าสายฝนมัวซัว เห็นป้ายโรงพยาบาลติดไฟนีออน เบื้องหน้า เขาเลี้ยวรถเข้าไปตามถนนมุ่งเข้าหาตึกฉุกเฉินในลักษณะแทบจะยกล้อ ทำเอาพนักงาน และบุรุษพยาบาลบริเวณทางเข้าตึกตาค้างไปตามๆ กัน เมื่อเขาก้าวลงจากรถ

“ผมมีคนไข้ฉุกเฉินมาด้วย ... ใครก็ได้ช่วยวิ่งไปบอกคุณพเยียเตรียมห้องทำคลอดด่วน”

“ครับ คุณหมอ”

ภายในไม่กี่นาทีหลังจากนั้น คนไข้ฉุกเฉินของคุณหมอหนุ่มก็นอนหน้าขาวไปบนเตียงรถเข็น ที่ถูกเข็นเร็วๆ ไปตามทางเดิน ไม่มีเสียงครางบอกความเจ็บปวดให้ได้ยิน เนื่องจากหญิงสาวผู้กำลังจะได้เป็นมารดา หมดสติไปเสียแล้ว

“ขอออกซิเจน ด่วน!”

กระโจมออกซิเจนถูกครอบลงบนหน้าเผือดขาว สงบนิ่ง นายแพทย์หนุ่มลงมือตรวจคนไข้ที่เขานำส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเองอย่างรีบเร่ง มีทีมพยาบาลในห้องฉุกเฉินคอยช่วยเหลือ

“อาการไม่ดีเลย”

เขาพึมพำบอกตัวเอง แต่คุณพเยีย ซึ่งเป็นหัวหน้าพยาบาลประจำห้องคลอดที่ยืนอยู่ใกล้ก็ได้ยิน อออกความเห็นเบาๆ

“หน้าซีดเหลือเกินค่ะ คุณหมอ ดูเหมือนจะมีเลือดออกมาด้วยนะคะ”

“เราคงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ คุณพเยีย เห็นจะต้องผ่า คุณพเยียช่วยให้ใครติดต่อไปทางญาติคนไข้ด่วนด้วยละกัน”

คูณหมอหนุ่มบอกชื่อญาติที่หญิงสาวได้บอกเขา พร้อมกับชื่อหมู่บ้าน คุณพเยียเดินไปสั่งพยาบาลสาวๆ ที่ยืนห่างออกไปให้ช่วยจัดการ ก่อนจะกลับมาที่ข้างเตียง ราวๆ สามทุ่มครึ่ง นายแพทย์ตุลย์ ก็ได้พบญาติคนเจ็บ

“น้องสาวดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ คุณหมอ?”

คุณหมอหนุ่มมองหน้าผู้ถาม ซึ่งเป็นหญิงสาววัยประมาณยี่สิบปลาย

“ก่อนที่ผมจะบอก...”

“ยายทิพย์คงอาการไม่ดีใช่มั้ยคะ?”

เสียงถามขัดขึ้นก่อนเขาจะทันกล่าวจบ บอกว่าเจ้าตัวพอจะเดาได้

“ครับ อาการไม่ดีเลย สุขภาพน้องสาวคุณ...เรียกว่าอยู่ในสภาพที่แย่มากก็ละกัน ไม่ได้สติตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล”

พอนายแพทย์หนุ่มเล่าให้ฟังว่าเขาเป็นคนไปเจอหญิงสาว และนำส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเอง ทิพาก็แทบจะลำดับเรื่องราวได้ทั้งหมด

สิ่งที่หล่อนเกรงกริ่งมาตลอด ได้เป็นจริงขึ้นแล้ว น้องสาวคนเดียวของหล่อนไม่เพียงแต่ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า แต่ถึงกับซมซานกลับมาบ้านพร้อมกับลูกในครรภ์ ปราศจากเงาสามีผู้ดีชาวกรุง

ทิพานั่งรอให้น้องสาวได้สติกว่าสามชั่วโมง ดวงตาดำใหญ่จึงค่อยๆ ลืมขึ้น อย่างงงๆ และพอรู้สึกตัวเต็มที่ เห็นหน้าพี่สาวเข้า ธารน้ำตาก็ทะลักออกมาทันที

“พี่ทิพา...”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ทิพย์”

ทิพาบีบมือเรียวบางเบาๆ แข็งใจไม่ผสมโรงร้องไห้ตามไปด้วย เมื่อเห็นสภาพอิดโรยทรุดโทรมของน้องสาว โดยเฉพาะยามสบตาตาหมองๆ ที่บรรจุไว้ด้วยความผิดหวังระคนเจ็บปวด ซึ่งน่าจะเป็นความเจ็บปวดทางใจ มากกว่าทางกายจากการผ่าตัดเพื่อให้กำเนิดบุตร

“พี่ไปดูหลานมาแล้วนะ” หล่อนปั้นเสียง ทำสีหน้าให้แจ่มใส “น่ารักเชียว ตัวอ้วนกลม ผิวนวลราวกับเนื้อกระเบื้อง ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนยังกับตุ๊กตา ร้องเสียงดังกว่าใครเพื่อน ท่าทางจะขี้โมโห ว่าแต่ทิพย์รู้หรือยังว่าตัวเองได้ลูกสาว”

หญิงสาวผู้เพิ่งได้เป็นคุณแม่หมาดๆ ยิ้มทั้งน้ำตา

“ไม่รู้หรอกค่ะ แต่ก็คิดว่าคงเป็นลูกสาวเพราะทิพย์ชอบเด็กผู้หญิง”

“คิดชื่อไว้มั่งหรือยังล่ะ จะให้ลูกชื่ออะไร”

ดวงตาคู่ใหญ่ปิดลงครู่ใหญ่ก่อนลืมขึ้นอีกครั้ง

“พี่ว่าแกเหมือนตุ๊กตา งั้นก็เรียกตุ๊กตาเสียเลยละกัน ส่วนชื่อจริง... ทิพย์ตั้งใจว่า ถ้าเป็นลูกสาวจะให้ชื่อ ทีปตา แปลว่า รุ่งเรือง หรือโชติช่วงชัชวาล ชีวิตของแกจะได้...ไม่ต้องพบกับความมืดมนอย่างแม่”

“ดีจ้ะ”

ทิพารีบพูด เมื่อเห็นตาเป็นประกายสลดวูบ ไม่เหลือความแจ่มใส มีก็แต่ความเจ็บปวดรวดร้าวที่ไม่อาจซ่อนเร้น

“ชื่อตุ๊กตาก็น่ารักดี ชื่อทีปตาก็ฟังกะทัดรัด ความหมายก็เป็นมงคล แล้วนามสกุล...”

ทิพาพูดเสียงไม่มั่นใจ

หล่อนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาว ทิพย์มณีถึงได้ระเหระระหนกลับมาหาพี่สาวแต่ตัว ไม่มีแม้แต่กระเป๋าเสื้อผ้าสักใบ นอกจากกระเป๋าถือ บรรจุสัมภาระ ของใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ แบบสะพายไหล่

“ลูกของทิพย์ มีสิทธิ์ ใช้นามสกุลพ่อของแกค่ะ ถึงทิพย์ตัดสินใจจากเขามา แต่เราก็...ไม่ได้หย่ากัน แล้วยายหนูก็เกิดมาอย่างถูกต้อง”

หล่อนพูดเสียงแข็งขัน และถ้าหล่อนจะเข้มแข็งตลอดไป ก็คงจะดีหาน้อยไม่ อย่างน้อยก็จะไม่ทำให้ลูกสาวตัวน้อยต้องกำพร้าแม่แต่วัยเยาว์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel