ยื่นสัญญา
เช้าวันเดียวกันบ้านภาสนที
บ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านกลางเมือง โต๊ะอาหารทำจากไม้สักแท้ ถูกจัดวางอาหารเช้าอย่างประณีต ทั้งขนมปัง โจ๊ก ข้าวต้ม แซลมอนอบชีส แต่เก้าอี้ฝั่งประธานหนุ่มของบ้านกลับว่างเปล่า
คุณหญิงแม่ประภาวดี นั่งหลังตรงในชุดผ้าไหมสีพาสเทล เรียบร้อยไร้ที่ติ แต่ริมฝีปากแดงเข้มนั้นไม่เคยหยุดขยับตั้งแต่คนรับใช้ตักโจ๊กช้อนแรก
“วันนี้แม่ให้เลขาเอาประวัติคุณหนูปิ่นวดีมาให้แล้วนะจ๊ะ แม่ดูแล้ว ผู้หญิงคนนี้ทั้งจบโทจากลอนดอน ทั้งเล่นเปียโน แถมตระกูลยังทำธุรกิจอสังหาฯ”
ฝั่งคุณปารมียังคงก้าวลงบันไดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใส่สูทเรียบ ข้อมือสวมเรือนเวลาสีดำคลาสสิกใบหน้าไม่มีแม้แต่รอยยิ้มยามเช้า คุณหญิงแม่ไม่ได้หันมามองลูกชายด้วยซ้ำ แต่พูดต่อ
“อายุสามสิบพอดี ไม่มากไม่น้อย หน้าใสสมวัย แถมยังไม่เคยมีข่าวเสียหายใด ๆ เลยลูก คนแบบนี้หายากมากนะ ปารมี แม่ถึงต้องรีบบอกไว้ก่อน เดี๋ยวเธอจะมีคนมาขอไปก่อน”
“แม่ครับ ผมเคยบอกแล้วว่าไม่สนใจเรื่องพวกนี้” เสียงเขานิ่ง แต่ไม่เย็นชา เหมือนคนที่พูดประโยคเดิมมาเป็นร้อยครั้งจนไม่มีอารมณ์จะแสดงอะไรออกไปอีกแล้ว คุณหญิงแม่หันขวับ
“แกจะรออะไรอีกปารมี อายุจะสี่สิบแล้ว นี่มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของแกคนเดียว ฉันอยากมีทายาทสืบต่อ”
“แม่ครับ ผมรีบไปบริษัท” เขาตัดบทอย่างสุภาพ หันไปบอกกับพี่เลี้ยงวัยกลางคนที่คอยถือกระเป๋าเอกสารข้างตัว
“บอกแม่ว่าผมมีประชุมตอนแปดโมง”
“ประชุมอะไรแต่เช้า” คุณหญิงประภาวดีเลิกคิ้วสูง
“อย่าบอกนะว่าเอาเรื่องงานมาบังหน้าอีกแล้ว” ปารมีไม่ได้ตอบ
เขาก้าวฉับออกจากห้องอาหารทันที ไม่แม้แต่มองโต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้อย่างหรูหรา
...
ประตูรถหรูปิดลงเบา ๆ เสียงเครื่องยนต์ติดขึ้นพร้อมกับเพลงแจ๊สเบา ๆ จากลำโพง แต่เขากลับไม่ได้ฟังแม้แต่คำเดียว สายตาเขามองนิ่งไปยังถนนหน้าเขา
มือขวากระชับพวงมาลัยแน่นขึ้นเล็กน้อย
วันนี้ ลันตาควรจะให้คำตอบ
เขาไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตกลงง่าย ๆ แต่เธอคือคนเดียวที่เขาคิดถึงตอนที่แม่กำลังพร่ำเรื่องผู้หญิงนับสิบในหู ผู้หญิงคนเดียวที่ไม่เคยพยายามเข้าหาเขาไม่เคยเอาใจ ไม่เคยยิ้มเกินความจำเป็น
แต่กลับทำให้เขารู้สึกว่า
“เธอไว้ใจได้”
...
