บท
ตั้งค่า

EP6 งานค่าล่วงเวลา

เสือและแพรไหมก้าวเดินเข้ามาในร้านอาหารและนั่งลงที่โต๊ะจองเอาไว้ เธอมองเมนูอาหารราคาเอาเรื่องมากๆ มีแต่ราคาที่เธอกินไปได้หลายวัน เขามองเธอที่ดูไม่กล้าจะสั่งอาหารในเมนู เขาจึงบอกเธอ

“คุณอยากกินอะไรส่งเลย ผมให้กินไม่อั้น และไม่หักเงินเดือนคุณด้วย” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ดูว่าเธอไม่มีท่าทีจะสั่ง

“เอาสเต็กปลาแซลมอนราดซอสไวน์ขาว และเอา ลอเจอร์มาสองแก้ว คุณทานอะไร” เขาเอ่ยบอกบริกร และหันมาถามเธอ

“ฉันขอไม่กินได้ไหม” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ไม่ได้ งั้นเอาสเต็กปลาแซลมอนซอสไวน์ขาวมาสองที่แล้วกัน” เขาเอ่ยบอกบริกรอีกครั้ง

“ขอทวนรายการอาหารนะครับ สเต็กปลาแซลมอนซอสไวน์ขาว ลอเจอร์มาสองแก้ว” บริกรเอ่ยบอก เสือพยักหน้า บริกรจึงก้าวเดินออกไป

“ผมไม่เคยมีแฟน”

อยู่ๆ เสือก็พูดขึ้นมา ทำให้เธอนึกสงสัยว่าเขาจะบอกทำไม

“แล้วคุณมีแฟนไหม” เขาเอ่ยสามอีกครั้ง

“เคยค่ะ แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อยู่ๆ ขอบตาของเธอก็มีน้ำใสๆ เอ่อออกมาที่ขอบดวงตา ทำให้เขารู้สึกตกใจ แล้วก้าวเดินมานั่งข้างๆ เธอ

“ผมขอโทษ ผมไม่น่าถามเลย” เขาเอ่ยบอก เขาเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดตาซับน้ำตาเธอ เธอมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลา ทำให้เธอไม่อาละสายตาจากเขาได้ แต่เธอก็ตั้งสติโดยไว และกระเถิบถอยห่างจากเขา

“ขอโทษค่ะท่านรอง” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ผมทำให้คุณไม่สบายใจ” เขาเอ่ยบอกเหมือนสำนึกผิด

“ไม่ใช่ความผิดของท่านรองค่ะ” ฉันเอ่ยบอก บริกรเอาไวน์ขาวมาเสิร์ฟให้เธอและเขา เขากลับไปนั่งที่ตัวเองอีกครั้ง

“ดื่มเถอะผมจะไม่พูดเรื่องนั้นอีกแล้ว” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้

“ขอเป็นน้ำเปล่าได้ไหมคะ” เธอเอ่ยบอกเขา

“ได้สิ น้ำแร่หนึ่งขวด” เขาเอ่ยบอกบริกร

หลังจากที่เธอและเขากินอาหารเสร็จสิ้น เธอนั่งข้างเขาตลอดทางจนถึงโรงผลิตเครื่องบิน เป็นโรงผลิตขนาดใหญ่ แค่ตัวอาคารก็กิโลเมตรแล้ว อีกทั้งเครื่องบิดในลานยังเป็นชื่อบริษัทของเขา และมีภาษาอังกฤษเป็นตัวย่อขนาดใหญ่

“ตามผมมานะ และมีอะไรจะถาม ก็ถามได้เลย คุณยังเป็นเลขาคนใหม่อยู่” เสือเอ่ยบอกเธอเช่นนี้

“ค่ะท่าน” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแข็งขัน

“ลุยเลย” เขาบอก

แพรไหมก้าวเดินเยื้องเขาไปด้านหลังเล็กน้อย เธอจดทุกคำพูดที่เขาพูดกับพนักงานทุกคน เพื่อไม่ให้ขาดตกบกพร่องเธอใช้เครื่องบันทึกเสียงใส่ไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้วย ดีที่เธอใส่รองเท้าผ้าใบมา โดยเป็นรองเท้าของเขาที่อยู่บนรถของเขา และรองเท้าคู่นี้ก็พอดีกับเท้าของเธอ ซึ่งรองเท้าของเขายาวกว่ามาก เพราะเขาสูงถึงร้อยเก้าสิบซึ่งเธอสูงเพียงร้อยหกสิบ

“นี้คือเครื่องลำใหม่ครับท่านรอง จะลองทดสอบก่อนไหมครับ” พนักงานวัยสามสิบปลายๆ แต่เขายังดูภูมิฐานอาจจะดูแลตัวเองดี

“ได้ คุณแพรไหม คุณขึ้นเครื่องไปกับผม เคยขึ้นเครื่องบินไหม” เสือเอ่ยถามเธอ

“เคยขึ้นค่ะ แต่นานมาแล้วค่ะ” เธอเอ่ยบอกเสือเช่นนี้

“วันนี้ผมจะเป็นคนขับ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่เธอกลับตกใจว่าเขาจะขับเครื่องบิน

“ห๊ะ” แพรไหมร้องอุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ตกใจอะไรขนาดนั้น ผมเรียนขับบินจากป๊าตอนอายุยี่สิบปี แล้วผมก็เรียนเพิ่มเติมจากกองบินอากาศของสหรัฐจนได้เกียรติบัตรมาด้วย” เสือเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“สุดยอดเลยค่ะท่าน” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม

“เราไปขึ้นเครื่องกัน” เสือเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เขาเดินนำหน้าเธอไปยังลานจอด เธอเห็นชายหนุ่มรูปร่างภูมิฐานเขากัปตันหนึ่งคน รวมไปถึงสจ๊วตหนึ่งคนและแอร์โฮสเตสหนึ่งคนยกมือไหว้เขาด้วยความนอบน้อม พวกเขาล้วนใส่ชุดสีแดงตบแต่งขอบเสื้อด้วยสีม่วง ซึ่งเป็นสีของบริษัท

“สวัสดีครับนายน้อย ผมชาตรี อินสร ผมนักบินที่สองของท่านในวันนี้” ชาตรีเอ่ยบอกเสือด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“ผมขุนศึก ชาติพิชิต ผมเป็นสจ๊วตของเครื่องบินลำนี้ ในวันนี้” ขุนศึกเอ่ยบอกเช่นนี้

“สวัสดีค่ะ ดิฉันจงกล เลิศสิริ เรียกฉันว่า มะลิก็ได้ค่ะ ฉันเป็นแอร์โฮสเตสดูแลเครื่องดื่ม และอาหารในวันนี้” จงกลเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม จงกลเป็นหญิงสาวสูงสง่างาม เธอเป็นแอร์โฮสเตสมากประสบการณ์มากกว่ายี่สิบปี

“คุณแพรไหม จันทร์กระจ่าง เธอจะมาเรียนรู้งานในวันนี้” เสือแนะนำเธอให้พวกเขารู้จัก

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” แพรไหมเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม

“ด้วยความยินดีค่ะ” จงกลเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม

“ความชื้นในอากาศ” เสือเอ่ยถามชาตรี

“ความชื้นสัมพัทธ์และตลอดจากกรุงเทพถึงมัลดีฟส์ไม่มีเมฆฝน” ชาตรีเอ่ยบอกเช่นนี้

“ขอบคุณพระเจ้า ไปกันเถอะ” เสือเอ่ยบอกเช่นนี้

เสือก้าวเดินนำหน้าเธอขึ้นไปยังห้องควบคุม เธอจึงก้าวเดินตามเขาไปยังห้องควบคุม เขาเดินไปนั่งตรงที่ควบคุมแผงวงจรเครื่องบิน เธอมองปุ่มมากมายที่อยู่บนแผงควบคุม และภาพบนหน้าจอ ทำให้เธอทึ่งว่าทำไมนักบินถึงได้จำข้อความและคำสั่งเหล่านี้ได้ดี

“คุณนั่งตรงนี้” เสือเอ่ยบอกเธอชี้ตรงหลังเก้าอี้ด้านหลังเขา เธอก้าวเดินไปนั่งแต่โดยดี และคาดเบลล์ตามที่เขาบอก เธอกลับสงสัยว่าทำไมเขาไม่ให้เธอทำอะไรเลยหรือ เธอมาในฐานะเลขาไม่ได้มาเที่ยว

“ท่านรองคะ ไม่ให้ฉันทำอะไรเหรอคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ยังครับ ตอนกลับผมจะให้คุณดูเครื่องอาหาร และการบริการแล้วสรุปมาให้ผม” เสือเอ่ยบอกเธอด้วยรอยยิ้ม

“ค่ะท่านรอง” เธอเอ่ย เสือก้าวเดินไปนั่งคู่กับชาตรี

“พีเคสองหกเก้า มัลดีฟส์ พร้อม” เสือเอ่ยบอกผ่านไมโครโฟน

“พีเคสองหกเก้า พร้อม” ชาตรีเอ่ยบอกเช่นนี้ ทันใดนั้นเครื่องบินลำนี้ก็ขึ้นจากรันเวย์ทะยานขึ้นฟ้าไปทันที เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก ถึงครั้งนี้เป็นการขึ้นเครื่องครั้งที่สอง แต่ครั้งนี้เธอเข้ามาอยู่ในห้องควบคุมบังคับการบิน น้อยคนที่จะเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้

“ผมให้ค่าล่วงเวลากับคุณถ้ากลับดึก” เขาบอก ตามไมค์ฉันยิ้มและนั่งเงียบไปหรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นใบ้นั่นเอง

เครื่องบินเริ่มนิ่งแล้วหลังจากเทคออฟเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงจงกลนำของว่างเป็นดาร์กช็อกโกแลตเค้ก และมีโกโก้เย็นมาให้เธอที่โต๊ะ

“ไม่ต้องค่ะเดี๋ยวฉันไปเอาเองค่ะ” แพรไหมเอ่ยบอกด้วยความเกรงใจ

“ไม่เป็นอะไรคะ มันเป็นหน้าที่ฉันต้องทำ คุณคือแขกของเรา ท่านสั่งให้ดูแลคุณ” จงกลเอ่ยบอกเช่นนี้

อะไรกันเนี่ยฉันเป็นเลขาเขา ทำไมเขาต้องให้เธอปฏิบัติกับฉันแบบนี้ ฉันถามก็ไม่ได้เขากำลังควบคุมเครื่องอยู่

“ขอบคุณมากค่ะ” แพรไหมเอ่ยบอกด้วยความเกรงใจ ขณะที่จงกลวางจานและแก้วลงในช่องวางบนโต๊ะ เพื่อล็อกไม่ให้มันหก

...................................................

มาแล้วน๊า สนุกไหมคะ

อย่าลืมคอมเม้นท์ และกดหัวใจ เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel