เลขาคนสวยเร่าร้อนขยี้ใจ

18.0K · จบแล้ว
นกกระจิบ
11
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาบอกว่าเธอไม่ใช่ของเล่น…แต่ไม่เคยบอกว่าเธอคือคนรัก เธอ...เลขาสาวไร้เดียงสา ถูกเขากดจูบตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน เขา...ประธานหนุ่ม ปากร้าย มือไว และหวงเธอราวกับเจ้าของ พวกเขา ‘เร่าร้อน’ กันทุกค่ำคืน... แต่เธอกลับไม่แน่ใจเลยสักครั้งว่าเขารู้สึกอะไร

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันประธานเศรษฐีสัญญาทางรักเผด็จการรักโรแมนติกความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนความอยากเป็นเจ้าของ18+

1 เลขาคนใหม่

ตอนที่ 1

เลขาคนใหม่

แสงอรุณยามเช้าทาบทาอาคารสูงเสียดฟ้าของบริษัทคิรินกรุ๊ป อาณาจักรธุรกิจที่แผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วทุกวงการ ตึกระฟ้าแห่งนี้สะท้อนความหรูหราอลังการและบารมีของผู้เป็นเจ้าของ

คิริน วรโชติ ประธานหนุ่มผู้ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า ราชาแห่งโลกเย็นชาบุรุษผู้ครอบครองความสำเร็จสูงสุดบนยอดพีระมิดแห่งอำนาจ แต่ไร้ซึ่งร่องรอยของความรู้สึกใด ๆ บนใบหน้าอันหล่อเหลาราวเทพบุตร

เสียงส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนขัดมันดัง “ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก” ก้องกังวานไปทั่วโถงต้อนรับอันโอ่อ่าของคิรินกรุ๊ป ทุกสายตาของพนักงานชายหญิงที่กำลังวุ่นวายกับการเริ่มต้นวันใหม่พลันหันขวับจับจ้องไปยังต้นเสียง แววตาของบางคนฉายแววอึ้งทึ่งในความงามที่ไม่คาดคิด ขณะที่บางคนถึงกับต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ลงคออย่างไม่รู้ตัว

ร่างเพรียวระหงในชุดสูทกระโปรงสีเบจเข้ารูป รับกับทรวดทรงอรชรอย่างพอดิบพอดี เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชวนมอง หญิงสาวก้าวผ่านโถงต้อนรับอย่างสง่างามราวกับนางพญา แม้ใบหน้าหวานคมจะซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นสายตาทรงกลมใส แต่ก็มิอาจบดบังผิวพรรณที่เนียนละเอียดราวกลีบซากุระ แก้มทั้งสองข้างระเรื่อสีชมพูอ่อนๆ ราวกลีบกุหลาบแรกแย้ม และเรียวขายาวระหงที่ผุดผ่องไร้ที่ติ ยามก้าวย่างกลับยิ่งเผยความเย้ายวนได้อย่างน่าประหลาดใจโดยไม่ตั้งใจ

“ใครน่ะเลขาคนใหม่เหรอวะ?” เสียงซุบซิบกระซิบกระซาบดังตามหลังมาเป็นระลอก ความสนใจของพนักงานชายแทบทั้งหมดถูกดูดกลืนไปที่เธอ

“แม่เจ้า...โคตรน่ารักเลย!” เสียงชื่นชมปนหยาบคายดังแว่วมาอีกระลอก

หญิงสาวผู้นั้นยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นใจ แม้ภายในอกจะเต้นระรัวจนแทบหลุดออกมานอกซี่โครง ไม่ใช่เพราะความประหม่า แต่เป็นเพราะ ความตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

รินรดา... เด็กสาวบ้าน ๆ จากเมืองเหนืออย่างเชียงใหม่ ที่เพิ่งเรียนจบมาหมาด ๆ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และดันสมัครตำแหน่งเลขาส่วนตัวของประธานบริษัทไปแบบไม่รู้ประสีประสาว่านั่นคือตำแหน่งที่ต้องทำงานกับท่านประธานโดยตรง และเป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครสามารถดำรงอยู่ได้นานเกินสามเดือน

“คุณรินรดาใช่ไหมคะ” เสียงนุ่มนวลของหัวหน้าแผนกบุคคลดังขึ้นตรงหน้า ดึงสติของหญิงสาวกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เธอพยักหน้าตอบรับทันควัน แม้ฝ่ามือที่ประสานกันอยู่ด้านหน้าจะเริ่มชื้นเหงื่อเล็กน้อยจากความประหม่าที่ก่อตัวขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

“เชิญไปที่ชั้นบริหารเลยค่ะ ห้องทำงานของท่านประธานอยู่ชั้นนั้น เขารอพบคุณอยู่” หัวหน้าแผนกบุคคลยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่รินรดาสัมผัสได้ถึงประกายบางอย่างในดวงตาของเธอ ประกายที่ดูเหมือนจะซ่อนความหมายอะไรบางอย่างเอาไว้

หัวใจของรินรดาเต้นโครมครามดังอื้ออึงในอก

“ชั้นห้าสิบ...” เธอพึมพำกับตัวเองอย่างตกตะลึงทำไมต้องสูงขนาดนั้นด้วยนะ...

ลิฟต์กระจกใสพุ่งทะยานขึ้นสู่เบื้องบนอย่างรวดเร็วราวกับจะฉีกผ่านชั้นบรรยากาศ บรรยากาศภายในลิฟต์ค่อยๆ เปลี่ยนจากเสียงจอแจของพนักงานที่ชั้นล่าง กลายเป็นความเงียบสงบที่น่าประหลาดใจ ทิวทัศน์เบื้องนอกกระจกเผยให้เห็นมหานครกรุงเทพฯ ที่แสนวุ่นวาย เบาบางลงไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงภาพตึกสูงเสียดฟ้าที่เรียงรายกันเป็นทิวแถว แต่ภายในใจของรินรดาในตอนนี้กลับวุ่นวายยิ่งกว่าภาพใดๆ ที่ปรากฏตรงหน้า

ติ๊ง!

เสียงสัญญาณดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับประตูลิฟต์ที่เลื่อนเปิดออกอย่างเงียบงันและนุ่มนวล

เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ชั้นบนสุดของตึก รินรดารู้สึกได้ถึงความเงียบสงัดที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยม่านแห่งความสงบ แต่กลับแฝงไว้ด้วยแรงกดดันบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้เนื้อดีตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง กระจกบานสูงรอบด้านเผยให้เห็นท้องฟ้าใสสว่างไร้ขอบเขตเบื้องนอก

...และ ณ จุดศูนย์กลางของความเงียบงันนั้น

มีผู้ชายคนหนึ่งในชุดสูทสีดำสนิทราวกับเงาของราตรี

ใบหน้าคมคายราวรูปสลัก ที่ดูเหมือนจะถูกหล่อหลอมขึ้นจากน้ำแข็งบริสุทธิ์

เขานั่งนิ่งอยู่หลังโต๊ะทำงานอย่างไร้ความรู้สึก ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงสายตาคมกริบที่จับจ้องไปยังจอคอมพิวเตอร์เบื้องหน้า

“คุณคือรินรดา?”

เสียงแข็งกระด้างที่แสนราบเรียบปราศจากซึ่งอารมณ์ใดๆ แม้แต่หางเสียงแห่งความเป็นมิตร หรือความอบอุ่นเพียงน้อยนิด มันดึงสติที่ล่องลอยของเธอให้กลับคืนมาสู่ร่างอย่างฉับพลัน รินรดาผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับท่าที

“คะ! ใช่ค่ะ ดิฉัน...เป็นเลขาคนใหม่ของคุณค่ะ” เธอรีบยกมือไหว้พลางก้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างเคารพ สายตาของเธอเหลือบมองเห็นแวบหนึ่งว่าเขากำลังจับจ้องมาที่เธอ

ชายหนุ่มเหลือบมองผ่านกรอบแว่นตาเพียงแวบเดียวเท่านั้น ดวงตาคมกริบราวนกเหยี่ยวตวัดสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเธออย่างพินิจพิเคราะห์แล้ว...เขาก็นิ่งงันไปชั่วขณะ

“เปลี่ยนชุด”

“เอ๊ะ!” รินรดาอุทานออกมาด้วยความไม่เข้าใจ

“ฉันไม่ชอบเลขาที่แต่งตัวเหมือนจะไปประกวดนางงามกลางบริษัท”

คำพูดเย็นชาของเขาทำเอารินรดาหน้าแดงก่ำทันที เธอไม่เคยคิดเลยว่าชุดสูทกระโปรงสีเบจที่เลือกมาอย่างพิถีพิถันวันนี้จะดูยั่วยวนถึงขนาดนั้น...แต่ชุดนี้มันก็พอดีกับรูปร่างเธอแค่นิดเดียวเองนะ...

“แต่นี่เป็นชุดที่เหมาะกับงาน...” เธอลองอธิบาย

เขาขัดขึ้นทันที เสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยแรงกดดันที่น่าเกรงขาม

“ไม่ต้องเถียง ถ้าอยากทำงานที่นี่ ปรับตัวซะ...หรือไม่ก็ลาออกไปซะตอนนี้เลย”

รินรดาอ้าปากค้าง ก่อนจะกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ดวงตาคู่สวยก้มลงมองปลายรองเท้าอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวเขาอย่างท่วมท้น เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าเบาๆ

“ค่ะ...ฉันจะระวังมากกว่านี้”

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะวางปากกาลงบนแฟ้มที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เต็มความสูง ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำทอดยาวราวกับเงาที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า

หัวใจของหญิงสาวกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาเดินตรงเข้ามาหา...แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ห่างกันไม่ถึงหนึ่งก้าว ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างสูงนั้น

กลิ่นกายของเขา...หอมเย็นปนความร้อนผ่าว ราวกับน้ำแข็งที่หลอมรวมกับไฟในเวลาเดียวกัน เป็นกลิ่นที่เย้ายวนและชวนให้หลงใหลอย่างประหลาด

เขายื่นมือมาจับที่ปลายแว่นตาของเธอ...แล้วค่อยๆ ดึงมันออกอย่างช้าๆ ราวกับจงใจสร้างความประหม่าให้เธอ ใบหน้าหวานของรินรดาเปิดเผยออกมาอย่างสมบูรณ์ไร้สิ่งบดบัง

“ตัดแว่นมาเพื่ออะไร” เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นอีกครั้ง สายตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ

“เอ่อ...เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นค่ะ” เธอตอบอย่างตะกุกตะกัก

“งั้นถ้าไม่มีแว่น เธอก็ไม่น่าเชื่อถือสินะ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างท้าทาย

“ไม่ค่ะ...ไม่ใช่แบบนั้น...” รินรดาพยายามแก้ตัว แต่คำพูดของเธอกลับติดอยู่ในลำคอ

ชายหนุ่มกระตุกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็นแต่กลับทำให้หัวใจของรินรดาเต้นรัว ก่อนจะวางแว่นคืนลงบนโต๊ะทำงานเบื้องหลังอย่างไม่ใส่ใจ

“ต่อไปห้ามใส่...หน้าตาแบบเธอไม่ต้องเสริมอะไรอีก มัน...เสียของ”

รินรดายืนค้างนิ่ง ตัวแข็งทื่อ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ คำพูดของเขานั้นทั้งเย็นชาและหยาบคายในคราวเดียวกัน แต่กลับมีพลังบางอย่างที่กระตุ้นหัวใจของเธอให้เต้นผิดจังหวะ และในวินาทีนั้นเอง...เธอรู้

...ว่าชีวิตของเธอกำลังจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่ว่าจะดีขึ้น หรือแย่ลง...ก็ไม่มีทางเหมือนเดิมอีกแล้ว