บทย่อ
เธอเป็นแค่เมียตีทะเบียนที่รอวันที่สามีขอหย่า...
บทที่ 1 หย่า
“เราหย่ากันเถอะ”
พราวพนิตช้อนตาขึ้นมองสามีด้วยใบหน้าเรียบเฉยประโยคที่ได้ยินเมื่อคู่ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท ร่างกายเหมือนถูกเข็มนับร้อยนับพันเล่มทิ่มแทง เจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
‘หย่า…อย่างนั้นหรือ’
“เราสองคนต่างก็รู้ว่าที่แต่งงานกันก็เพราะผู้ใหญ่ พี่อยากแต่งงานและมีความสุขกับคนที่พี่รักจริงๆ”
ใบหน้าคมเข้มดูจริงจังแต่ก็แฝงด้วยความรู้สึกผิด ใช่อยู่ว่าเขากับพราวพนิตแต่งงานกันเพราะความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
แต่เป็นเขาที่ทำให้ทุกอย่างมันยุ่งยากขึ้น
ถ้าเพียงแต่เป็นสามีภรรยากันในนาม อะไร ๆก็คงง่ายกว่านี้ ถึงจะรู้ว่าสัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้น มันเกิดจากความเต็มใจของทั้งเขาและเธอ
แต่…รุจน์ก็รู้สึกละอายใจอยู่ดี
พราวพนิตควรได้มอบความสาวให้กับผู้ชายที่เธอรักไม่ใช่…สามีที่รอวันหย่าอย่างเขา
“สองปีที่เราอยู่ด้วยกันมันไม่มีค่าอะไรกับพี่รุจน์เลยใช่ไหมคะ” น้ำเสียงของเธอราบเรียบแต่แววตากับฉายชัดถึงความเจ็บปวดและน้อยใจ
สองปี…ที่เธอนอนอยู่บนเตียงเดียวกับเขา
สองปี…ที่ร่างกายของเธอมอบความสุขให้เขาทุกค่ำคืน
สองปี…ที่เธอรักและเทิดทูนเขาด้วยหัวใจทั้งดวง
รุจน์หลุบตาลงมองแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้า เขาไม่ปฏิเสธว่าตลอดสองปีที่ผ่านมา เขามีความสุขและสบายใจเมื่อมีพราวพนิตอยู่ใกล้ ๆแม้ว่าการแต่งงานระหว่างเขากับเธอไม่ได้เกิดจากความรักก็ตาม
แต่ทุกอย่างที่พราวพนิตเป็นมันเกินที่ชายหนุ่มคาดเอาไว้ ผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าเขาเกือบสิบปี แต่ความคิดความอ่านและการวางตัว ล้วนได้รับการอบรมและสั่งสอนมาอย่างดีเยี่ยม
พราวพนิตไม่ก้าวก่าย ไม่ล่วงล้ำ ไม่แสดงตัว ไม่เคยกระทำการใดที่ทำให้รุจน์อึดอัดหรือขายขี้หน้า ในทางตรงกันข้าม เธอกับใช้ชีวิตเรียบ ๆอยู่ในมุมของตัวเองเท่านั้น ไม่เคยเรียกร้องอยากมีตัวตนต่อคนรอบข้างของเขา ทั้ง ๆที่มีสิทธิโดยชอบธรรม
ความเงียบของรุจน์คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด อันที่จริงพราวพนิตไม่ควรถามคำถามนั้นออกไปเสียด้วยซ้ำ เพราะคนที่จะเจ็บปวดที่สุดคงหนีไม่พ้นตัวเธอเอง พราวพนิตรู้มาโดยตลอดว่าเขาไม่เคยเสน่ห์หาในตัวเธอ ที่นอนร่วมเตียงและมีความสุขกันทุกคืนมันก็แค่ความอยากและอารมณ์ดิบของคนสองคน
สำหรับเขามันก็คงเป็นการมีเซ็กเหมือนทั่วไป แต่สำหรับเธอมันเป็นการร่วมรักที่เธอยินยอมทั้งกายและใจที่จะมอบให้รุจน์เพียงคนเดียว
“ถ้าพี่รุจน์ต้องการหย่า พราวก็ยินดีค่ะ ไปหย่าวันนี้คงไม่ทันแล้ว เราไปเจอกันที่เขตพรุ่งนี้ 9 โมงเช้านะคะ”
รุจน์พยักหน้ารับอย่างช้า ๆนึกเห็นใจพราวพนิตอยู่ไม่น้อย แต่จะอยู่เพื่อยื้อเวลากันต่อไป พราวพนิตก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หญิงสาวควรได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนที่เธอรักเหมือนที่เขาก็ต้องการใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงที่เขารักเหมือนกัน
“พี่ขอโทษที่ทำให้พราวเสียเวลาอยู่กับพี่ถึงสองปี บ้านรถและเงินในบัญชี พี่ยกให้พราวทั้งหมด พี่เซ็นเอกสารวางไว้ที่โต๊ะในห้องทำงานให้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ” เธอฝืนยิ้ม สองปีที่มีค่าสำหรับเธอ แต่มันเป็นสองปีที่เหมือนอยู่ในคุกของรุจน์สินะ “พราวขอให้พี่รุจน์โชคดีนะคะ จะให้พราวช่วยเก็บของไหมคะ”
“พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว”
เขาอยากไปจากเธอมากขนาดนี้เชียวหรือ แม้แต่ข้าวของของเขาก็เก็บเตรียมเอาไว้จนเสร็จสรรพ หัวใจของ พราวพนิตเหมือนถูกกรีดด้วยมีดที่คมกริบ ต่อให้อยากร้องไห้อ้อนวอนขอให้รุจน์ทบทวนเรื่องหย่าอีกครั้ง
มันก็คงเป็นได้แค่ความฝัน
รั้ง…คนที่ไม่รัก รั้งให้ตายเขาก็ไปอยู่ดี
“จะไปวันนี้เลยใช่ไหมคะ อยู่ทานข้าวเย็นกับพราวเป็นมื้อสุดท้ายก่อนได้ไหมคะ”
สมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้นมา รุจน์หลุบตาลง มองพร้อมกับทำสีหน้าลำบากใจจนเห็นได้ชัด
คนที่เขารักโทรมาสินะ…ถึงได้ทำท่าทีอึดอัดใจ
“ถ้าพี่รุจน์มีนัดแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะพราวเข้าใจ จะไปเลยไหมคะ พราวจะได้ไปส่งที่รถ”
พราวพนิตยิ้มละมุน รอยยิ้มนี้จะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่รุจน์จะได้เห็น เธออยากให้เขาจดจำเอาไว้อย่างไม่มีวันลืมเลือน ว่าครั้งหนึ่งเขาคือคนที่ทำให้รอยยิ้มแสนหวานมันจางหายไปจากใบหน้าของเธอเอง
หญิงสาวลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินออกจากห้องรับแขกรุจน์มองตามแผ่นหลังของอดีตภรรยาด้วยความรู้สึกสับสน เขาควรจะดีใจที่ทุกอย่างมันจบลงด้วยดีสิ
แต่ทำไมหัวใจถึงรู้สึกหวิว ๆคล้ายกับรู้สึกว่าชีวิตกำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างไป
อะไรบางอย่าง…ที่แสนคุ้นเคย
“โชคดีนะคะพี่รุจน์” คำกล่าวลาครั้งสุดท้ายเพื่อบอกกับชายที่เธอรักที่สุด
ใช่…เธอรักเขา รักจนหมดหัวใจ
รุจน์เปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ สายตาสีนิลมองพราวพนิตผ่านกระจกมองหลังในขณะที่รถกำลังเคลื่อนออกจากบ้านไปเป็นครั้งสุดท้าย
ทันทีที่รถหรูเคลื่อนไปจนพ้นสายตา ความเข้มแข็งที่สร้างเอาไว้ก็พังคลื่นลงมาอย่างไม่มีชิ้นดี น้ำสีใส่ไหลพรูลงมาอาบสองแก้มนวล ความเจ็บปวดร้าวที่ได้รับมันเจ็บจวนเจียนจะตาย
ความรู้สึกของคนที่ถูกทิ้ง…มันเป็นแบบนี้นี่เอง
“พ่อ…ไม่ต้องการเราสองคนอีกต่อไปแล้วลูก”
“เป็นยังไงบ้างคะรุจน์ เด็กนั่นยอมหย่ากับคุณไหมคะ” รุจน์มองหน้าคนรักพร้อมกับเอ่ยออกมาเบาๆ
“ครับ”
“แล้วรุจน์จะไปหย่าวันไหนคะ สิว่าไปเร็วที่สุดยิ่งดีเลยค่ะ เดี๋ยวเมียเก่าคุณเปลี่ยนใจ”
“พราวไม่ใช่คนแบบนั้น ตอนที่ผมขอหย่า พราวไม่ฟูมฟายเลยด้วยซ้ำ” รุจน์พูดเสียงกร้าวพร้อมกับแสดงท่าทีหงุดหงิด ตั้งแต่อยู่กินกันมาสองปี พราวพนิตไม่ใช่คนนิสัยร่ำร้องเอาแต่ใจ เธอจัดเป็นผู้หญิงที่นิสัยดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ผิดกับสิตาที่ค่อนข้างเอาแต่ใจและอารมณ์แปรปรวนอยู่เสมอ แต่รุจน์ก็พยายามที่จะเข้าใจ เพราะคิดว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้แฟนสาวมีนิสัยแบบนี้ อาจเป็นเพราะการแต่งงานระหว่างเขากับพราวพนิต
“ทำไมรุจน์ต้องหงุดหงิดสิด้วยคะ คุณไม่เป็นสิ คุณไม่รู้หรอกว่าสิเจ็บปวดมากแค่ไหนที่แฟนตัวเองไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นอย่างออกหน้าออกตา”
รุจน์พรูลมหายใจพร้อมกับจับที่ขมับด้วยความเหนื่อยล้า เขาคือคนที่ทำให้ผู้หญิงสองคนต้องเจ็บปวด
“ผมขอโทษ สิอย่ากังวลไปเลย ผมนัดพราวหย่าวันพรุ่งนี้แล้ว” เขาดึงสิตาเข้ามาสวมกอด ยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายว่าตัวเองเป็นคนผิดทั้งหมด
ผิดที่ไม่หนักแน่นพอ
ถ้ายืนกรานไม่แต่งงานกับพราวพนิต ทั้งสิตากับ พราวพนิตคงไม่ต้องมาจมอยู่กับความทุกข์
“สิรอวันนี้มาสองปี สิรักรุจน์มากเลยนะคะ”
สิตากอดตอบแล้วแหงนหน้ามองคนรักที่เธอรักสุดหัวใจ ตลอดสองปีเต็มที่ต้องทนอับอายและเจ็บปวดที่รุจน์ต้องแต่งงานกับพราวพนิต ในที่สุดรุจน์ก็หลุดพ้นจากการคลุมถุงชนเสียที นับจากนี้ไปรุจน์จะเป็นของเธอเพียงคนเดียว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีทางแย่งเขาไปได้อีกเป็นครั้งที่สอง
สิตาจูบไปที่ปลายคางของรุจน์อย่างแผ่วเบาแล้ว ค่อย ๆลากริมฝีปากลงมาตามลำคอหนาอย่างช้า ๆ สองมือพยายามแกะกระดุมเสื้อทำงานของเขาออก
“อย่าทำแบบนี้ครับสิ” รุจน์จับที่ลาดไหล่เล็กพร้อมกับดันออกเบา ๆ
“สิคิดถึงคุณนี่คะ คืนนี้รุจน์อยู่กับสินะคะ” สิตายังคงออดอ้อน เธอบดเบียดร่างกายเข้าหาแฟนหนุ่มอย่างจงใจยั่วยวนเขา ตั้งแต่รุจน์แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น เขาก็ไม่เคยแตะต้องตัวเธออีกเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงาน
สิตากับรุจน์ก็มีเซ็กเหมือนคู่รักทั่วไป ถึงจะไม่บ่อย แต่ก็ไม่เคยห่างนานถึงสองปีแบบนี้
“คุณไม่คิดถึงสิหรือคะ”
สิตาจับมือหนาขึ้นมาวางแนบกับทรวงอกอวบที่มีเขาเป็นเจ้าของ กดฝ่ามือรุจน์เคล้นคลึงมันเบา ๆ พร้อมกับทำสีหน้าร้องขอ เธอคิดถึงรุจน์ คิดถึงเซ็กที่เร่าร้อนของเขา
“มันยังไม่ใช่ตอนนี้ ผมยังไม่ได้หย่ากับพราว รอให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงก่อน” ถึงเขาจะเคยมีอะไรกับสิตามาก่อน แต่นั่นมันก่อนที่เขาจะแต่งงาน หลังจากที่แต่งงานผู้หญิงที่ทำให้รุจน์มีความสุขอยู่บนเตียงทุกคืนคือพราวพนิตเพียงคนเดียวเท่านั้น
รุจน์มีความเป็นลูกผู้ชายพอ เมื่อมีพันธะ เขาก็ไม่เคยประพฤติตัวผิด เขาให้เกียรติพราวพนิตเหมือนดังที่เธอให้เกียรติเขา
“ถึงยังไงพรุ่งนี้คุณก็จะหย่ากับเธอแล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่คะ สิต้องการคุณนะคะรุจน์”
สิตาพูดด้วยน้ำเสียงกระเส่า คิดว่าเธอไม่รู้หรือว่าสองปีที่ผ่านมา รุจน์ใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับพราวพนิตจริง ๆมันไม่ใช่การแต่งงานแค่ในนาม แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียรุจน์อีกคน สิตากลัวที่จะเสียรุจน์ให้กับพราวพนิตที่สุด โชคดีที่รุจน์ยังรักษาสัญญา ยอมขอหย่าจากผู้หญิงคนนั้น ไม่อย่างนั้นคนที่ต้องจมกับน้ำตาก็คงเป็นเธอ
“คุณรอมาได้ตั้ง 2 ปี รออีกแค่วันเดียวไม่ได้หรือสิ”
สุ้มเสียงของรุจน์ฉายแววตำหนิ เขาไม่อยากเอ่ยประโยคนี้ออกไป ยิ่งสิตาเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้เขานึกถึงพราวพนิต ไม่มีสักครั้งที่พราวพนิตจะกวนใจเขา เป็นเขาเองต่างหากที่เข้าหาเธอแทบตลอด
“ผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอกลับไปพักก่อน”
รุจน์ลุกเดินออกจากห้องของสิตาไปด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่ เขาควรจะโล่งใจมากกว่านี้สิ แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกดีที่จะได้หย่ากับพราวพนิตเหมือนอย่างที่เคยต้องการเมื่อสองปีที่แล้วเลยสักนิด มันบอกไม่ถูกว่าตอนนี้เขากำลังเสียใจหรือดีใจกันแน่ ไม่สิ! เขาควรจะรู้สึกดีมากกว่าที่จะมากลุ้มใจแบบนี้