บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 กลับด้วยกันไหม

"นั่นเหรอ คุณเนย์...น้องสาวเจ้าของมหาวิทยาลัย?" นงผกา เพื่อนในกลุ่มเดียวกันกับนุชจรีย์ ว่าเชิงกระซิบกระซาบ สะกิดแขนยิกๆ เมื่อผู้หญิงร่างสูงโปร่ง ผมสีบรอนซ์ ใส่คอนแทคเลนส์สีน้ำตาล ใส่เสื้อนักศึกษาพอดีตัวกับกระโปรงทรงเอตัวสั้น

ใบหน้าสวยหวานของผู้หญิงคนนั้น แตกต่างจากบุคลิกและการแต่งตัวโดยสิ้นเชิง

"ก็ใช่น่ะสิ เมื่อเช้าคุณศรัญก็มาส่ง...ดูท่าไม่เหมือนจะเป็นแค่น้องสาวนะ" บุษบา อีกคนที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทตอบกลับแทนให้ จนนุชจรีย์ผู้ที่ไม่อยากจะนินทาเจ้านาย เพราะไม่อยากมีปัญหา ต้องส่ายหน้า

"พอได้แล้ว รีบทำงานกันดีกว่า ถ้าเสร็จวันนี้เลย พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องมาทำอีก" นุชจรีย์ผู้เป็นหัวเรือของกลุ่ม ว่าพร้อมพิมพ์รายงานอย่างเร่งมือ เธอไม่อยากเสียเวลาสักวินาทีไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

แม้ว่าภาพของผู้หญิงสวยหวาน...ดวงตากลมโตเปล่งประกาย กอดคอ หอมแก้มพี่ชาย จะยังคงฉายชัดอยู่ในหัว

เมื่อวาน ช่วงเย็นเธอได้ดูแลเรื่องอาหารช่วยทีมครัว ในการจัดเลี้ยงต้อนรับ เนรมิต เสาวภา หลานสาวแม่เลี้ยงของศรัญ ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าเป็นแค่หลานสาวแม่เลี้ยง แล้วทำไมต้องรับมาอยู่ด้วยและจัดเลี้ยงต้อนรับให้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้

แต่ต่อให้อยากจะรู้แค่ไหน ก็ไม่กล้าเปิดปากถามยายเทียม เพราะรู้ดีว่า นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว น่าจะได้คำด่ามาแทนด้วย!

'อย่าทำตัวกินบนเรือน ขี้รดบนหลังคาเหมือนไอ้พวกนั้น...นินทาเจ้านายไปวันๆ ทั้งๆ ที่ตักข้าวของเขาเข้าปาก ใช้ไม่ได้'

ยายเทียมจะพูดแบบนี้เสมอ เวลาได้ยินใครพูดไม่ดีเกี่ยวกับเจ้านาย แล้วจะให้เธอกล้าถามได้ยังไงเล่า ก็ต้องทำตัวปิดหู ปิดปากต่อไป

"แกไม่อยากรู้เหรอ ว่าคุณเนย์อะไรนี่...มีความสำคัญกับคุณศรัญยังไง?" นงผกาว่าเชิงโน้มน้าว กะพริบตาถี่ เพราะถ้าเธอไม่ได้รู้เรื่องนี้ ต้องข่มตานอนไม่หลับไปอีกหลายวันแน่

"ไม่อยากรู้อ่ะ รู้ไปรายงานก็ไม่เสร็จเร็วขึ้นนี่" ตอบแบบไม่ยอมละสายตาจากหน้าจอและแป้นพิมพ์ จนสองสาวต้องรีบส่ายหน้า

"ก็ต้องรู้ข่าวสารบ้านเมืองบ้างปะ ไหนๆ เขาก็เป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยเรานะเว้ย"

"พอได้แล้วไอ้นง รีบช่วยมันทำรายงานเถอะ เดี๋ยวเราค่อยไปสืบจากคนอื่นก็ได้ ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องมีคนอยากรู้เยอะอยู่แล้ว ฉันว่า..." แล้วสองคนก็หัวเราะเชิงเข้าขากัน ส่วนนุชจรีย์ผู้ที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครเท่าไหร่ ได้แต่ถอนหายใจตามหลังเท่านั้น

ชีวิตที่ไม่อยากจะพึ่งพาใครมากอย่างเธอ เพราะพึ่งพามาตลอดและอยากจะแบ่งเบาภาระตามที่มารดาสอนมา นอกจากตั้งใจเรียนแล้ว เธอก็อยากจะทำตามความฝัน หาเงินส่งตัวเองไปด้วย...

อย่างเช่น เย็นนี้ ที่เธอมีถ่ายแบบชุดวาบหวิว ธีม 'ชงกาแฟ' ที่ชั้นบนของคาเฟ่ลับแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้นอ้อเป็นคนจัดการรอเอาไว้ เพราะฉะนั้น ยังไงวันนี้เธอจะต้องทำรายงานให้จบก่อน ห้าโมงเย็น

"โอเค เรียบร้อยละ ฝากแกพิสูจน์อักษรให้อีกทีนะบุษ ส่วนนง...ฝากดูเรื่องเรฟเฟอร์เรนท์ด้วย ฉันส่งไฟล์ให้ละ"

"โอเคๆ ได้ๆ" บุษบาผู้นั่งกินผลไม้เปรี้ยวแก้ง่วงอยู่กับนงผการีบตอบรับ ก่อนจะโบกมือให้เพื่อนผู้รีบร้อนเหลือเกิน ไม่มีหรอกที่หลังเลิกเรียน นุชจรีย์จะได้ไปเดินห้างหรือหาของกินอร่อยๆ รับประทานเหมือนกับคนอื่น

"สู้ๆ นะแก" ทุกคนรู้ว่าเธอมีงานพิเศษรออยู่ แต่ไม่รู้ว่ามันคืองานอะไร ฝ่ายนั้นเล่าง่ายๆ ว่าเป็นพาร์ทไทม์ร้านขนมหรือบางทีก็ร้านขายเสื้อผ้า บางทีก็เป็นผู้ช่วยช่างภาพ ซึ่งทุกคนก็เชื่อแบบนั้น

นุชจรีย์เดินลงส้นไปบนรองเท้าคัทชูมีส้นสีดำที่ไม่ได้สูงมาก เข้ากับกระโปรงทรงเอสีดำที่ยาวกรอมเข่า...และเข้ากับเสื้อนักศึกษาตัวโคร่งของเธอเช่นกัน

เธอเป็นคนที่ชอบแต่งตัวเรียบง่าย ผมก็แค่รวบเอาไว้ง่ายๆ ด้วยสีผมสีน้ำตาลเข้ม ที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนตามคอนเซ็ปต์การถ่ายแบบ ถ้าเป็นปกติเธอก็ชอบที่เส้นผมของตัวเองจะเป็นสีดำมากกว่า

"กลับด้วยกันไหม" แต่ในขณะที่เธอกำลังเร่งฝีเท้า...ไปตามริมฟุตบาท ก็ต้องชะงักกับเสียงทุ้มกังวานที่คุ้นหูซะก่อน

"..คะ?" เธอหันไปมองยังต้นเสียง ก็พบว่า ใบหน้าเรียวคมอยู่ในกรอบของกระจกที่ลดลง ทำเอาใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้น

"อีกสองนาที น้องเนย์จะลงมา...กลับด้วยกันได้นะ" น้ำเสียงของเขาราวกับระฆังเงิน ตั้งแต่ได้มีโอกาสนั่งรถกลับกับเขาเมื่อวันนั้น เธอก็ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเจ้าของบ้านอีก

ยิ่งเมื่อวานที่เขาจัดงานเลี้ยงต้อนรับน้องสาวอย่างอบอุ่น เธอก็เป็นได้แค่คนเสิร์ฟอาหารและลอบมองแบบเงียบๆ เท่านั้น ใครจะไปคิดฝันว่าจะได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาอีก

"จะกลับบ้านเลยหรือเปล่าละ ถ้าใช่ ก็ขึ้นมา" น้ำเสียงของเขามีความอ่อนโยนเป็นปกติ ไม่ได้คะยั้นคะยอหรือกดดัน เธอสัมผัสได้ถึงความให้เกียรติประปรายอยู่ในนั้น

"ขอบคุณนะคะ" เธอว่าพร้อมเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนที่นั่งด้านหลัง วันนี้เขาไม่ได้ขับรถคันเดียวกับเมื่อวาน แต่กลับมาขับคันที่เขาใช้ประจำ Mercides Benz สีขาว 4 ที่นั่ง

"อ้อ แล้ววันนี้ไม่ได้ไปทำงานพิเศษเหรอ ลืมถามเลย" เมื่อนุชจรีย์ขึ้นมานั่งด้านหลังคนขับเรียบร้อย เขาก็พูดกับเธอ แถมยังสบตาจากระจกมองหลัง

"อ้อ ยังไม่มีค่ะ" หญิงสาวใช้นิ้วไขว้กันซ่อนไว้ ไม่มียังไง...เธอถูกโทรตามแล้วหลายสาย แต่ก็ยังอยากฉวยโอกาสขึ้นรถกลับบ้านกับผู้ชายที่ตัวเองปลื้มก่อน

ก็โอกาสของเธอมีน้อยนี่นา...

คว้าอะไรได้ก็อยากจะคว้า โอกาสแบบนี้มันมีกันบ่อยๆ ซะที่ไหนล่ะ!

"ดีแล้วล่ะ ไม่ต้องทำเยอะมากหรอก เอาเวลาไปอ่านหนังสือและดูแลยายเทียมดีกว่า" เขาดูจะเป็นห่วงเป็นใยแม่นมของตัวเองเหลือเกิน นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เธอรู้สึกปลาบปลื้มในตัวเขา

ผู้ชายอบอุ่น กตัญญู ไม่ดูถูกคน ทั้งๆ ที่รวยล้นขนาดนี้

"มาแล้วค่ะ รอนานไหมคะ!" น้ำเสียงเจื้อยแจ้ว กังวานใส เปิดประตูเข้ามานั่งบนรถข้างคนขับ แต่แล้วรอยยิ้มของเธอก็ค่อยๆ หุบลงเมื่อพบว่า มีบุคคลที่สามนั่งอยู่ในรถด้วย

"นี่...ใครนะคะ?" สายตาไม่เป็นมิตรทำเอานุชจรีย์ตัวชาไปทั้งร่าง เคยแต่ได้ยินฤทธิ์เดช ไม่คิดว่าตัวจริงจะยิ่งกว่านั้น

"พี่นุช หลานแม่นม...พี่ชวนกลับด้วยกันเองแหละ บังเอิญเจอเข้า" ศรัญตอบกลับเรียบๆ ก่อนจะออกรถ หมุนพวงมาลัยเลี้ยวออกจากมหาวิทยาลัยอย่างคล่องแคล่ว เหมือนไม่ได้เห็นเลยว่าตอนนี้ เนรมิตกำลังมองนุชจรีย์ด้วยสายตาเช่นไร

"แหม พี่ศรัญก็เป็นแบบนี้ตลอดเลยนะคะ ใจดีมีเมตตาไปกับทุกคน ทุกอย่าง...ขนาดเจอหมาข้างทาง ยังวนไปซื้ออาหารมาให้มันกินอีกนะคะ...ชื่ออะไรนะ นุชเหรอ?" นุชจรีย์รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้กำลังพูดจากระทบตัวเอง แต่ก็เลยยิ่งรู้สึกอึดอัด

"ค่ะ ชื่อนุชจรีย์"

"อ้อ นึกออกละ ใช้พี่ที่เรียนเก่งที่สุดของคณะใช่ไหมคะ เห็นอาจารย์พูดชื่อให้ฟังบ่อยๆ" เธอเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะรู้สึกว่าน้ำเสียงหวานๆ ที่กำลังเจื้อยแจ้วอยู่ตอนนี้ ไม่ได้เข้ากับหน้าตาของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

วาจากระแทกแดกดัน และดูหมิ่น ทำให้นุชจรีย์แทบจะทนไม่ไหว

ถ้าเธออยู่ต่ำกว่านี้อีกนิดเดียว...ได้มีจิกหัวตบแน่!

"ใช่ เอาพี่เขาเป็นแบบอย่างด้วยละ มีปัญหาอะไรก็ไปขอคำปรึกษา พี่เขาสอบได้ที่หนึ่งทุกปี...ปีนี้ก็คะแนนสูงสุดของชั้นปีเลยนะ" ศรัญเป็นคนตอบให้แทน น้ำเสียงของเขามีความชื่นชมชัดเจน เหมือนไม่ได้รับรู้เลยว่าตอนนี้เนรมิตกำลังกระแทกแดกดันอีกฝ่ายอยู่

หรือเขารู้ แต่ทำเป็นไม่รู้...กันแน่

"โอ๊ย ใครเขาจะบ้าเรียนอย่างเดียวละคะพี่ศรัญ คนที่จะต้องบากบั่น อดทนในการเรียนอย่างเดียว ก็มีแต่พวกที่ไม่มีทางเลือกอื่นเท่านั้นแหละค่ะ เนย์เป็นน้องสาวพี่..เนย์มีต้นทุนทุกอย่าง เนย์ขอเรียนให้มีความสุข สนุกกับทุกกิจกรรม เรียนพอขำๆ ดีกว่าค่ะ" เธอว่าพร้อมหัวเราะ พูดทีเล่นทีจริง ก่อนจะเกาะแขนคนขับโชว์ให้นุชจรีย์ได้เห็น

ภาพที่เมื่อวาน ผู้หญิงคนนี้หอมแก้มพี่ชายคนละสายเลือดกับตัวเองซ้อนเข้ามา

ใจของนุชจรีย์สั่นรัว เต้นพร่า...

ให้ตายเถอะ ทำไมเธอรู้สึกคันยิบๆ ที่มือได้ขนาดนี้!

"เรานี่นะ จริงๆ เลย" แล้วดูเอาเถอะ ขนาดเนรมิตพูดขนาดนี้ คนใจดีอย่างศรัญก็ยังเห็นเป็นเรื่องน่าเอ็นดู

เธอล่ะรู้สึกขัดใจจริงๆ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจาก...

เชอะ!

ร้องเชอะ! ดังๆ อยู่ในใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel