ห้องบรรทมที่ 5(3)
ท้องพระโรง
“ฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย”
ประชุมเช้าวันนี้ หลังจากหารือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสร็จสิ้น จู่ๆ ขุนนางในที่ประชุมก็ร่วมใจกัน เสนอให้ย้ายพระสุสานอดีตฮ่องเต้และหลี่ไทยเฮา หรงชิ่งพอฟังตัวเลขงบประมาณ โต๊ะมังกรที่อยู่ตรงหน้า แทบถูกตบหักเป็นสองท่อน
“พวกเจ้ากินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำกันหรือ สุสานก็อยู่ของมันดีๆ จะย้ายให้ได้ประโยชน์อะไร”
“ฝ่าบาท ไม่ย้ายไม่ได้ นี่เกี่ยวพันกับเส้นชีพจรมังกรของประเทศ โหรหลวงคำนวณดูแล้วว่า หากย้ายตำแหน่งใหม่ ราชวงศ์เว่ยเราจะรุ่งเรืองไปอีกสองร้อยปี”
“ไร้สาระ รุ่งเรืองหรือไม่เกี่ยวอะไรกับการย้ายสุสาน เราไม่เชื่อ”
เมื่อทั้งหมดเห็นว่าฮ่องเต้ยังไม่ยินยอม ขุนนางใหญ่หลายคนบ้างใช้ข้ออ้างความกตัญญู บ้างบอกว่าเพื่อเชิดชูเกียรติ แม้แต่เสนาบดีหลินและหวังที่ไม่ถูกกัน ยามนี้ต่างฝ่ายต่างคุกเข่า เรียกร้องให้ฮ่องเต้มีราชโองการ ย้ายพระสุสานในบัดดล
ภายใต้การกดดันของขุนนางใหญ่กลุ่มต่างๆ สุดท้ายแม้หรงชิ่งจะไม่พอใจ แต่ก็จำต้องออกราชโองการ ย้ายที่ตั้งพระสุสาน โดยให้เจ้ากรมโยธาหลิวเมิ่งเป็นผู้ดูแล
***
เหล่าอาหารหรูหราแห่งหนึ่ง
“พี่หวัง ข้าขอคารวะท่านหนึ่งจอก”
ภายในห้องพิเศษ ขุนนางใหญ่หกกรม และเสนาบดีทั้งสามของราชสำนัก ทั้งหมดดื่มกินฉลองให้กับความสำเร็จ แม้ปกติจะไม่ถูกกัน แต่เมื่อมีผลประโยชน์ ต่างฝ่ายต่างก็สามารถร่วมมือกันได้ โดยวางข้อกินแหนงแคลงใจลงชั่วคราว
“ฮ่า ฮ่า น้องหลิว ไม่ต้องให้เกียรติข้าป่านนี้ก็ได้”
“ได้ยังไงกัน หากไม่ใช่ท่านคอยหนุน เราไหนเลยได้ทำงานใหญ่เช่นนี้”
หลินเฉินกงนั่งมองคนทั้งคู่ คารวะกันไปมาด้วยความเหยียดหยาม เพียงแต่เรื่องย้ายสุสานครั้งนี้ เขาเองก็ได้ผลประโยชน์ไม่น้อย ดังนั้นแม้ไม่ชอบคนตรงหน้าแค่ไหน วันนี้ยังคงมาร่วมหารือดื่มกิน
“คารวะมาสามรอบแล้ว พวกเจ้าคิดจะดื่มให้เมาก่อน ค่อยเจรจาหรือไง”
พอเสนาบดีหลินกล่าวแดกดัน คนหลายกลุ่มก็เริ่มเอ่ยปากตำหนิ ทั้งหมดโต้เถียงกันอีกเล็กน้อย จากนั้นค่อยหารือ แบ่งสันปันส่วน ดูแลควบคุมงบประมาณต่างๆ โดยให้คนทั้งหมดพึงพอใจ
***
