ep3
ที่โต๊ะอาหาร
เทียนไขนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเซียวอี้หยาง สีหน้าของเธอไม่สบอารมณ์นัก ยิ่งเห็นใบหน้ายียวนกวนประสาทของเขาก็ยิ่งทำให้อารมณ์ของเธอขุ่นมัวไปหมด
“ในระหว่างที่คุณหลับ ผมสั่งให้ผู้รับเหมามาตัดแต่งต้นไม้ พร้อมเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านของคุณใหม่ ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมอยากทำให้คุณ”
“ฉันไม่ต้องการ”
เทียนไขก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างหิวโหย เธอไม่รู้ว่าถูกวางยาหรือเปล่า เพราะหลังจากดูนาฬิกาแล้วเธอตื่นเอาราวๆ บ่าย 2 กว่าจะลงมาก็บ่ายสาม ซึ่งเธอหิวมากและโมโหมาก งานที่ถูกนัดหมายให้ไปสัมภาษณ์เพื่อร่วมงานกันก็พังไม่เป็นท่า เธอเช็คโทรศัพท์มือถือก็เห็นว่ามีสายโทร.เข้ามาหลายสาย แต่เธอกลับไม่ได้ยิน เพราะถูกปิดเสียงไว้
“ผมวางแผนว่าจะต่อเติม....”
“หยุด!” เทียนไขยกมือห้ามทันที เธอวางช้อนส้อมแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาโกรธๆ
“นี่มันบ้านฉัน คุณไม่มีสิทธิ์จะมาทำตามใจตัวเอง คุณใช้สิทธิ์อะไรมาตัดต้นไม้ที่พ่อแม่ฉันปลูก ใช้สิทธิ์อะไรมาเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ของพ่อแม่ฉัน ใช้สิทธิอะไร!”
“ต้นไม้ผมไม่ได้ตัดทิ้งนะครับ แต่ตัดแต่ง แล้วย้ายกระถาง จัดสวนใหม่”
“แล้วคุณรู้ไหม? ทำไมฉันต้องปล่อยต้นไม้ไว้อย่างนั้น รู้ไหมว่าทำไมฉันปล่อยให้มันรก!”
“คุณ ....อาจจะไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลมัน ผมก็เลย”
“ยุ่ง คุณเข้ามายุ่งในชีวิตฉัน คุณเจอลูกน้องคุณแล้ว คุณออกไปจากบ้านฉันเสียที คุณจะยังอยู่ที่บ้านทำไมอีก ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าคุณแล้ว ไม่ต้องการ!”
เธอลุกออกจากโต๊ะอย่างโกรธๆ โกรธจนแทบอยากจะทำลายข้าวของในบ้าน งานที่ต้องไปสัมภาษณ์ก็ไม่ได้ไป แถมบ้านทั้งหลังก็ดูเหมืนจะถูกยึดจากคนที่ไม่รู้จักกันอีก
“หยุด!”
เสียงดุๆ ทำให้หญิงสาวชะงัก ก่อนจะรู้สึกตัวว่าทำไมเธอต้องกลัวเขา เทียนไขหันกลับมามองหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะจะสะบัดหน้าขึ้นไปบนห้องอย่างไม่แคร์
เซียวอี้หยางหันมามองลูกน้องที่ยืนอยู่ แล้วส่งสัญญาณให้ตามเทียนไขขึ้นไป ก่อนจะเดินออกไปภายนอกบริเวณตัวบ้าน
ไม่นานนักเทียนไขก็ถูกหิ้วปีกออกมาที่เรือนกระจกที่น็อกดาวน์อยู่ภายในสวนหน้าบ้านของเธอ มันกลายเป็นโต๊ะทำงานท่ามกลางซุ้มไม้เลื้อย เทียนไขมองอย่างอึ้งๆ พลางคิดในใจว่า ถ้าเขาเช่าเธออยู่สัก 2-3 เดือน พอเขาออก เธอจะจัดที่นี่เป็นร้านกาแฟ ก็นับว่าคุ้มอยู่หรอกที่ทำให้เธอตกงาน แลกกับเรือนกระจกสวยๆ แบบนี้
“ผู้ชายที่ถูกไล่ยิงเมื่อคืน แต่พอเช้ามากลับเนรมิตบ้านฉันกลายเป็นคาเฟ่หรูไปแล้ว?”
“นั่งลง!”
