4
ชันดา ส่องดาว ลูกสาวแม่บ้านที่ตามดูแลแม่ตน เธอเป็นรักแรกของเรย์
แต่ฟังผิดไปหรือเปล่า? แต่งงานกับคนอื่นพอจะเชื่อได้แต่กับคนนี้มันเกินเชื่อ
“อือ” จุลยกกาแฟขึ้นจิบมองเพื่อนเพื่อจับความรู้สึก แววตาเจ็บปวดที่แสดงออกมาเพียงแวบหนึ่ง ทำให้จุลไม่อยากบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับรักแรกของเรย์อีก
“มาร์คเป็นไปได้ยังไง สองคนนั่นทะเลาะกันเสมอเมื่อเจอหน้า ซึ่งมันเกิดตั้งแต่ฉันจำความได้”
“แต่มันเกิดขึ้นแล้ว มีลูกด้วย ตอนแรกที่ไม่ได้ข่าวเพราะสองคนนี้ย้ายที่อยู่บ่อย มาร์คเป็นอาจารย์สอนในมหาลัยน่ะ”
“ฉันอยากได้ยินว่าทั้งสองมีสถานภาพการแต่งงานที่ร่อแร่”
จุลหัวเราะขื่น
“บอกมาสิจุล”
“อ้าวนายบังคับเอาคำตอบ แบบนี้พูดได้เหรอวะ”
“โอเคช่างหัวมันเรื่องนั้น เอาเป็นว่าฉันจะให้นายซื้อคฤหาสน์พวกนั้นเพื่อเอาไว้ปลูกผัก” เรย์เปลี่ยนเรื่อง ไม่อาจแสดงความอ่อนแอให้เพื่อนได้เห็น เขาไม่อยากเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว
“ฉันไม่ร่ำรวยขนาดจะซื้อที่ดินของตระกูลนายมาปลูกผักและฉันไม่ชอบกินผักตั้งแต่เด็กนายก็รู้”
“ฉันจริงจัง ปลูกผักเลี้ยงม้า คงทำเงินได้ดีทีเดียว”
แววตาเพื่อนที่นิ่งสงบเดาใจยากดูเย็นยะเยือก จุลต้องเลิกแหย่
“ตอนนี้นายไม่ต้องไปเก็บเศษตังค์จากการเลี้ยงม้าปลูกผักมั้ง”
“อยากทำเพื่อความสะใจ”
“ ไหนเมื่อก่อนบอกว่าอยากลืมทุกอย่างไง”
“ปลูกผัก ปลูกหญ้ามันแปลกที่ไหน ดีจะตายที่นั่นดินอุดมสมบูรณ์ ดีกว่าให้คนอื่นเอาไปไม่ใช่หรือ!”
เสียงคำรามของเรย์ ทำเอาพนักงานใกล้ๆ สะดุ้ง จุลส่ายหน้ากับนิสัยใจคอของเพื่อนที่เปลี่ยนไป และพูดให้ตรงประเด็นเพื่อจะได้ไม่เสียเวลา
“นายจะแก้แค้นว่างั้น ตอนนี้เปลี่ยนใจจะทำอย่างนั้น ทำแล้วได้อะไร”
เรย์เงียบ ลำคอแห้งผาก มือใหญ่ยื่นหยิบชาร้อนขึ้นดื่ม
“แม่ฉันตายไปทั้งคนนะ คนพวกนั้นทำให้แม่ต้องตาย”
เรื่องนี้ยังไม่รู้สาเหตุที่แน่นอน แต่เขาเชื่อว่าแม่โดนทำร้ายแน่นอน เพราะจับพิรุธแม่บ้านคนสนิทได้ เขาถามอะไรก็ไม่พูดไม่จา ปกติไม่เคยเป็นคนเก็บปากเก็บคำนัก
“จะทำอะไรก็ตามใจเถอะแต่เอาแค่พอดิบพอดีนะ อย่ารุนแรงมากนักคนที่แกห่วงใยยังอยู่ที่นั่นนี่น่า”
โดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมาออกจากบ้าน ต้องสูญเสียแม่ไปโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ คนที่คิดว่ารักห่วงใยก็ทอดทิ้งไปแต่งงานกับคนอื่นเสียนี่ หลงคิดว่าเธอลำบาก อยู่อย่างเศร้าใจเหมือนเขา ทั้งหมดทั้งเพเขาอาจจะคิดไปฝ่ายเดียว
