บท
ตั้งค่า

บทที่5.

“ก็แล้วแต่เธอนะ แต่พี่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าทรัพย์สินในส่วนของเธอมันติดลบและพี่ก็คงให้เธอเบิกอีกไม่ได้”

“พี่หนึ่ง พี่หนึ่งทำแบบนี้กับสองไม่ได้นะคะ”

“พี่จะขึ้นไปพักผ่อนแล้ว ถ้าเธอเดือดร้อนจริงๆ เครื่องเพชรที่เธอมีอยู่กับตัวก็ขายมันเอาเงินมาใช้ก่อนก็แล้วกัน” คุณสายสุนีย์พูดอย่างไม่ยี่หระ นางรู้สึกระอาและเหนื่อยหน่ายกับนิสัยที่ไม่เคยเปลี่ยนของผู้เป็นน้องสาว

“คุณพี่ลำเอียง คุณใหญ่ก็เหมือนกัน พี่หนึ่งกับคุณใหญ่รวมหัวกันกันสมบัติไว้ให้นังลูกชู้นั่น ทั้งๆ ที่มันควรเป็นของลูกจัน กับสอง” คุณสายสนมเอ่ยออกมาอย่างกราดเกรี้ยว ใบหน้าที่ยังคงสวยงามอยู่แดงก่ำบิดเบ้

“เรื่องจริง ความจริงมันเป็นอย่างไรเราต่างก็รู้กันอยู่นะสอง อีกอย่างพี่กับคุณใหญ่ก็ทำในสิ่งที่สมควรคุณใหญ่แบ่งสมบัติและให้ลูกๆ ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน อีกอย่างหนูบัวก็ยังคงเป็น จันทรโสภาสกุล อยู่เธอมีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติทุกอย่างของคุณใหญ่แม้แต่ตึกจันทร์หนูบัวก็อาจจะได้เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว” คุณสายสุนีย์พูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแววตาที่มองมายังผู้เป็นน้องสาวเฉยชาจนผู้เป็นน้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่พี่สาวไม่เคยมองเธอด้วยแววตาที่อบอุ่นเหมือนเคยนับตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งอดีตครั้งนั้น แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่นางจะมองว่าตนเองนั้นปฏิบัติเช่นไรต่อคนอื่น

“พี่หนึ่ง คุณพี่คะ กลับมาคุยกันก่อนนะ นังพี่บ้าเอ๊ย” คุณสายสนมร้องเรียกร่างบางของพี่สาวที่เดินลิ่วไปยังตึกจันทร์พลางกระทืบเท้าเร่าๆ อย่างที่นางมักทำเสมอในอดีตยามไม่ได้ดังใจแม้แต่ตอนนี้วัยล่วงเลยมาครึ่งค่อนคนนางก็ยังทำกิริยาเช่นนี้อยู่

ร่างอวบอิ่มที่ยังคงสวยพริ้งเพราะเจ้าตัวรักษาและดูแลมันด้วยเงินตราที่มีเดินกลับมายังตึกเล็กที่นางได้รับกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว พลางมองไปยังเรือนไทยหลังเล็กที่ชื่อ “เรือนบุษบา” ที่แม้ว่าไม่มีใครอาศัยอยู่แต่เรือนไทยหลังงามนี้ก็ได้รับการดูแลอย่างดี และบางครั้ง คุณใหญ่ ก็หลบมานอนพักที่นี่เป็นประจำ สร้างความริษยาให้นางเป็นอย่างมากแม้ว่าคนที่เป็นมารหัวใจของนางจะไม่อยู่ที่นี่ แต่นางไม่เคยเข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้เป็นสามีได้เลยสักครั้ง

“นังบุษ แกมันนางมารชัดๆ ฉันเกลียดแกและลูกของแกนังบุษนังมารร้าย” นางพูดกับตัวเองอย่างเจ็บแค้น

“คุณแม่ขา” เสียงหวานแหลมสูงดังมาแต่ไกลเรียกให้นางหลุดจากความคิดของตนแล้วหันไปมองร่างเปรียวระหงในอาภรณ์ที่แสนจะฉูดฉาดและเปิดเผยเนื้อตัวจนไม่น่าจะเรียกสิ่งที่เธอสวมใส่อยู่ว่าเป็น เสื้อผ้า

“หนูลูกจัน ทำไมแต่งเนื้อแต่งตัวแบบนี้ล่ะลูก” เสียงที่ปรับให้ดูนุ่มนวลเอ่ยกับบุตรสาว

“โธ่ คุณแม่คะใครๆ เขาก็ใส่กันแบบนี้ล่ะคะ สาวๆ แถบยุโรป ลอนดอนก็ใส่กันแบบนี้ ว่าแต่แม่ขา ซินดี้ขอเงินหน่อยสิค้า” ลูกจันหรือสิริจันทร์ มีชื่อที่เพื่อนๆ ชาวต่างชาติเรียกว่า ซินดี้ เอ่ยออดอ้อนมารดาพร้อมกับเข้ามากอดอย่างประจบและทำท่าให้น่ารักที่สุด

“แต่ว่าลูกเพิ่งขอแม่ไปเมื่อวันก่อนนี้เองนะลูก”

“โธ่ คุณแม่คะ ซินดี้น่ะ ต้องเข้าสปาทุกอาทิตย์ไหนจะงานเลี้ยงสังคมเพื่อนๆ ของซินดี้อีกละคะแต่ละคนนะมีแต่คนที่ใช้ของหรูๆ แพงๆ มีแต่ซินดี้นี่แหละกระจอกกว่าคนอื่นๆ น่าขายหน้าจะตายเวลาไปช้อปกับพวกเพื่อนๆ ซินดี้ล่ะอ๊ายอาย ยายริสาลูกคุณหญิงสมทรงน่ะ ตัวดีชอบดูถูกว่าซินดี้กระจอก พกเงินทีเหมือนกลัวจะหมด คุณแม่รู้ไหมคะ พวกนั้นน่ะทั้งพกเงินไปไหนมาไหนทีละแสนๆ ไหนจะบัตรเครดิต ไหนจะของใช้แพงๆ หรูๆ”

หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงบรรดาเพื่อนๆ นักเรียนนอกรุ่นเดียวกับเธอต่างก็ฟุ้งเฟ้อและใช้สินค้าแบรนด์เนมชื่อกระฉ่อนและไม่มีใครทำงานเป็นโล้เป็นพายเลยสักคน รวมถึงเธอด้วยที่วันๆ ต่างสนุกสนานไปกับการใช้เงินเที่ยวเตร่ สร้างแต่ชื่อเสียไปวันๆ

“จริงหรือลูกที่เพื่อนๆ ของลูกดูถูกเรา” คุณสายสนมเอ่ยออกมาอย่างร้อนรนรู้สึกเสียหน้าและด้อยกว่าคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย

“จริงสิคะคุณแม่ขา”

“นังคุณนายสมทรงกับแม่ลูกสาวของมันนี่ปากเสียและชอบดูถูกคนอื่นเสมอ แม่ล่ะเกลียดมันทั้งสองแม่ลูกจริงๆ”

“นั่นสิคะ ถ้างั้นคุณแม่ให้ซินดี้สักสองแสนนะคะ พรุ่งนี้ซินดี้จะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่วังน้ำเขียวนะคะคุณแม่ขา”

“จ้ะลูก แต่ลูกจันต้องรอหน่อยนะจ๊ะ เพราะตอนนี้แม่ไม่มีเงินสดติดตัวเลยลูก” นางเอ่ยบอกบุตรสาวเสียงหวาน แต่ในใจกลับร้อนรุ่มว่าจะหาเงินสองแสนจากที่ไหน

“ฉันจะต้องเอาสมบัติส่วนที่เป็นของแกมาเป็นของฉันให้ได้ ในเมื่อแกกับลูกไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วแกก็ไม่สมควรได้อะไร นังบุษแกตายไปแล้วยังมีฤทธิ์นักนะฉันล่ะเกลียดแกกับลูกนัก” คุณสายสนมเดินไปยังระเบียงสวย ดวงตาวาววับมองบ้านทรงไทยหลังน้อยอย่างเคียดแค้นในใจเดือดพล่านด้วยไฟริษยาที่แผดเผาไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยตัวของนางเอง...

“คุณใหญ่เหนื่อยมากหรือคะ พักบ้างสิคะงานบางอย่างก็น่าจะวางมือจากมันบ้างแล้วให้ลูกๆ ดูแลแทน อย่างตาก้องกับตาเก่งนั่นก็ใช้ได้ทีเดียว” คุณสายสุนีย์พูดเบาๆ พลางบีบนวดไหล่หนาที่ยังคงแข็งแรงและตั้งตรง แต่นางรู้ดีวาภายใต้ท่าทางแข็งแรงนั้น ร่างกายนี้อ่อนล้าลงไปทุกทีๆ

“ผมยังวางมือไม่ได้หรอกตราบใดที่เรื่องบางเรื่องมันยังไม่เรียบร้อย” คุณใหญ่ หรือคุณไพศาลกล่าวอย่างอ่อนล้า

“แล้วรออะไรล่ะคะ ในเมื่อคุณใหญ่ก็รู้ทุกอย่างแล้ว”

“ผมแค่ไม่กล้า”

“แต่คุณยังไม่ได้ลองนี่คะ ไม่นะบางทีคนคนนั้นก็อาจจะกำลังรอคุณใหญ่อยู่ก็ได้ แค่คุณใหญ่อาศัยความกล้า”

“ผมขี้ขลาดใช่ไหมหนึ่ง” คุณไพศาลกุมมือภรรยาคู่ชิตแน่นเหมือนต้องการทั้งคำปลอบโยนและกำลังใจอย่างสุดซึ้งในตอนนี้

“ไม่ค่ะ คุณเป็นผู้ชายที่หนึ่งเห็นแต่ความเข้มแข็ง หล่อเหลา และกล้าหาญที่สุด” คุณสายสุนีย์พูดยิ้มๆ พลางทรุดนั่งลงตรงหน้าสามีผู้ยังคงความหล่อเหลาสง่างามแม้วัยจะล่วงเลยมาเกือบหกสิบปีแล้ว

“คุณทำให้ผมรู้สึกดีและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน” คุณไพศาลพูดยิ้มๆ แต่ดวงตาคมนั้นเศร้านัก

“คุณก็รู้ว่าหนึ่งรักคุณและหวังดีกับคุณและทำทุกอย่างเพื่อให้เรามีความสุข” นางกล่าวอย่างจริงใจใบหน้าหวานละมุนยิ้มให้สามีอย่างอ่อนโยน

“ผมรักคุณ” คุณไพศาลลูบไล้ใบหน้าที่ยังคงงดงามด้วยความรัก

“หนึ่งรู้ค่ะ ว่าคุณใหญ่รักหนึ่งและรักบุษไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นทำเพื่อหนึ่งและบุษสักครั้งนะคะ และที่สำคัญเพื่อตัวคุณใหญ่เอง”

“แล้วคุณคิดว่าผมจะได้รับโอกาสนั้นไหม”

“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้สิคะ มันยังไม่สายที่เราจะเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่หรือคะ อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ สิคะ เรายังไม่ได้ลองเลย หนึ่งเชื่อว่าคุณทำได้แน่นอนค่ะ”

สองสามีภรรยายิ้มให้กันด้วยความยินดีที่จะกระทำบางอย่าง ด้วยใจที่สว่างเรืองรองด้วยความหวัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel