ตอนที่1
บทนำ.....
หญิงสาวห่อไหล่เมื่อลมพัดแรง เมฆก้อนใหญ่ลอยต่ำเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าอีกไม่นานฝนจะหยาดเม็ด
ดวงตาคู่ใหญ่ฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด หล่อนไม่รู้ว่าถ้าฝนเทลงมาจะทำอย่างไร
บางทีหล่อนอาจจะคิดผิด ที่ตัดสินใจลงจากรถบริเวณสี่แยก เดินย้อนมายังร่มไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมถนนลูกรัง รอรถเข้าหมู่บ้านที่หล่อนได้จากไปหนึ่งปีเต็มๆ แต่จำได้ว่าเคยมีรถสองแถววิ่งจากตัวอำเภอ เข้าหมู่บ้านวันละสองเที่ยว เที่ยวสุดท้ายราวๆ ห้าโมงปลายๆ ถึงหกโมงเย็น
แต่จนป่านนี้ กว่าหกโมงครึ่งเข้าไปแล้ว รถก็ยังไม่มา
ถ้าหล่อนจะมีสภาพปกติ ระยะทางสิบ...ยี่สิบกิโล ก็พอจะเดินไปได้ แต่นี่...
หญิงสาวยกลูบหน้าท้องนูนใหญ่ของตัวเอง ดวงตาดำโตคู่งามเปล่งประกายเจิดจรัสขึ้นแวบหนึ่งก่อนสลดวูบ พร้อมกับน้ำตาคลอเต็มหน่วยตา ริมฝีปากสั่นระริกถูกเม้มเอาไว้ บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวพยายามสะกดอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมาให้ดับไป
เป็นนาทีๆ กว่าความรู้สึกรุนแรงที่มีทั้งความโศกเศร้าเสียใจผิดหวัง กระทั่งกลายเป็นขมขื่นจะสงบราบคาบทิ้งควันอ้อยอิ่งให้พอรู้สึกรู้สา
หล่อนยังไม่รู้ พี่สาวจะว่ายังไง หากเห็นหล่อนกลับมาในสภาพครรภ์แก่ พร้อมหัวใจที่แหลกสลายไม่มีชิ้นดี
พี่สาวของหล่อนไม่เคยชอบชายหนุ่มลูกผู้ดีชาวกรุง ที่มาเที่ยวบ้านไร่ของเพื่อน ห่างหมู่บ้านที่หล่อนอยู่ออกไปไม่มาก และเลยมาติดพันหล่อนที่เพิ่งผ่านวัยยี่สิบบริบูรณ์ไม่ทันถึงสัปดาห์
ทิพาไม่เห็นด้วยเลยกับความรักที่ผลิดอกออกช่ออย่างรวดเร็วของน้องสาว แต่ก็ไม่อาจทัดทานการตัดสินใจในบั้นปลายของน้องสาวคนเดียวได้ เมื่อทิพย์มณีแอบจดทะเบียนสมรสกับชายหนุ่มที่หล่อนมอบหัวใจรักบริสุทธิ์ให้เขาจนหมดสิ้น
ทิพย์มณีไม่เคยบอกพี่สาว นอกจากหล่อนได้มอบหัวใจให้ชายหนุ่มรูปงาม ราวเทพบุตร พูดจาสุภาพหวานหู เอาใจเก่ง หล่อนยังได้มอบกาย มอบความสาวแก่เขา หลังจากถูกเขาตามติดอย่างกระชั้นชิด ตั้งแต่สัปดาห์ที่คบหากัน เป็นเหตุให้หล่อนต้องตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับเขา เมื่อเขายินดีรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ยังจำได้ว่าพี่สาวของหล่อนโกรธจนหน้าแดงก่ำ เมื่อรู้ว่าน้องสาวแอบไปจดทะเบียนสมรสมาแล้วกับชายหนุ่มที่ทิพาไม่เคยชอบ และยังปรามาสเอาไว้มากมาย
“ทำไมทิพย์ไม่เชื่อพี่ว่าสักวัน นายคนนี้จะทำให้ทิพย์ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า ผู้ชายหุ่นสำอาง ท่าทางจับจดอย่างนั้นไม่มีทางเลยว่าจะสามารถหาเลี้ยงลูกเมียได้ตลอดรอดฝั่ง!”
ในขณะนั้น ความรักได้บังตาหล่อนจนมืดบอด จึงแย้งพี่สาวไปเสียงแข็งๆ อย่างไม่เคยทำมาก่อน เนื่องจากไม่พอใจที่พี่สาวมาว่าคนรักของหล่อน
“ทำไมจะไม่ได้คะ? พี่ทิพาอย่ามาแช่งทิพย์นะ แล้วถึงคุณเขาจะหาเลี้ยงดูทิพย์ไม่ได้ แต่พ่อแม่คุณเขาก็รวยออก”
“คงรวยมากล่ะสิ ถึงได้ให้ทิพย์มาขอแบ่งสมบัติ ที่ทาง ไร่นา ที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้เราสองคนเสียแต่ตอนนี้?” ทิพาถามเสียงหยัน
“เอ่อ...นั่นก็...คุณเขาก็มีเหตุผลนะคะ”
“เหตุผล?”
“ค่ะ คุณเขาบอกว่า เราต้องไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ คงไม่มีเวลามาที่นี่บ่อยๆ ก็ควรจะจัดการเรื่องทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เรียบร้อย และเมื่อพี่ทิพาไม่อยากให้ที่ทางของปู่ย่าตายาย ส่วนที่ตกเป็นของทิพย์ไปอยู่ในมือคนอื่น ทิพย์ก็อุตส่าห์ขายต่อพี่ทิพาในราคาถูกแสนถูก แล้วจะเอายังไงอีกคะ?”
