ห้องบรรทมที่ 5(1)
สวมเขาให้ฮ่องเต้
ขั้นตอนเปิดบริสุทธิ์แม้จะยากลำบาก แต่รูร่องของอวี๋เจินฉ่ำเยิ้มอยู่ก่อน ดังนั้นดุนดันเพียงไม่นาน ลำเอ็นของฮ่องเต้ก็สอดใส่เข้าไปจนสุดทาง
“พั่บ พั่บ พั่บ”
“เจ้าชื่ออะไร?”
หรงชิ่งกระแทกควงเอวครู่ใหญ่ ค่อยนึกออกว่ายังไม่รู้จักชื่อหญิงสาวตรงหน้า
อวี๋เจินไม่กล้ากล่าวมากความ นางเพียงบอกชื่อตนต่อฮ่องเต้ จากนั้นกัดฟันกลั้นเสียงสะอื้นต่อไป
“รูเจ้าแน่นดีจริงๆ ข้ามอบตำแหน่งกุ้ยเหรินให้เจ้าดีหรือไม่ ต่อไปเจ้าก็อยู่ช่วยฮองเฮาปรนนิบัติข้าในตำหนักก็แล้วกัน”
นางกำนัลอีกหลายคนที่ยืนอยู่ข้างๆ จิกเล็บเข้าไปในฝ่ามือ ฮ่องเต้รับสั่งคำเดียว นางกำนัลประจำหอเก๋งเล็กๆ ผู้หนึ่งก็กลายเป็นพระสนมแล้ว
เพราะร่างกายบอบบาง ทั้งยังเป็นครั้งแรก ดังนั้นฮ่องเต้ควบขับนางได้ไม่นาน ก็ถอดถอนแท่งลำ ฮองเฮาที่ยืนโก้งโค้งอยู่ก่อน จึงกลายเป็นที่รองรับหยาดพิรุณต่อไป
***
ข่าวคราวที่ว่าฮ่องเต้มั่วสุรานารี ไม่เพียงถูกส่งกลับไปวังหลัง แม้กระทั้งประชาชนภายในเมืองหลวง ยามพบหน้ายังต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุย
ชาวบ้านทั่วไปต่างซุบซิบด่าท่อว่า บ้านเมืองคงถึงยุคตกต่ำแล้วจริงๆ เพราะตั้งแต่หลี่ไทเฮาสิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้องค์นี้นอกจากมั่วสุมสตรีวังหลัง ราชกิจน้อยใหญ่ในแผนดิน ฮ่องเต้หาได้สนใจไม่
แม้ชื่อเสียงฮ่องเต้หรงชิ่งจะย่ำแย่เพียงใด แต่ว่ากลับมีคนกลุ่มหนึ่ง พอใจที่ประเทศมีประมุขไม่เอาไหนเช่นนี้ เหล่าขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ล้วนชมชอบที่มีฮ่องเต้ไม่เอาไหน เช่นนี้สิถึงชักจูงได้ง่าย หนึ่งเดียวที่ไม่พอใจอยู่บ้างก็คือ ผู้ที่มั่วสุมกับฮ่องเต้ไม่ใช่บุตรหลานตนเอง
“ใต้เท้า พวกเราคงต้องหาทางให้ฮ่องเต้เสด็จไปตำหนักอื่นบ้าง เป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่า กุ้ยเหรินคนใหม่คงจะตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ”
ระหว่างเสนาบดีหวัง พาสหายในราชสำนักมาดื่มกินที่หอสุราหรูหรา เรื่องที่สนทนาพาที ก็หนีไม่พ้นเรื่องบนเตียงของฮ่องเต้
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ฮ่องเต้เพียงมั่วสุมอยู่กับฮองเฮาและอวี๋กุ้ยเหริน สถานการณ์แบบนี้ถือเป็นผลดีกับพวกเรา”
“พี่หวัง เราไม่เข้าใจ แบบนี้จะดีกับพวกเราได้ยังไง หากอวี๋กุ้ยเหรินตั้งครรภ์โอรส นี่ไม่สร้างปัญหาให้กับพวกเราอีกหรือ”
เสนาบดีหวังอธิบายให้สหายร่วมก๊วนฟังว่า ตนเองได้ไปสืบภูมิหลังกุ้ยเหรินคนใหม่มาแล้ว นางเป็นเพียงบุตรสาวขุนนางโยธาเล็กๆ ผู้หนึ่ง เมื่อสืบดูเส้นสนกลในขุนนางผู้นั้น หวังอันจึงได้รู้ว้า เจ้าผู้นี้รับราชการมายี่สิบกว่าปี เพราะเคยสร้างความไม่พอใจให้กับผู้บังคับบัญชา ดังนั้นอยู่มานมนานจึงไม่ได้เลื่อนขั้น ซ้ำตอนนี้ยังถูกส่งไปดูแลงานก่อสร้าง ในพื้นที่ทุรกันดาร
“ข้าเรียกตัวบิดานางกลับเมืองหลวงแล้ว อวี๋เสิ่นผู้นี้ เคยมีเรื่องบาดหมางกับคนของหลินเฉินกง ข้าเขียนจดหมายชักชวนไม่กี่ฉบับ เจ้าผู้นี้ก็ตกลงเข้าร่วมกับพวกเราแล้ว”
หลินเฉินกงที่ว่า ย่อมเป็นเสนาบดีหลิน บิดาของหลินกุ้ยเฟยเอง
ระหว่างที่หวังอันกับพวก ร่วมกันหารือแผนการกำจัดขุนนางฝ่ายตรงข้าม บุตรสาวของเขาก็กำลังปรึกษากับนางกำนัลคนสนิท ว่าจะทำเช่นไรให้ฮ่องเต้เสด็จมาหา
***