น้ำเสียงของเขาเข้มงวด แตกต่างจากเมื่อครู่ เทียนไขขมวดคิ้วมอง ตอนนี้เขาเคร่งขรึมและเอาจริงเอาจัง ชุดสูทราคาแพงที่เขาสวมใส่ ส่งให้เขาดูน่าเกรงขามมากขึ้น
เทียนไขรู้สึกกลัวเขานิดๆ ถึงเธอจะช่วยชีวิตเขาไว้ และรูปลักษณ์เขาดีแถมยังไม่ทำอันตรายเธอ แต่เขาก็เป็นพวกอันธพาลแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่มีศัตรูตามเอาชีวิตแบบนั้น
“เร็ว!”
ทันทีที่เขาเร่ง เทียนไขก็นั่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หลังเหยียดตรงมองหน้าชายหนุ่มอย่างตื่นกลัว แม้จะพยายามทำตัวเองก็เป็นปกติก็เถอะ
“ลูกน้องของฉันเห็นเอกสารนี่วางอยุ่ที่โต๊ะ”
เขาโยนเอกสารลงตรงหน้าเธอ ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่ามันคือเอกสารที่เธอกำลังจะไปสัมภาษณ์งาน
“ทิ้งไปก็ได้ค่ะ พวกคุณทำลายโอกาสของฉันไปหมดแล้ว”
ความเสียใจผุดขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะบอกเขาไปเบาๆ
“เธอคิดว่าอย่างนั้นเหรอ?”
เทียนไขช้อนสายตามองเขา เซียวอี้หยางเมินหนี เทียนไขจึงเปลี่ยนท่าทีใหม่ ถ้าคุยกับเขาดีๆ เธอกับเขาอาจจะจากกันด้วยดี เพราะเธอเองก็พอจะมองหาช่องทางที่จะทำอาชีพได้จากสิ่งที่เขาทำแล้ว
“ฉันไปสัมภาษณ์งานไม่ทัน เพราะพวกคุณ ฉันจะไม่เรียกร้องให้คุณมาชดใช้อะไรให้ แต่ขอให้คุณออกจากบ้านฉันไป ได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้!”
“เอ๊ะ คุณ!” เทียนไขผุดลุกขึ้นยืนอย่างโมโห โกรธเขาจนตัวร้อนผ่าวไปหมด เธอหันรีหันขวาง นึกอยากจะโทร.แจ้งตำรวจว่าโดนกลุ่มคนพวกนี้คุกคาม แต่กว่าตำรวจจะมาถึง เธอคงกลายเป็นปุ๋ยเฝ้าต้นไม้ไปแล้ว
“นั่งลง แล้วฟัง”
เทียนไขนั่งลงอย่างขัดใจ หน้ามุ่ยมองเขา
“ผมบอกชื่อคุณไปแล้วว่า ผมชื่อ เซียวอี้หยาง ถ้าคุณจะมีสติกว่านี้สักหน่อย ในเอกสารนี้ก็มีชื่อของผมไม่ใช่เหรอ?”
เทียนไขชะงัก รีบเปิดเอกสารออกมาอ่านอย่างรวดเร็ว
เซียวอี้หยาง...ประธานบริษัทผู้ร่วมทุน ...
“คุณ....”
“วันนี้ผมก็ไม่ได้ไปสัมภาษณ์คนที่มาสมัครงาน ปล่อยให้ทางกรรมการเขาเลือกไป เพราะผมเลือกคนที่จะทำงานกับผมไว้แล้ว”
เทียนไขมองอึ้งๆ ลึกๆ มีความหวังว่าเขาจะให้โอกาสเธอ
“ผมให้คนของผม ส่งประวัติที่คุณสมัครงานมาให้ผมแล้ว ตำแหน่งที่คุณสมัคร ผมคัดทิ้ง”
เทียนไขอ้าปากค้าง นึกว่าเขาจะช่วยให้เธอทำงาน ....ที่แท้
“ค่ะ มันก็เป็นสิทธิ์ของคุณ”
เซียวอี้หยางมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเธอ อารมณ์ของเธอขึ้นๆ ลงๆ จนน่าแกล้ง
“เอาล่ะ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว งานพัสดุ ไม่น่าเหมาะกับคุณ เดี๋ยวผมจะให้เลขาของผม มาสอนงานให้คุณ แล้วคุณ มาเป็นเลขาให้กับผม เริ่มงานตั้งแต่วันนี้!”
*******