ยังจำได้ถึงสายตาเป็นประกายวาบขึ้นของพี่สาว ซึ่งก็มีกันเพียงสองคนพี่น้อง หลังจากพ่อแม่ตายลงตามลำดับ เมื่อสี่และห้าปีก่อน แต่ประกายเจิดจ้านั้นก็เป็นไปเพียงแวบเดียว แววตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นเศร้าใจ อ่อนใจ ระคนไว้ด้วยความสมเพช พอๆ กับน้ำเสียงที่เอ่ยออกมา
“เอาเถอะ พี่จะไม่พูด ไม่ค้านอะไรอีกแล้ว พี่รู้แล้ว เวลานี้ทิพย์กำลังตามืดมัว พูดไปก็เท่านั้น พี่ก็คงได้แต่ขออวยพรให้ทิพย์มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเลือก และตัดสินใจลงไปในวันนี้ก็ละกัน”
“พี่... พี่ทิพาไม่โกรธทิพย์นะคะ?”
หล่อนถามเสียงไม่มั่นใจนัก มองหน้าพี่สาวอย่างวิงวอนพร้อมกันไป
ถึงจะรักชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวเข้ามาในชีวิตไม่ทันถึงเดือน สุดจิตสุดใจ แต่ความรักความผูกพันที่มีต่อพี่สาวก็ไม่น้อยกว่ากันสักเท่าไหร่ สี่ปี... ที่มีกันเพียงสองคนพี่น้อง และทิพาก็ทำตัวเป็นพี่โตๆ กึ่งแม่ ให้กับน้องสาวคนเดียว แทนมารดาที่จากไปด้วยโรคภัย ทำให้ความรู้สึกที่พี่น้องมีต่อกันแน่นแฟ้น ลึกซึ้ง กว่าคู่พี่น้องคู่อื่นๆ
ทิพาดึงเอาร่างอรชรของน้องสาววัยอ่อนกว่าถึงเจ็ดปีเต็มเข้าไปสวมกอด พูดเสียงอ่อนโยนลง
“ไม่โกรธแล้วก็อย่าหาว่าพี่แช่งหรืออะไรอีกล่ะ พี่เพียงแต่อยากจะบอกให้ทิพย์รู้เอาไว้เท่านั้น หากมีปัญหาอะไร หรือว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ยังอยู่ที่นี่ ยังพร้อมจะช่วยเหลือทิพย์เสมอ จำเอาไว้ให้ดี”
หล่อนสะอื้นกระซิก กอดพี่สาวแน่น ขณะนั้น ไม่คิดแล้วว่า คำของพี่สาวคือการแช่ง หล่อนเข้าใจ และเวลานี้ยิ่งเข้าใจมากขึ้น วาจาที่ย้ำเตือนแล้วเตือนอีกของทิพา ไม่ใช่การแช่งชัก แต่เป็นคำทำนายของคนที่ไม่ได้ตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันหวานเช่นหล่อน
เสียงฟ้าคำรณ ตามติดด้วยด้วยเสียงฟาดเปรี้ยง ทำเอาหญิงสาวที่ยังอยู่ในวัยยี่สิบต้นสะดุ้งทั้งตัว
เม็ดฝนเม็ดโตๆ หยาดลงมา จากนั้นก็ร่วงพรูราวน้ำตาสวรรค์ แม้หล่อนจะยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ซึ่งไม่เป็นการปลอดภัยเลยในยามมีฝนฟ้าคะนองเช่นนี้ ผ้าพันคอที่หล่อนดึงขึ้นมาคลุมศีรษะเริ่มชื้นมากขึ้น เช่นเดียวกับท่อนล่างของชุดคลุมท้อง
หล่อนตัวสั่นและไอออกมา ขณะนั้นเอง ก็แน่ใจว่าหูไม่ฝาด เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลี้ยวลงจากถนนใหญ่ แต่พอเห็นรถคันที่แล่นมาตามทางที่หล่อนยืนรอรถอยู่ ก็รู้สึกผิดหวัง
เป็นรถยนต์ส่วนตัว ไม่ใช่สองแถวที่จะเข้าหมู่บ้าน หล่อนไม่คิดจะโบกรถที่กำลังแล่นเข้ามาใกล้ให้หยุดรับ รถเก๋งสีเทาดำจึงแล่นผ่านไปไกลเกือบยี่สิบเมตร ก่อนมีเสียงห้ามล้อ ถอยกลับมา
“จะไปไหน? เข้าหมู่บ้านใช่มั้ย ขึ้นมาเลย”
หญิงสาวได้ยินเสียงถามห้าวๆ ของคนขับ ที่โน้มตัวพูดผ่านช่องกระจกที่ถูกเลื่อนลง หล่อนอ้าปากจะตอบ แต่ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงครางแทน เมื่อรู้สึกเจ็บในท้องจี๊ดขึ้นมา ถึงกับตัวงอ นัยน์ตาหล่อนพร่า การได้ยินก็ดูเหมือนจะดับสนิทลงชั่วครู่ เมื่อความเจ็บ ความปวด กำลังหนุนเนื่องแบบไม่ขาดสายหลังจากจี๊ดแรกเตือนขึ้น หล่อนไม่ได้ยินเสียงสบถเบาๆ ซึ่งไม่ได้หยาบคายอะไรของเจ้าของร่างสูงๆ ที่ลงจากรถด้านคนขับและก้าวเร็วๆ เข้ามาหยุดตรงหน้าหล่อน