คนที่ห่วงใยคงไม่มีอีกแล้ว ตอนนี้เธอเป็นของคนอื่น ทิ้งความหลังลงทะเลสาบทาโฮเสียให้สิ้นจะดีไหม
จำเพียงคนเดียว มันไร้ประโยชน์
“ว่าไงได้ยินไหมชันดาเองเธอคงต้องหาคนคุ้มครองเพราะไม่นานหลังจากแม่นายเสียแม่เธอก็เสียเหมือนกันอย่าคิดมากเรื่องนั้น”
เหตุผลอะไรก็ช่าง เขาไม่อยากฟัง เรย์เปลี่ยนเรื่อง
“หิวแล้ว นายก็คงเหมือนกัน”
ดูท่าความเครียดจะเพิ่มเรื่อยๆ จุลยอมชะเง้อหาอาหาร
เรย์โบกมือให้พนักงานนำอาหารที่เตรียมพิเศษมาเสิร์ฟ ซึ่งได้ผลดีเพราะเพื่อนจอมกินจุตาโตกับอาหารตรงหน้า
“ให้มันได้อย่างนี้สิ แต่จะกินให้เกลี้ยงทั้งที่จุกนั่นแหละ”
อาหารไทยตรงหน้าคือสิ่งที่ชอบทั้งนั้น
“ฉันยังจำได้เมื่อก่อนเรามีความสุขกับการกินอาหารพวกนี้แต่วันนี้ฉันไม่แย่งนาย เพราะฉันอิ่มมาหลายปี”
“ถ้าอย่างนั้นไม่เกรงใจนะ ผัดกระเพราไก่เผ็ดๆ เอามาก่อนเลย”
เรย์มองมองอาหาร มองเพื่อนที่ตักอาหารเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย เสมือนเขาในช่วงเวลาหนึ่งที่นอนข้างถนนคล้ายขอทานที่ต้องหาเศษอาหารจากกองขยะ
เรย์อยากจะอาเจียนจนต้องลุกขึ้นกะทันหัน
“เป็นอะไร”
“เดี๋ยวมา”
จุลพยักหน้าขอบคุณพนักงานเสิร์ฟหน้าตาจิ้มลิ้มแต่ยังสนใจอาหารและเพื่อน “ไปไหน” เรย์ไม่ตอบจุลมองพนักงานที่สวมแมสของทางโรงแรม ไม่เคยสนใจมองใครเป็นพิเศษแต่แววตาคุ้นเคยทำให้จ้องนิ่งนาน เขาเปลี่ยนใจไม่ไปห้องน้ำ อาการกระอักกระอวนหายฉับพลัน
แต่นี่มันอะไรตนคงนอนไม่เต็มอิ่มเมื่อคืนสายตาถึงเบลอ
“แฮ่ม”
เรย์ละสายตาเพราะเสียงจุล ฝ่ายพนักงานเสิร์ฟสาวก็กำลังใจเต้นแรง มันแทบทะลุออกมานอกอกเมื่อเธอสบตาคนที่นั่งอยู่ นานมากแล้วในความรู้สึกที่ฝันจะเจอเขา ไม่เคยมีวันไหนจะลืมสายตาคู่นี้ หญิงสาวต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการบริการคนทั้งสอง มือสั่นเทาช่วยกันจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี และรีบถอยห่างออกไปด้วยขาที่สั่นเช่นเดียวกัน
เรย์ก้มมองอาหารบนโต๊ะแต่แววตาของชันดาลอยอยู่ในถ้วยน้ำซุปตรงหน้าซึ่งมันคือดวงตาเดียวกันที่เพิ่งเดินออกไป เรย์ไม่ชอบเก็บความสงสัยไว้กับตัว รีบกดส่งข้อความหาสายฟ้าให้ตามตัวพนักงานเมื่อครู่ให้ไปพบตนที่ห้องทำงาน ฝ่ายนั้นถามกลับว่าเมื่อไหร่ เรย์ให้คำตอบ อันที่จริงอยากไปตอนนี้แต่ทำไม่ได้ เพียงตอบไปว่าไม่นาน
อาหารบนโต๊ะหายเข้าท้องแขกเป็นส่วนใหญ่ เรย์ถามจุลว่ามีแพลนเที่ยวไหนให้บอก จะพาไป จุลวางแก้วน้ำ
“มีธุระก็ไปก่อนนั่งลงอีกทำไม”
“ตอบมาเรื่องที่ถาม”
“จะมีเวลาเหรอ แฟนนายอีกล่ะ ข้าวใหม่ปลามันไม่ใช่เหรอ”
“นายต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับฉันใหม่นะจุล ที่มีข้อมูลตอนนี้ พลาดหลายอย่าง ไม่แน่ใจอะไรก็เก็บปากไว้เถอะ”
“ดุจัง” จุลตีสีหน้าหวาดกลัว
“อย่าทำดัดจริตขอร้อง” เรย์อยากยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
“ทำไมต้องหา มีอะไรก็บอกกันมาสิ บอกมาว่าไปรักกับคุณโมตอนไหน จู่ๆ ก็หมั้นให้สาวๆ ที่ควงอกหัก ยอมรับว่ายังงงๆ ”
“ฉันไม่เคยมองผู้หญิงคนไหน ข่าวที่ได้ยินมั่วทั้งนัน กับโมเพราะความจำเป็น”
จะรอน้องชันดาจุลคิดอย่างนั้นมาตลอด
“เลิกคิดฟุ้งซ่านเถอะ บอกไปแล้ว”
ก็ยังสงสัยอยู่ดีแต่ไม่ถามดีกว่า เพราะอาหารตรงหน้าน่าสนใจกว่าเยอะ
“เรื่องมันยาวว่ะ” เรย์ถอยให้เพื่อนยอมบอกแต่สรุปคือตอบแบบขอผ่านไปที
“จะยาวแค่ไหนกันเชียว”
“เออๆ สักวันจะรู้เอง”
เพื่อนมองซ้ายขวา มองนาฬิกาข้อมือบ่อยขึ้น จุลสงสัย
“เป็นอะไรของนายดูแปลกๆ”
“นายบอกว่าชันดาอยู่แคลิฟอร์เนียใช่ไหมแต่ทำไมฉันคิดว่าเพิ่งเจอเธอนะ”
“คิดถึงจนเพี้ยน เฮ้อยังไม่ยอมตัดใจ เสือที่เห็นก็ยังเป็นแมวหง่าวได้เมื่อเจอน้องชันดาคนนั้น”
“บ่นอะไร”
“เปล่าๆ จะไปพักแล้ว หาสาวๆ ให้ด้วย ธุระของเราคงแค่นี้ ส่วนความคิดถึงต้องฉลองกันวันหลัง ฉันยังอยู่ให้นายดูแลอีกหลายวัน”
“ขอบใจมาก ฉันจะจัดสิ่งที่นายชอบไปให้”
ดลลธีเช็ดปากและลุกขึ้น
“ฉันไม่ต้องส่งนะ ตามสบายคิดว่าเป็นบ้านนาย”
“โรงแรมนายใหญ่น่าดูจะเป็นบ้านคนอย่างฉันสักสองอาทิตย์ ดีๆ”
จุลลุกขึ้นโค้งคำนับให้เรย์
“ขอบใจอีกครั้งที่เป็นส่วนหนึ่งในการชุบชีวิตใหม่ฉัน”
เสียงหนักแน่น แววตาจริงใจ จุลพยักหน้า
“ฉันหวังเสมอนายจะมีความสุขเพื่อนรัก วันนี้ขอพูดอีกครั้ง นายคงไม่ทำให้ฉันห่วงอีกแล้ว ฉันภูมิใจในตัวนาย”
เรย์สบตาจุล
เขาเองไม่เคยลืมเพื่อนคนนี้เคยช่วยให้เขาไม่ต้องนอนตรอมใจข้างกองขยะเพราะความคิดถึงแม่ พ่อแม่จุลช่วยให้เขาได้มาตามหาแม่ใหญ่ที่เมือง ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เขาคิดได้ในตอนนั้น
อยู่กับจุลก็ได้แต่เขาไม่พร้อมจะอยู่ในที่ซึ่งทำให้จิตใจเจ็บปวด
ความจริงใจเขาทั้งสองรับรู้ได้ “เราเจอกันอีกครั้ง มิตรภาพระหว่างเพื่อนทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ได้”
เป็นคำตอบที่ซึ้ง จุลแทบร้องไห้
เรย์บอกให้ผู้จัดการดูแลเพื่อนก่อนเดินไปหาสายฟ้า แต่แล้วก็เปลี่ยนใจขึ้นไปห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมห้าดาวแห่งนี้ ส่งข้อความไปแล้วไม่ต้องไปพูดหลายครั้ง เขาเชื่อมือคนสนิท
