3
จุล อดิเรกมุนิน หนุ่มหล่อโอปป้าใส่แว่นสายตาไร้กรอบ ว่าที่ท่านทูตลุกขึ้นยืนต้อนรับเพื่อนสนิท สายตาช่างสังเกตุสำรวจเพื่อนรูปหล่อ หุ่นขยี้ใจสาวแท้ สาวเทียมด้วยความทึ่ง
“ครั้งสุดท้ายที่เจอกันตัวเป็นๆ ฉันคงดูโทรมมากนายจึงตะลึงเมื่อเจอหน้ากันในวันนี้”
เสียงทุ้มไร้รอยยิ้มของเรย์ว่าอย่างรู้ทันกันเหมือนเคย จุลถลากอดร่างใหญ่
“ฉันแค่ดีใจ นายไม่เสียคำพูดที่ให้ไว้กับเพื่อนคนนี้ แม้ตอนนั้นยังเด็กเกินจะทำอะไรแบบนี้ได้”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย อาหารจะกร่อยเสียได้ ว่าแต่สิบเจ็ด ไม่เด็กนะ”
จุลกลอกสายตาที่สั้นจนต้องตัดเลนส์บางชนิดพิเศษ “พูดไปเรื่อย”
มันใช้คำว่าเด็กไม่ได้ เรย์ไม่เห็นด้วย ตอนนั้นเขาจำจดทุกอย่างได้ เขาโตเป็นผู้ใหญ่พอ เพียงแต่ไม่สามารถสู้รบปรบมือกับใครก็เท่านั้น
ต้องออกจากที่นั่น เสื้อผ้าของใช้วางเกลื่อนกลาดหน้าบ้าน
และคำที่ก้องในหูคือเขาเป็นเพียงลูกติดแม่ และไม่มีสิทธิ์เข้าคฤหาสน์หลังนั้นอีก
ความสับสนยังตามหลอกหลอนตราบจนทุกวันนี้
“นายคนเดียวมากกว่าที่เด็ก”
ชอบว่าเขาเป็นเด็กทั้งที่อายุเท่ากัน ไอ้เพื่อนชราเอ้ย
“ด่าฉันอยู่ในใจ เอาล่ะถ้าอย่างนั้นพูดเรื่องอื่น”
แนะรู้ทัน จุลตบไหล่แข็งสองปึก
“ก็ฉันคนรู้ใจนายไง”
“ใช่เราไม่ใช่เด็ก ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปในทางที่ดี เราเติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ”
อดีตอีกอย่างที่ยากจะหยุดขบคิด คือความซึ้งใจ ตราตรึงใจกันและกัน มิตรภาพคำว่าเพื่อนไม่เคยจางหาย มันคือความหลังที่ยากจะลืมแต่ไม่ใช่เวลามารำพึงรำพันกันเหมือนเด็กๆ เรย์ตบไหล่เพื่อนบ้าง จุลเซ
“เบาหน่อย”
“ฉันไม่ตาย ซ้ำมีอนาคตที่ดีเห็นๆ นายก็รู้มาหลายปีอย่ามาทำซึ้ง นายเองก็เช่นกันทำความฝันตัวเองได้ มันเหลือเชื่อ”
จุลยักไหล่เชิญเจ้าบ้านให้นั่งตรงกันข้ามและยื่นมือเพื่อทักทายโมริสาที่เจอกันครั้งแรก
“สวัสดีครับคุณโมริสา”
โมริสายิ้มหวาน ไหว้อย่างไทย พูดน้อยอย่างที่เรย์สั่ง
“โมเขามาทักทายนายและต้องไปที่อื่นต่อ”
“เข้าใจๆ ตามสบายครับ”
โมริสาบอกว่าสั่งให้เซฟทำอาหารพิเศษให้จุล หนุ่มไทยที่ไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่ปฏิสนธิในครรภ์ขอบใจ บริการกาแฟสุภาพสตรีด้วยตนเอง
เธอต้องทำเวลาเพราะเรย์คงไม่อยากให้นั่งกินลมชมวิวอยู่ใกล้เขานัก โมริสารับมาดื่มและเพียงไม่นานก็ขอตัว
“แล้วเจอกันค่ะ”
จุลลุกขึ้นเพื่อส่งโมริสา
นาทีต่อมา จุลหัวเราะและเดินมานั่งใกล้เรย์แทนโมริสา โอบไหล่ด้วยความคิดถึง
“อะไรวะไปนั่งที่เดิมสิเดี๋ยวสาวๆ ที่เล็งจะคิดว่านายเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันนะ”
เรย์ผลักเพื่อนแทบกระเด็นและขยับสูทนั่งตัวตรง จุลหมั่นใส้กระเถิบมาใกล้โอบเพื่อนแน่นกว่าเมื่อครู่ เรย์ไม่สนุกด้วย
“จะกลับไปนั่งดีๆ ไหมจุล นายไม่ใช่เด็กตัวผอมที่ต้องการความอบอุ่นแล้วนะ ถ้าต้องการก็จะจัดให้คืนนี้ สาวๆ แบบไหนฉันหาให้ได้ทั้งนั้นแต่ตอนนี้คุยเรื่องที่ฉันให้สืบมาก่อน”
“ใจร้อนจริง ไม่เห็นคิดถึงฉันบ้าง เราจากกันนานมากนะโว้ย”
“แต่เราคุยกันทุกวัน นายนั่นแหละไม่ทำตัวให้ว่างและบินมาหาฉันเอง
“นายเองก็ยุ่งตลอดเหมือนกัน”
“ใช่มากกว่านาย ฉะนั้นเรื่องนี้นายผิด”
“นายชนะเสมอ” จุลกลับไปนั่งที่เดิม
เรย์อยากบอกว่าถ้าว่างเขาคงบินไปเองนานแล้ว แต่การรอดู ฟังห่างๆ ก็ลุ้นดี สะใจพิลึกเมื่อได้ยินว่าตอนนี้ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของคนที่เคยเรียกว่าพ่อกำลังจะเหลือเพียงตำนาน ซึ่งมันคือคำภาวนาที่เป็นผล ฉะนั้นรอฟังข่าวดีกว่าเยอะ มุมปากสีแดงระเรื่อด้านซ้ายกระตุกเมื่อคิดถึงสิ่งที่คนบ้านนั้นทำกับตน
พวกเขาไม่ใช่พ่อไม่ใช่พี่ เป็นเพียงคนนอก!
“คฤหาสน์ของพ่อนาย หมายถึงจอห์นคือสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่เหลือให้ระลึกถึง พี่ชายนาย ฉันหมายถึงแม็กซ์ได้ครอบครอง ดูเหมือนเขาจะอยากขาย แต่ที่นั่นไม่เหมือนเมื่อก่อน มันทรุดโทรมมาก ใครจะเอาเงินไปทิ้ง ที่สำคัญมันเป็นกรรมสิทธิ์ของจอร์แดนเจ้าพ่อกาสิโนเสียเกือบครึ่งแล้วล่ะ”
“ติดการพนันไม่เปลี่ยน” เรย์หัวเราะในลำคอ
เขาเหนือแม็กซ์ทุกอย่าง จอห์นคงยิ้มอยู่ในหลุมศพกับเรื่องราวที่ลูกชายทำในตอนนี้
“ส่วนเรื่องชันดาฉันเพิ่งรู้เธอแต่งงานกับมาร์คย้ายไปอยู่อพาร์ตเม้นท์ในเมืองหลังจากพ่อนายเสีย”
“แต่งงาน?” ใบหน้าสะใจเจื่อนหากเพียงชั่วครู่