เขาไม่ได้ต้องการภรรยา แค่ต้องการใครสักคนที่อยู่ข้างเขาโดยไม่เรียกร้องอะไร
เสียงเครื่องปรินต์ยังคงดังแผ่วในมุมห้อง ลันตานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานหน้าห้องประธานเหมือนทุกวัน
แต่วันนี้...มือของเธอเย็นเฉียบผิดปกติ เธอพยายามจัดเอกสารประชุมให้เป็นระเบียบที่สุด แต่มือกลับเผลอสลับหน้าแฟ้มอยู่หลายครั้ง จนต้องสูดหายใจลึก ๆ และเริ่มต้นใหม่
"ใจเย็น ลันตา วันนี้ก็แค่วันทำงานอีกวัน" แต่สายตาของเธอ กลับเผลอมองไปที่หน้าลิฟต์แทบทุกสองนาที ประหนึ่งว่าในอีกไม่ช้า ประตูนั้นจะเปิดออก และคำตอบที่เธอตัดสินใจไว้เมื่อคืน จะต้องถูกส่งให้เขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
...
ติ๊ง เสียงลิฟต์เปิดออกตรงเวลาเป๊ะ 08:59 น.
เธอลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นร่างสูงในสูทเข้มเดินตรงเข้ามา ปารมีเดินผ่านประตูเข้ามาด้วยท่าทีปกติ เขาทักเธอสั้น ๆ ตามมารยาทมืออาชีพ
“เช้าแล้วนะคุณลันตา วันนี้มีประชุมฝ่ายบัญชีใช่ไหม”
“ค่ะ เอกสารครบแล้วค่ะ” เธอตอบกลับตามหน้าที่ มือยังถือแฟ้มแนบอกไว้แน่น
เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วผลักประตูห้องทำงานของตนเข้าไป
ลันตาตามหลังเข้าไปโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
...
ในห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษัท ปารมีวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ ลันตาวางแฟ้มงานทั้งหมดลงบนโต๊ะประชุมเล็กด้านข้าง แล้วเริ่มสรุปรายการประชุมตามลำดับ เสียงของเธอเรียบ นิ่ง
เหมือนเลขาที่เตรียมพร้อมมาอย่างดี ทั้งที่ข้างในใจยังสั่นระรัว
เขาเปิดแฟ้มประชุม เอกสารฝ่ายบัญชี เอกสารโครงการ
ถามต่อในบางจุด เธอก็ตอบกลับได้อย่างราบรื่นทุกอย่างดูปกติ เหมือนทุกเช้า ...จนกระทั่งถึง แฟ้มสุดท้าย
แฟ้มสีดำด้าน ถูกเธอเลื่อนวางไว้ตรงหน้าเขา ไม่มีชื่อหัวข้อ
ไม่มีตราประทับบริษัท
เพียงแค่กระดาษสองชุดที่ถูกเย็บติดกันไว้อย่างเป็นระเบียบ
และมีพื้นที่ลายเซ็นสองช่องที่ด้านล่างของหน้าสุดท้าย
ปารมีรับแฟ้มมาเงียบ ๆ เขาเปิดดูอย่างไม่เร่งรีบ สีหน้าของเขานิ่ง ไม่มีคำถาม ไม่มีความคาดหวัง เขาคงคิดว่าเธอจะปฏิเสธ
"คุณไม่จำเป็นต้องฝืนก็ได้นะ"
เขาเอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้ามองเธอน้ำเสียงเรียบ ชัดเจน
"ผมไม่อยากให้มันกลายเป็นภาระที่คุณต้องแบก" ลันตาไม่ได้ตอบ
เธอยืนนิ่ง มองเขาพลิกหน้ากระดาษไปทีละหน้า
จนมาถึงหน้าสุดท้าย ตรงที่มีช่องเซ็นชื่ออยู่สองช่อง และนั่นคือวินาทีที่เขาหยุดมือ ปารมีนิ่งไปชั่วครู่ ดวงตาคมของเขาเลื่อนมองตรงช่องชื่อด้านล่าง ชื่อของลันตา และลายเซ็นเรียบร้อย อยู่ตรงนั้นแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอทันที
คิ้วขมวดนิด ๆ อย่างประหลาดใจ
แววตาไม่บ่งบอกอารมณ์แน่ชัด แต่มันชัดเจนพอจะรู้ว่า เขาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะทำจริง
“คุณเซ็นแล้ว” เขาถามเบา ๆ
“ค่ะ” ลันตาตอบเพียงเท่านั้น น้ำเสียงยังเหมือนเดิม มืออาชีพ ไม่สั่น ไม่ลังเล ไม่มีความรู้สึกใด ๆ แทรกเข้ามา
...
บรรยากาศในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง เสียงแอร์ยังคงทำงานเงียบ ๆ เหมือนทุกเช้า
แต่คำตอบที่เขาเพิ่งได้รับ ทำให้ความเงียบมีน้ำหนักขึ้นกว่าทุกวัน
ปารมีพับแฟ้มลงเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรอีก แต่ในใจของเขา...บางอย่างขยับเล็กน้อย
"ขอบคุณที่คุณตัดสินใจร่วมข้อตกลงนี้" น้ำเสียงของเขาไม่เปลี่ยนไม่มีความโล่งใจ หรือความดีใจ มันคือการยอมรับในฐานะคนทำธุรกิจ ที่อีกฝ่ายตกลงทำตามแผน
ลันตาพยักหน้าเล็กน้อยไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้หลบตา เพียงแค่ยืนนิ่ง ยืนยันการตัดสินใจของเธออย่างมีสติ
"งั้นเรามาคุยเรื่องรายละเอียดกันต่อเลย" เขาเปิดโน้ตแพดขึ้น
เปิดเอกสารอีกแผ่นที่พิมพ์ไว้จากฝ่ายกฎหมายของบริษัทชื่อหัวข้อคือ แผนการดำเนินการสำหรับข้อตกลงร่วม (ระยะเวลา 24 เดือน)
"ในสัญญาระบุว่า เพื่อให้การจดทะเบียนสมรสเป็นไปตามเงื่อนไขทางกฎหมาย เราจำเป็นต้องมีถิ่นที่อยู่ร่วมกันอย่างชัดเจน และใช้ที่อยู่เดียวกันในเอกสารราชการ"
เขาเว้นจังหวะนิดหนึ่ง แล้วถามอย่างตรงไปตรงมา
"คุณจะสะดวกย้ายมาอยู่ที่คอนโดของผมหรือไม่"
ลันตานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ สีหน้าไม่ได้อึดอัด
แต่ดูเหมือนจะเตรียมคำตอบไว้อยู่แล้ว
"ขอโทษนะคะ ฉันคงต้องขออาศัยอยู่ที่บ้านของตัวเอง" เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ได้ถามอะไรทันที
ลันตาจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงสุภาพ ชัดเจน
"เพราะฉันมีลูกสาวค่ะ อายุสามขวบ ฉันดูแลเธอคนเดียวมาตลอดและคิดว่าหากย้ายเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของคุณอาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัด หรือไม่สะดวก"
เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเพียงแต่นิ่งไปเล็กน้อย ราวกับไม่คาดว่าจะได้ยินคำว่า “ลูกสาว” จากปากเธอ
"เธอเป็นเด็กเลี้ยงง่ายค่ะ ไม่กวนใจใคร และฉันไม่ได้หวังให้คุณต้องช่วยอะไรเลย เราจะใช้ชีวิตแยกกันเหมือนเดิมทุกอย่าง
แค่ในทะเบียนสมรสจะมีชื่อของฉันเท่านั้น" คำพูดของลันตาตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม และไร้เจตนาเรียกร้องใด ๆ ปารมีพยักหน้าเบา ๆ
แม้ดวงตาจะมีแววครุ่นคิดบางอย่างแวบขึ้น แต่ก็กลับสู่ท่าทีสุขุมรวดเร็ว
"เข้าใจแล้วครับ กรณีคุณมีลูก ผมจะให้ฝ่ายกฎหมายจัดการรายละเอียดเรื่องที่อยู่ให้ชัดเจน
และหากจำเป็น เราอาจใช้บ้านคุณเป็นที่อยู่กลางในเอกสารบางชุด ผมไม่มีปัญหากับเรื่องนี้"
เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
"ขอบคุณค่ะ"
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความบางอย่าง ก่อนจะพูดต่อโดยไม่มองเธอ
"เราจะนัดวันจดทะเบียนกันในสัปดาห์หน้า เอกสารจากเขต ผมจะให้เลขาฝ่ายกฎหมายส่งให้คุณตรวจเช็กภายในวันนี้"
"ค่ะ ฉันจะรอ"
ไม่มีใครพูดอะไรอีกอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะปิดแฟ้มทั้งหมดลง
"คุณไปเตรียมเอกสารประชุมให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวผมจะเข้าห้องประชุมตอนสิบโมง"
"ได้ค่ะ" ลันตาก้มศีรษะเบา ๆ
แล้วเดินออกจากห้องด้วยฝีเท้าเงียบ ๆ เช่นเคย
เธอไม่รู้เลยว่า...ประโยคที่เรียบง่ายของเธอ
“ฉันมีลูกสาวค่ะ” กำลังวนอยู่ในหัวของประธานบริษัทผู้ไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ใจมาก่อน
