บทที่ 3 สัมภาษณ์งาน
"เจ้านาย กลับคอนโดก่อนไหมครับ ชุดเลอะหมดแล้ว"
"ได้ รีบเลยเราจะรีบมาสัมภาษณ์ วันนี้เราจะสัมภาษณ์เอง และคนที่เราจะสัมภาษณ์ก็คือเธอคนนั้นที่เราคุยด้วย ส่วนคนที่เหลือให้นายสัมภาษณ์เลย เพราะเมเน่จะมาเป็นทั้งเลขาส่วนตัวและแม่ของลูกเรา บอกทุกคนไม่ต้องหาแล้ว เราพบเธอแล้ว ไม่ต้องถามนะ นายน่าจะเห็นแล้วว่าเราสนใจนางตั้งแต่ที่นายพูดยังไม่จบ เราก็ไปถึงตัวเธอแล้ว"
"ครับ ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองคงไม่เชื่อว่า พระองค์จะทุ่มเทขนาดนั้น ไม่เคยเห็นเจ้านายเข้าหาใครแบบนี้ อย่างนี้พวกเราก็ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว แต่รอกลับพร้อมเจ้านายกับคุณเมเน่ใช่ไหมครับ"
"มีลูกของเราด้วยมีสองคนนะ"
"อะไรนะครับ เจ้าชายทรงมีลูกกับคุณเมเน่แล้วจริงๆหรือครับ"
"ใช่ เราเองก็ยังไม่มั่นใจหรอกนะ คงต้องตรวจดีเอ็นเอเพื่อเป็นหลักฐานไว้ เอาไว้อ้างกับท่านพ่อท่านแม่ได้นะ"
"จะให้พวกเขาช่วยเรื่องคลุมถุงชนใช่ไหมครับ"
"นายก็รู้ว่าเรารักใคร เราคงไม่สามารถแต่งงานกับใครได้นอกจากแม่ของลูกเราคนนี้แล้วหละ"
"แล้วคุณเมเน่รู้ไหมครับว่าเจ้านาย เป็นเจ้าของตึกนะครับ"
"ไม่รู้ รู้แค่ว่าเราเป็นพนักงานในบริษัท เราก็จะบอกนางเองตอนสัมภาษณ์นะ"
"ได้ครับ ตามที่เจ้านายต้องการเลยครับ แต่คุณเมเน่คงเจอศึกหนักแน่ๆ เพราะสาวๆสวยๆในออฟฟิสต่างหมายปองท่านไว้ แต่ดันมีสาวบ้านนอกที่ไม่รู้มาจากไหนมาแย่งท่านไปจากพวกเธอ ทั้งที่พวกเธอขยันแจกขนมจีบเหลือเกิน ทั้งที่ท่านก็ต่อว่าและตักเตือนแล้ว ทั้งกำชับและเล่นบทมาเฟียก็ยังมีคนชอบท่านเกมือนเดิมนะครับ"
"นายก็จัดการไป ถ้าใครกล้าแตะต้องเมียเรา คราวนี้ได้ตายจริงๆแน่"
"รับทราบครับ เดียวจะแจ้งข่าวดีกับทุกคนก่อน และให้พวกเขามาที่บริษัท เพราะเราจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ ห้าปีนี้ ถูกต้องไหมครับ"
"ตามนั้น เดี่ยวที่เหลือเราจัดการเอง เราจะไม่ให้ใครดูถูกเลขาและเมียของเราแน่นอน "
"ครับ ฮัลโหล ฝากแจ้งหน่วยสืบข่าวเรื่องคุณเมเน่ ให้ทุกคนมารวมตัวที่ออฟฟิสเดี่ยวนี้ ฝ่าบาทมีเรื่องจะแจ้งวาระการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของบริษัทครั้งใหญ่ในรอบห้าปี ใครสายคงรู้นะว่าจะโดนอะไรกันบ้าง แค่นี้แล้วเจอกัน"
"นายรอเราในรถนี้แหละ เดี่ยวเราไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื่อผ้าก่อน ในระหว่างรอเรานายก็เช็คว่าทุกคนมากันครบไหม และให้จัดห้องสัมภาษณ์พิเศษไว้ให้เราด้วยนะ "
"ครับเจ้านาย"
จากนั้นเขาก็รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว จนอัสมัทยังตกใจ แต่ก็เข้าใจเพราะคนที่ตามหามาตลอดห้าปีรออยู่เป็นใครก็ต้องรีบเป็นธรรมดา ทางด้านเมเน่เองก็รู้สึกดีขึ้นมาก หลังจากที่ได้พูดคุยกับพนักงานในบริษัทนี้ คิดว่าเขาคงเป็นคนที่มีอำนาจพอสมควรแน่ เพราะสามารถสั่งการทุกคนในบริษัทได้ เพราะเธอสังเกตตอนที่เขาบอกยาม ดูทุกคนกลัวเขาเอามากๆเลย แต่เรากลับไม่รู้สึกกลัวเขาเลยสักนิด ยิ่งตอนที่เขาหันมายิ้มให้เราและเดินมาหาเราเพื่อไปนั่งกินข้าวด้วยกัน ทุกคนทำหน้าตกใจและโค้งคำนับให้เราด้วย ทำเอาเราเองยังตกใจ อยากรู้จังมิคาเอลอยู่ในตำแหน่งอะไรนะ ว่าจะถามพวกเขาก็ไม่กล้า รอถามกับคนที่สัมภาษณ์ดีกว่า เพื่อเขารู้เราจะได้ไปหาเขาไปบอกเขา ถ้าเราได้ทำงานกับเขา เราจะทำของอร่อยๆให้กินทุกวันเลย
"เอ้อ ดูคุณไม่ตื่นเต้นเลย มีเคล็ดลับอะไรหรือคะ พอจะบอกได้ไหม พอดีทำยังไงมันก็ไม่หายตื่นเต้นสักทีนะ"
"ไม่มีคะ พอดีเมเน่ได้เจอคนที่เขาทำงานที่นี้ ดูท่าทางใจดีไม่รังเกียจคนบ้านนอกอย่างเมเน่ เลยทำให้ไม่กลัว เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังยอมรับฟังเรา และเชื่อมั่นในตัวเราแม้ว่าเราจะเป็นคนบ้านนอกก็ตาม เขายังกินข้าวด้วยกันกับเมเน่หัวเราะกับเรื่องบ้าๆบอๆของเมเน่ที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ หรือสวยเหมือนคนในเมืองคะ เลยทำให้อดยิ้มไม่ได้นะค่ะ"
"ถ้ามีคนแบบเขาจริงๆ และให้โอกาสพวกเราเด็กบ้านนอกทำงานกับบริษัทของเขา ฉันจะทำงานให้สุดความสามารถเลยคะ จะทำให้เห็นว่าเด็กบ้านนอกก็สามารถทำได้งานได้ดีเหมือนกันคะ"
"ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน มาพยายามไปด้วยกันนะ ต้องผ่านแน่เชื่อสิคะ"
"คะ ขอบคุณจริงๆ ค่อยสบายใจหน่อยคะ"
หลังจากที่รีบกลับบ้านพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเขาก็รีบกลับมาที่บริษัทเพื่อเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน เพื่อรับพนักงานรุ่นใหม่ๆ เพื่อพัฒนาทั้งทางด้านบุคลากรและเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อรองรับตลาดโลกใหม่ๆที่กำลังพัฒนาขึ้นมาทุกๆวัน
