บท
ตั้งค่า

บทที่ ๔ : ผู้ร้ายหน้าตาดี (๒)

รถสปอร์ตหรูสัญชาติอิตาลีสีเงาดำแล่นไปบนถนนทางยาวในเมืองกรุงยามค่ำคืน ช้ากว่าทุกวันที่เขาเคยเป็นคนขับรถเร็วจนลูกน้องคนสนิทต้องทำหน้าที่สารถีแทน ดวงตาคู่คมเข้มไม่วายว่างเว้นจากการจับจ้องใบหน้านวลผ่อง สลับมองทางถนนข้างหน้า

หากเปรียบเทียบเธอกับสิ่งรอบกาย ขณิกาคงเป็นเหมือนพระอาทิตย์ ที่ทำหน้าที่ของตัวมันเองคือหมุนไปตามวงโคจรของระบบสุริยะและโลก แม้เจอสุริยุปราคาบ้างในบางคราว มันจะยังคงส่องสว่างอยู่เสมอ

ระยะทางจากออฟฟิศทาวน์โฮมไปร้านอาหารไม่ไกลใช้เวลาแค่สิบนาที เขาชักชวนเธอสนทนาทั้งในเรื่องงาน มุกตลกขบขัน

ตั้งแต่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจ เมธพนธ์ไม่ใช่คนตลก กลับมีคนบอกว่าเขาเป็นคนตลกร้าย ยิ่งกับเธอที่หัวเราะง่าย

ด้วยความที่เธอเป็นคนอัธยาศัยดี พอมีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง สีหน้าของเธอผ่อนคลายลงจากความเครียด พูดคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา แต่ยังคงความสุภาพนอบน้อมไว้ด้วยอายุที่อ่อนกว่า

นั่นทำให้เขาเข้าหาเธอได้ง่ายขึ้นด้วยจุดประสงค์บางอย่างซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากตัวของเขาเอง

กระทั่งมาถึงลานจอดรถยนต์ที่มีแสงมืดสลัว รถยนต์จอดลงอย่างเงียบเชียบด้านหน้าร้านอาหารเปิดโล่ง แทบไม่รู้สึกถึงการแตะเบรกอย่างนิ่มนวล ยิ้มร้ายปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลา

“เป็นเรื่องดีที่คุณไม่กลัวผมไปเสียก่อนจะได้คุยงานกันจริงจัง แต่วันหลัง... ต่อให้เป็นแลมโบกินี่ อย่ากระโดดขึ้นรถผู้ชายคนไหน มันอันตรายนะ คุณพาย” น้ำเสียงเข้มขรึมเตือนด้วยความหวังดี

รถยนต์ราคาเหยียดยี่สิบห้าล้านไม่ได้การันตีอะไร เธอแค่เป็นคนที่ชอบทำตามความรู้สึก จึงหันไปบอก

“ฉันไม่รู้สึกว่าคุณเมฆอันตราย แล้วก็... สาว ๆ สวย ๆ ถึงพริกถึงขิง ไม่จืดชืดอย่างฉันคงไม่ต้องใช้เงินถึงสามแสนมั้งคะ”

ชายหนุ่มหักมุมปากลงอย่างไม่เห็นด้วยนักในข้อแรก “ถ้าไม่รู้สึกเลยว่าผมอันตราย... บางทีคุณอาจไม่มีต่อมความรับรู้...”

“บางทีฉันอาจเป็นพวกตายด้าน” เธอย้อนตอบ ก่อนมองซ้ายขวาว่าเป็นที่ไหน ด้วยความมืดของร้านที่มีเปิดเพียงไฟสลัว ๆ แต่กลับเห็นผู้คนมากมายจำภายนอกร้าน

ดวงตาคู่สวยวูบไหวสั่นมองกระจกใสรอบๆ ข้างในมีมินิบาร์ ขณิกามารับประทานอาหารร้านนี้กับเพื่อนฝูงและลูกน้องอยู่เป็นประจำ รวมถึงหนุ่มคนหนึ่งที่เหยียบย่ำความรักของเธอเสียไม่มีชิ้นดี

“ว่าแต่... เราจะคุยกัน.. ร้านนี้เหรอคะ?”

“ร้านนี้มันมีอะไรครับ? หรือว่าลูกสาวท่านรองฯ ไม่ชอบ เพราะร้านมันไม่หรูพอ”

ร้านอาหารนี้ห่างไกลคำว่าหรูมาก ด้วยลักษณะการตกแต่งอย่างทันสมัย กว้างขวางโอ่อ่าและยังอยู่ใจกลางเมือง เธอแค่ไม่อยากนึกถึงพิภพอีก ทว่าพอหันไปสบแววตาคู่คมเปล่งประกาย

“หรือว่า... เคยมากับใครล่ะ?” ท่าทางประชดประชันครั้งที่สอง ใบหน้าเศร้าหมองเปลี่ยนไปเป็นระเรื่อยิ้มอย่างฝืนใจ

“ไม่มีอะไรค่ะ...”

“ดีแล้วที่ไม่มี เพราะถ้ามี ผมจะทำให้มันไม่มี... เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย”

คำพูดนั้นทำให้งุนงงอยู่น้อย ๆ เมื่อสุภาพบุรุษเป็นฝ่ายเปิดประตูเชื้อเชิญ ให้รวบรวมความกล้าเผชิญหน้ากับบรรยากาศเดิม ๆ

เรียกว่าเป็นการบังคับคงดีเสียกว่า เพราะถ้าหากว่าเลือกร้านอาหารได้เธอจะไม่มาเหยียบร้านนี้ ในสภาพหัวใจบอบช้ำกลัดหนองแน่นอน!

“ใกล้ออฟฟิศ และน่าจะใกล้ที่พักของคุณพายด้วยหรือเปล่า? ผมไม่แน่ใจ ผมว่าสะดวกกว่าเส้นอื่น รถมันออกจะติดนะครับ” เขาให้เหตุผลที่พาเธอมาร้านนี้ พลางสาวเท้าก้าวให้ช้าลงเท่ากันกับคนตัวเล็กกว่า

ร่างสูงเดินนำไปยังโต๊ะที่จองไว้ นั่งทับที่เดิมของใครบางคนอย่างจงใจ พอถึงเวลาที่บริกรหนุ่มมารับรายการอาหาร เขายังสั่งอาหารเมนูที่เธอจะมาสั่งมันเป็นประจำ

“ต้มยำ... ผัดผัก ยำ...”

บริกรหนุ่มยิ้มรับรายการอาหารจากลูกค้าที่ยังบอกด้วยว่า ‘เผ็ดน้อย’ และไม่เอาหัวหอม ส่วนสำหรับตัวเขาเป็นน้ำผลไม้ เพราะว่าขับรถมาเองเขาก็จะไม่แตะต้องเครื่องดื่มแอลกฮอล์

คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองชายตรงหน้าด้วยความคิดหลายอย่าง อันที่จริงเธอเอะใจมาได้สักพักแล้วว่าคำพูดจาของเขาแปลกๆ

“คุณเมฆคะ ถ้าฉันจะถามตรง ๆ ...”

“คุณคิดว่าผมเป็นใคร? ผมจะเดินเข้าไปหาคุณเฉย ๆ ทำไม ผมไปจ้างบริษัทอื่นที่เปิดมาเป็นสิบยี่สิบปี เก๋ากว่าบริษัทคุณก็ได้” ตาคมลืมพรึบจากเมนูอาหาร วางมันไว้บนโต๊ะ รวบมือไว้บนหน้าตักด้วยกริยาเชิดหยิ่งทุกกระเบียดนิ้ว

“ตามผมมาครับ...”

ร่างสูงลุกจากเก้าอี้ไปดื้อ ๆ อย่างจงใจบอกให้รู้ว่าถ้อยคำของเขาเป็นคำสั่ง!

ขณิกาค่อนข้างแปลกใจกับนิสัยเอาแต่ใจ รู้เรื่องของเธอทุกอย่าง แต่กลับคาดเดาอะไรไม่ได้สักอย่างของ ‘คุณเมฆ’ ยังมีความจริงที่แทงใจดำอยู่ไม่น้อยว่าบริษัทเธอมันเป็นแค่บริษัทเล็ก ๆ เปิดมาแค่สองปีกว่า เป็นเหตุผลให้เธอยอมขึ้นรถมากับเขา

จนถึงตอนนี้เธอแค่เดินตามไปถึงในอีกมุมหนึ่งของร้าน ผ่านผู้คนประปรายในร้านซึ่งเคยโต๊ะแน่นขนัดทุกค่ำคืน

ดวงตาสว่างใสปรายมองตามปลายนิ้วชี้ของคนที่หยุดปลายเท้าลงหน้าตุ๊กตาปั้นตัวหนึ่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel