บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ลูกน้อย

พราวพนิตส่งยิ้มน้อย ๆ ให้กับอดีตสามี วันนี้แล้วสินะที่พันธะระหว่างเธอกับรุจน์จะจบลง

สองปีที่รู้ทั้งรู้ว่าเขารักคนอื่น

สองปีที่คิดว่าจะเปลี่ยนความรู้สึกของรุจน์ได้

แต่เปล่าเลย…เขาก็ยังรักคนรักของเขาไม่เคยเปลี่ยน

“เข้าไปข้างในกันเลยไหมคะ”

รุจน์มองดวงหน้าสวยหวานที่ยังคงดูสดใสพราวพนิตคงไม่รู้สึกอะไรเพราะทั้งเขาและเธอต่างก็รู้ดีว่า ที่ต้องมาอยู่ในสถานะสามีภรรยาก็เพื่อทำตามความต้องการผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย

“ครับ”

พราวพนิตนั่งลงเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ดูสงบเงียบที่สุด เป็นรุจน์เองที่ลอบมองหญิงสาวด้วยความรู้สึกสับสน เขาไม่เห็นความอ่อนแอใด ๆ จากแววตาของพราวพนิต อย่างน้อยที่เธอเป็นแบบนี้ เขาก็ยังพอรู้สึกดีกว่าที่จะเห็นหญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายออกมา

“ตัดสินใจกันดีแล้วใช่ไหมครับ”

พราวพนิตพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ผิดกับรุจน์ที่แววตาฉายแววลังเลจนเห็นได้ชัด นายทะเบียนยื่นเอกสารวางไว้ตรงหน้าของคนทั้งสอง ก่อนที่พราวพนิตจะเป็นฝ่ายหยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงบนกระดาษอย่างไม่รีรอ รุจน์มองลายเซ็นที่คุ้นตาอยู่แวบหนึ่ง ใบหน้าคมเข้มเหลียวมามองหน้าผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ร่วมเตียงกับเขามาสองปีเต็ม ก่อนจะจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงในกระดาษ ที่นับแต่วันนี้จะเปลี่ยนแปลงสถานะของเขากับเธอไปตลอดกาล

“ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของคุณทั้งสองได้จบลงอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะครับ ผมขอให้พวกคุณทั้งสองโชคดีครับ”

พราวพนิตยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ต่อจากนั้นก็หยิบใบหย่าขึ้นมาใส่ไว้ในซองเอกสาร

“พี่รุจน์จะว่าอะไรไหมคะ ถ้าพราวจะขอไปลาคุณป้าเป็นครั้งสุดท้าย”

รุจน์มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่หวาน เขาเห็นแต่ความใส่ซื่อในดวงตาคู่นั้น แม่ยังไม่รู้ว่าเขากับพราวพนิตหย่ากันแล้ว แม้ว่าก่อนที่จะตกลงแต่งงานกับพราวพนิตตามที่ท่านขอ รุจน์ได้บอกแม่แล้วว่าเขาจะใช้ชีวิตฉันผัวเมียกับ พราวพนิตแค่สองปีเท่านั้น

ถ้าท่านยอมรับข้อเสนอของเขาได้ รุจน์ก็ยินดีที่จะแต่งและแน่นอนว่าแม่ยอมรับตามที่เขาเสนอ

“พี่ยังไม่ได้บอกเรื่องหย่าให้แม่รู้”

พราวพนิตพอที่จะเข้าใจความรู้สึกของรุจน์ เขาคงลำบากใจไม่น้อยที่จะพูดเรื่องหย่าให้แม่ของชายหนุ่มฟัง

คุณหญิงรจเรศ มารดาของรุจน์ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดี ตั้งแต่วันที่เธอก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้ ท่านก็รักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเธอเป็นหลานสาวของเพื่อนสนิทของท่านด้วยกระมัง

“ถ้าอย่างนั้นพราวค่อยไปกราบลาคุณป้าวันหลังก็ได้ค่ะ”

“ถ้าพราวอยากไปก็ไปเถอะ ช้าหรือเร็วแม่พี่ก็ต้องรู้อยู่ดี” รุจน์คิดเอาไว้ว่าอยากให้เวลาผ่านไปสักพักแล้วถึงจะบอกเรื่องหย่าให้แม่รู้ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าพราวพนิตเคารพแม่มาก เธอคงอยากไปลาแม่เป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ

“เอาไว้วันหลังก็ได้ค่ะ พราวไม่อยากให้พี่รุจน์ลำบากใจ” เธอปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม ในเมื่อรุจน์ยังไม่บอกให้แม่ของเขารู้ก่อน ถ้ารจเรศมาทราบจากปากของเธอ มันก็คงไม่เหมาะสักเท่าไหร่

“พี่ไม่ลำบากใจหรอก ไปสิ เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่ง”

เขาไม่เคยลำบากใจอะไรเลยเมื่อได้อยู่กับพราวพนิต

ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสบายใจเสียมากกว่า รู้สึกสบายใจจนคิดว่าตัวเองอาจจะตัดสินใจอะไรพลาดไป

“ถ้าพี่รุจน์ไม่ได้คิดอะไร พราวขอไปพบคุณป้าค่ะพราวนั่งรถไปเองน่าจะเหมาะกว่า ขอบคุณพี่รุจน์มากเลยนะคะ พราวขอตัวก่อนค่ะ” พราวพนิตยกมือไหว้อดีตสามีอย่างน้อยรุจน์ก็ยังคงมีน้ำใจเหลืออยู่บ้าง ยอมรับว่ารู้สึกดีที่เขาชวนเธอนั่งรถไปด้วย แต่พราวพนิตก็รู้ตัวเองดี ในเมื่อทุกอย่างมันจบลงแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกันอีก

อดีตภรรยาเดินหายขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่จนรถแล่นไปลับตาแล้ว แต่รุจน์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขารู้สึกฉุนเมื่อถูกหญิงสาวปฏิเสธ ทั้ง ๆที่สิ่งที่พราวพนิตทำมันถูกต้อง แต่กลับทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น

‘ครับสิ’ รุจน์กดรับโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า

เมื่อก่อนถ้าเพียงแต่เห็นชื่อของสิตาโชว์อยู่หน้าจอ เขาก็ยิ้มแก้มปริแล้ว แต่ทว่าตอนนี้เขากลับไม่เหลือความรู้สึกเหล่านั้น ‘ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ เอาไว้คุยกันทีหลังนะครับ ผมขับรถอยู่’

เขาวางสายลง ความรู้สึกที่ไม่อยากฟังเสียงออดอ้อนของสิตาเริ่มกัดกร่อนเข้ามาเรื่อย ๆ จนมันพอกพูนสร้างความอึดอัดให้เขา อึดอัดจนรุจน์กลัวว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจในวันนี้ มันจะทำให้เขาเสียใจได้ในภายภาคหน้า

“หนูพราว”

“สวัสดีค่ะคุณแม่” พราวพนิตคลานเข่าเข้าไปหาผู้หญิงที่เธอรักและเคารพ รจเรศรู้สึกสังหรณ์ใจ ท่าทีของลูกสะใภ้ดูเปลี่ยนไป ไหนจะดวงตาที่ดูหม่นเศร้าของหญิงสาวอีก

“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าหนูพราว”

หญิงสาวยิ้มด้วยรอยยิ้มแสนเศร้า แม้ว่ารุจน์จะไม่เคยรักเธอเลย แต่อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่มีโอกาสได้มีแม่สามีที่รักและเอ็นดูเธอเหมือนดังลูกสาวคนหนึ่ง พราวพนิตสวมกอดผู้เป็นแม่ของอดีตสามี

“พราวมาลาคุณแม่ค่ะ”

“ลา ลาไปไหน”

“พราวกับพี่รุจน์หย่ากันแล้วค่ะ”

รจเรศทาบมือกับอก ทั้งรู้สึกโมโหและน้อยใจลูกชายที่ตัดสินใจทำอะไรลงไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวเธอสักคำอย่างน้อยก่อนที่จะหย่าก็ควรจะบอกหัวแก่หัวดำคนนี้บ้างไม่ใช่ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตากันอย่างนี้

“เป็นความต้องการของรุจน์ใช่ไหม”

“ค่ะ พี่รุจน์ขอพราวหย่า”

หญิงสูงวัยพ่นลมหายใจออกมา ใช่อยู่ว่าลูกชายเคยบอกเอาไว้แล้วว่าจะหย่ากับพราวพนิต ถ้าแต่งงานกันครบสองปี แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ควรบอกกล่าวให้คนเป็นแม่อย่างเธอรู้บ้าง

“หนูพราว…แม่ขอโทษนะลูก ขอโทษที่ทำให้หนูต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้”

“คุณแม่ไม่ต้องขอโทษพราวหรอกนะคะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณแม่ พราวเต็มใจแต่งงานกับพี่รุจน์เอง รู้ทั้งรู้ว่าพี่รุจน์มีคนรักอยู่แล้วแต่พราวก็ยังยินดีแต่งงานกับพี่รุจน์”

แม้ส่วนหนึ่งจะเกิดจากความต้องการของผู้ใหญ่ แต่ถ้าเธอยืนยันกับป้าว่าไม่แต่ง ท่านก็คงไม่บังคับ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะความยินยอมของเธอทั้งหมด

“หนูพราวรักพี่รุจน์ใช่ไหมลูก”

พราวพนิตหลุบตาลงแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ “ค่ะพราวรักพี่รุจน์”

“โธ่…หนูพราว แม่ขอโทษถ้าแม่ไม่ยืนยันให้รุจน์แต่งงานกับหนู เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้ แม่ผิดเองที่คิดว่าถ้าตบแต่งกันไป รุจน์จะต้องรักหนูพราวสักวัน” รจเรศพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เป็นความผิดของเธอเองทั้งหมด สงสารก็แต่พราวพนิตที่ต้องมาตกเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาวอย่างนี้ “แม่ขอโทษนะลูก ขอโทษจริง ๆ”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณแม่เลยค่ะ พราวกับพี่รุจน์คงไม่ใช่เนื้อคู่กัน ถึงต้องได้หย่ากันแบบนี้ คุณแม่อย่าห่วงพราวเลยนะคะ พราวเตรียมใจเอาไว้แล้ว ตลอดสองปีที่ผ่านมาถึงแม้พราวจะมีโอกาสได้ทำหน้าที่ภรรยา แต่พราวก็รู้มาโดยตลอดว่าพี่รุจน์ไม่เคยรักพราวและไม่เคยลืมคนรักของพี่รุจน์เลย” พราวพนิตเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลรินลงมาแล้วฝืนยิ้มให้กับอดีตแม่สามี “พราวมีบางอย่างที่อยากบอกคุณแม่แต่พราวขออะไรคุณแม่อย่างหนึ่งได้ไหมคะ”

ก่อนที่จะบอกความจริงบางอย่างให้แม่ของรุจน์ทราบ พราวพนิตอยากมั่นใจว่าสิ่งที่เธอต้องการบอกให้แม่อดีตสามีรู้ต้องถูกเก็บเป็นความลับ

รุจน์ต้องไม่มีวันรู้เรื่องนี้

รจเรศมีสีหน้ากังวล ลูกสะใภ้มีอะไรที่อยากจะบอกเธอ มันคงเป็นเรื่องที่สำคัญ พราวพนิตถึงได้ดูมีสีหน้าเคร่งเครียด

“เรื่องที่พราวจะบอกคุณแม่ พราวไม่อยากให้พี่รุจน์รู้

คุณแม่สัญญากับพราวได้ไหมคะ ว่าจะเก็บเรื่องที่พราวกำลังจะบอกเป็นความลับ”

“แม่สัญญาจ้ะ”

หญิงสาวหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นไปให้กับแม่ของอดีตสามี รจเรศยกมือปิดปาก รู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น

“นี่หลานของแม่เหรอจ๊ะหนูพราว” น้ำเสียงของ รจเรศสั่นเครือ พราวพนิตกำลังตั้งครรภ์หลานของเธอ

ลูกของรุจน์

“พราวท้องได้สองเดือนแล้วค่ะคุณแม่”

ว่าที่คุณแม่ยิ้มละมุนพร้อมกับลูบที่หน้าท้องของตัวเองเบา ๆ เธอเพิ่งรู้ตัวว่าท้องไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เดิมทีตั้งใจที่จะบอกให้รุจน์รู้ แต่ทว่าก็ไม่มีโอกาส ในเมื่อหย่าขาดกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกเรื่องลูกให้เขารู้

พราวพนิตไม่อยากให้ลูกเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้เขาต้องจำใจอยู่กับเธอ

“รุจน์ยังไม่รู้ว่าหนูท้อง?”

“ค่ะ พี่รุจน์ไม่รู้ว่าพราวท้องและจะไม่มีวันได้รู้ว่ากำลังจะเป็นพ่อของลูกพราว”

รจเรศใจหาย เธอเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็งของอดีตลูกสะใภ้ พราวพนิตดูภายนอกดูอ่อนโยน แต่จริง ๆแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่ใจเด็ดที่สุดและงานนี้ลูกชายคงไม่มีทางได้เข้าใกล้สองแม่ลูกแน่

“คุณแม่ไม่โกรธพราวใช่ไหมคะ ที่พราวไม่ยอมบอกเรื่องลูกให้พี่รุจน์รู้ พราวไม่อยากเอาเรื่องลูกมาทำให้พี่รุจน์ลำบากใจ อีกไม่นานพี่รุจน์ก็จะแต่งงานกับคนรักแล้ว พราวคิดว่าทำแบบนี้ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย”

“แม่เข้าใจและยอมรับการตัดสินใจของหนูพราวจ้ะแต่แม่ขอหนูพราวเรื่องหนึ่งได้ไหมจ๊ะ”

พราวพนิตมองดวงหน้าอดีตแม่สามี ไม่ว่าเรื่องใดที่ท่านอยากขอร้องและถ้าเธอสามารถทำให้ได้ เธอก็ยินดี

“หนูพราวอย่าหายหน้าไปจากชีวิตแม่ได้ไหมลูก ขอแม่ได้ช่วยหนูเลี้ยงหลานด้วยได้ไหม”

รจเรศดวงตาฉ่ำน้ำ นึกเสียใจที่รุจน์จะไม่มีโอกาสได้รู้ว่าตอนนี้พราวพนิตกำลังตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา แต่ในเมื่อมันเป็นการตัดสินใจของอดีตลูกสะใภ้ รจเรศก็จะไม่ก้าวก่าย ดีเหมือนกันลูกชายของเธอจะได้เรียนรู้เสียบ้างว่าการเสียคนที่รักไปมันเป็นอย่างไร

“พราวจะไม่หายหน้าไปไหนค่ะ คุณแม่ไปหาพราวได้ทุกเมื่อ ถ้าคุณแม่ไม่รังเกียจจะไปค้างคืนกับพราวก็ได้นะคะ พราวซื้อบ้านหลังใหม่แล้วค่ะ กำลังตกแต่งอยู่ สิ้นเดือนนี้ก็เข้าอยู่ได้แล้วค่ะ”

“หนูพราวไม่ได้อยู่ที่บ้านเดิมแล้วหรือลูก” หลังแต่งงานลูกชายกับอดีตลูกสะใภ้คนนี้ก็แยกตัวออกไปใช้ชีวิตกันตามลำพังซึ่งรจเรศก็รู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความต้องการของลูกชายของเธอทั้งหมด ช่างน่าแปลกใจเหลือเกิน อยู่ด้วยกันมาตั้งสองปี มีสัมพันธ์เหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป แต่ทำไมรุจน์ถึงไม่มีใจให้พราวพนิต

“พราวประกาศขายบ้านที่เป็นเรือนหอของพราวกับพี่รุจน์แล้วค่ะ มีคนสนใจติดต่อมาแล้ว นัดดูบ้านอาทิตย์หน้าค่ะ ไหน ๆ พราวกับพี่รุจน์ก็หย่ากันแล้ว พราวไม่อยากเหลืออะไรเอาไว้เป็นความทรงจำอีกค่ะ แต่คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ พราวตั้งใจจะแบ่งเงินจากที่ขายบ้านให้พี่รุจน์อยู่แล้วค่ะ พราวไม่อยากมีอะไรที่ต้องติดค้างกันอีก”

ความแน่วแน่พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นคงของพราวพนิต ทำให้รจเรศรู้สึกท้อใจ เห็นทีว่าเด็กสองคนนี้คงกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว

“พราวขอกลับมาเรียกคุณแม่ว่าคุณป้าเหมือนเดิมนะคะ พราวไม่ได้เป็นภรรยาของพี่รุจน์แล้ว ถ้าจะเรียกแม่แบบเดิมก็คงไม่เหมาะ”

“หนูพราวจำไว้นะลูก ถึงแม้ว่าหนูจะหย่ากับรุจน์แล้วก็ตาม แต่แม่ก็ยังรักหนูเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน”

รจเรศพูดออกมาจากใจ แม้จะไม่ได้อยู่ในสถานะแม่ผัวกับลูกสะใภ้แต่พราวพนิตก็ยังเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวท่านรักและอยากได้เป็นสะใภ้

“พราวขอบคุณคุณป้า ที่รักและเอ็นดูพราว พราวสัญญาค่ะ พราวจะดูแลเจ้าตัวเล็กให้ดีที่สุดค่ะ”

แม้ว่าลูกจะไม่ได้เกิดมามีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่พราวพนิตก็เชื่อได้สนิทใจว่าการที่เด็กคนหนึ่งต้องเกิดมาท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ไร้ความรักเป็นจุดนำระหว่างพ่อกับแม่ บางทีการมีแค่พ่อหรือแม่เพียงฝ่ายเดียวก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กก็ได้

และต่อให้ลูกต้องเกิดมาโดยที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสความรักจากรุจน์ พราวพนิตก็ยินดีที่จะเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้แก่ลูกด้วยความรักที่ออกมาจากหัวใจของคนเป็นแม่อย่างเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel