ห้องบรรทมที่ 4(3)
ตำหนังเฉียนชิง
ตำหนักที่ประทับของฮ่องเต้กว่างใหญ่มหาศาล นอกจากห้องทรงอักษรและห้องบรรทม ยังมีห้องหับต่างๆ ให้ใช้งานอีกหลายสิบห้อง องค์หญิงฝูเป่าเพราะเสียมารดาตั้งแต่เกิด ฮ่องเต้จึงทรงนำนางมาเลี้ยงไว้ในตำหนัก โดยมีหัวหน้านางข้าหลวงชิงเยียนคอยดูแล
“พี่ชิงเยียน องค์หญิงน้อยจะสามขวบแล้ว ท่านไฉนยังไม่ให้นางหย่านมอีก”
อวี๋เจินยืนมองพี่ชิงเยียนของนางกึ่งนั่งกึ่งนอนเอนกาย ประคองเต้าอวบให้องค์หญิงน้อยดื่มกินอยู่บนตั่งเตียงหลัวฮั่น นางลูบศีรษะเด็กหญิงด้วยความอ่อนโยน มองริมฝีปากน้อยๆ ที่ดูดกินน้ำนมของนางอย่างเอร็ดอร่อย
“เสี่ยวอวี๋ เจ้านายตำหนักอื่นๆ มีท่าทียังไงบ้าง เจ้าเล่ามาอย่าให้ตกหล่น”
ครึ่งเดือนมานี้ฮ่องเต้แทบจะประทับอยู่กับฮองเฮาตลอดเวลา นางคิดว่าเรื่องนี้ต้องกระตุ้นโทสะของหลินกุ้ยเฟยได้ไม่มากก็น้อย
อวี๋เจินรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่สายข่าวแจ้งมาทีละตำหนักจนครบ ชิงเยียนพอฟังว่าหลินฮุ่ยร้องห่มร้องไห้ฟ้องบิดาก็หัวเราะคิกออกมา
“เจ้าอย่าได้เห็นว่าที่หลินกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะนางฉลาดเฉลียว ความจริงนางโง่ที่สุดในวังหลังแห่งนี้”
อวี๋เจินไม่เข้าใจ ไฉนพี่ชิงเยียนบอกว่าหลินกุ้ยเฟยโง่เขลา หากนางไม่มีความสามารถไหนเลยก้าวถึงตำแห่นงกุ้ยเฟยได้
“เสี่ยวอวี๋ บิดาเจ้าเป็นขุนนางโยธาขั้นห้ากระมัง”
“ใช่แล้วพี่ชิงเยียน ตอนนี้ท่านพ่อเป็นผู้ช่วยดูแลการก่อสร้างเขื่อนที่เมืองหนันฝู”
เพราะบิดานางไม่ต้องการให้นางแต่งกับบุตรชายผู้บังคับบัญชาคนหนึ่ง นางจึงถูกส่งเข้ามาคัดเลือกเป็นนางกำนัลเมื่อสามปีก่อน สองปีแรกนางทำงานอยู่โรงซักล้าง แม้แต่ใบหน้าฮ่องเต้ นางยังไม่ได้พบเห็นซักครั้ง
“เจ้าอยากให้บิดากลับมาทำงานที่เมืองหลวงหรือไม่?”
“อยากข้าอยาก พี่ชิงเยียนช่วยให้ท่านพ่อข้าย้ายกลับมาได้มั้ย”
“อืม เจ้าทำให้ข้าพึงพอใจก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะช่วยย้ายบิดาเจ้ากลับเมืองหลวงให้”
นางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนให้นมองค์หญิงน้อยอยู่พลันกางขาออก อวี๋เจินรู้ถึงสิ่งที่นางต้องการ เพียงครู่เดียวก็มุดศีรษะเข้าไปในกระโปรง ใช้ลิ้นช่ำชองเลียกลีบร่องให้นางอยู่รู้ใจ
“อืมมมม”
แว่วเสียงครางยาวด้วยความสุขสม ระยะเวลาเพียงครึ่งเดือนนางก็ติดใจชิวหาของเด็กหญิงนางนี้เสียแล้ว
***
