บทที่4.
“ท่านประธานคะ คุณเมอรีอามาขอพบค่ะ” เสียงหวานๆ ของเลขาหน้าห้องดังขึ้นเมื่อเอาแฟ้มเอกสารเข้ามาให้ชายหนุ่มเซ็นตามปกติ เสียงของเธอดึงให้มาร์คัสกลับมาสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง นายหนุ่มตวัดสายตามองเพียงนิดแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา
“บอกไปว่าฉันไม่พบใคร และไม่รับแขกตลอดสัปดาห์นี้” ชายหนุ่มพูดแค่นั้นแล้วก้มลงสนใจเอกสารตรงหน้า แล้วแม่เลขาทรงโตก็เดินยิ้มกริ่มออกไป
“ขอโทษนะคะคุณเมอรีอา มัลดินี่ ตอนนี้ท่านประธานยุ่งม้ากมาก และไม่รับแขกไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้น” เลขาคนสวยบอกสาวสวยนามว่า เมอรีอา มัลดีนี่ นางแบบไฮโซคน เคย ดัง ด้วยรอยยิ้มเหยียดๆ
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อหากมาร์รู้ว่าฉันมาหาเขาก็ต้องดีใจและให้เข้าพบเว้นแต่ว่าเธอไม่บอกว่าฉันมา” เมอรีอาเพื่อนสาวคนสนิทของมาร์คัสผู้มีรูปร่างระเหิดระหงใบหน้าสวยเฉี่ยวนั้นเชิดขึ้นอย่างไว้ตัว
“ข้อนี้ดิฉันก็มิอาจทราบได้นะคะ เพราะเมื่อกี้ท่านประธานท่านบอกแบบนั้นจริงๆ ทั้งๆ ที่ฉันย้ำแล้ว ย้ำอีกว่า คุณ เมอ รี อา มา ขอ พบ” เลขาคนสวยกล่าวย้ำอย่างประชดเล็กๆ ใบหน้าสวยฉายแววสะใจลึกๆ ที่เห็นใบหน้าสวยเจื่อนไป
“อุ้ย มีงานค้างหลายงานเลยดิฉันขอตัวก่อน นะคะ คุณ เมอ รี อา อ้อๆ ๆ แล้วก็อย่าฝืนกฎของท่านประธานด้วยการถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าสวยแล้วไม่เตือน”
ร่างอวบอัดของแม่เลขาสาวสวยเดินยักย้ายไป ปล่อยให้แม่นางแบบคนงามยืนมองประตูห้องของประธานใหญ่แห่ง คริสเตียนโน่ มาเวลส์ เขม็งด้วยแววตาวาวโรจน์ราวจะทะลุให้เห็นคนอยู่ข้างในว่าทำอะไรสำคัญนักหนา ถึงไม่สนใจเธอ เมอรีอาครุ่นคิดในใจและพยายามหาวิธีที่จะเข้าถึงตัวชายหนุ่มให้ได้ในเร็ววัน เพื่อตัวของเธอเอง
“หนูบัวๆ ๆ” เสียงเรียกเบาๆ ของตวิษาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ได้ทำให้สาวน้อยคนสวยตื่นจากภวังค์ ดังนั้นตวิษาจึงหยิบน้ำแข็งก้อนเล็กๆ แนบลงไปบนแก้มใสของบัวบุษราและก็ได้ผล
“ว๊ายยย ตองทำอะไร หนูบัวตกใจหมดเลย” บัวบุษราร้องเสียงหลงกับความเย็นที่แนบลงมาบนแก้มใสของตน
“อ้าว ก็ตองเรียกหนูบัวต้องหลายครั้งก็เห็นนั่งเหม่ออยู่นั่น ก็เลยต้องใช้วิธีนี้สิ”
“ก็หนูบัวกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นี่” เธอตอบเสียงอ่อย แล้วเสหยิบเสื้อผ้ามาพับลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
“นั่นแน่ๆ คิดอะไรเพลินๆ แบบนี้ต้องเป็นเรื่องหวิวๆ แน่ๆ ถึงได้หน้าแดงปานฉะนี้ คิดอะไร คิดถึงหนุ่มๆ ริโอเหรอ ได้ข่าวว่าหนุ่มๆ บราซิลหล่อล่ำ ซิกแพ็กน่ากินกันทุกคนนี่” ตวิษาล้อเลียนคนตัวบางที่นั่งแก้มแดงปลั่งอย่างสนุก
“บ้า.. ตองนี่ ทำยังกับตัวเคยกินหนุ่มๆ บราซิลอยางนั้นแหละ”
“อ้าว... ก็ตองเห็นในหนังสือแฟชั่นหรือหนังสือฟุตบอลหนุ่มๆ พวกนี้ก็หล่อๆ ล่ำๆ ทั้งนั้นแม้จะเหยินๆ ไปบ้างแต่ก็เร้าใจ ฮ่าๆ” ตวิษาลากเสียงพร้อมกับพูดติดตลกอย่างสนุกสนานซึ่งมันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเธอที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้เธอนั้นรู้สึกสดใสปลอดโปร่งและยิ้มหัวไปกับเธอได้
“จ้า แม่คนแรงสูงเจ้าแม่แฟชั่น และนิยมหนุ่มหล่อล่ำ” บัวบุษราเหน็บแนมอย่างหมั่นไส้และพลอยลืมเรื่องที่ทำให้เธอมักตกอยู่ในภวังค์หวามที่เกิดจากเหตุการณ์สุดแสนสยิวเมื่อปีที่แล้วได้ หากไม่เจอคำถามต่อมาของตวิษา
“นั่นๆ อย่าเนียน บอกมานะว่าเมื่อกี้คิดถึงใครถึงได้หน้าแดงเหมือนสาวน้อยที่กำลังตกหลุมรักแบบนั้นอ่ะ”
“บ้า! ตองนี่พูดอะไรเพ้อเจ้อไม่เอาแล้วไม่คุยกับคนไร้สาระแล้วนี่หากไม่ช่วยหนูบัวเก็บของก็โน่นเลยไปช่วยแดนิชทำงานบ้านเลยไปล้างจานก็ได้ไปเลยไป” บัวบุษราฉุดคนร่างอวบอิ่มของตวิษาให้ลุกขึ้นพลางรุนหลังบางของอีกฝ่ายให้ออกไปจากห้องอย่างขัดเขินแต่ก็พยายามทำท่าขึงขังจนอีกฝ่ายกลั้นยิ้มจนปวดแก้มกับท่าทางของเพื่อนรัก
“คนบ้า ล้อเขาดีนัก...” บัวบุษราปิดประตูพลางย่นจมูกให้มันอย่างฉุนๆ นิดๆ ก่อนจะเดินมาเก็บของลงกระเป๋า แล้วก็ต้องหน้าแดงเมื่อมือบางลูบไล้ลงบนลายสักอ่อนช้อยเหนือเนินอกของตน ความรู้สึกร้อนวูบไหวก็เหมือนจะร้อนผะผ่าวไปทั่วทั้งตัวแค่คิดถึงรอยจุมพิตอันร้ายกาจของ...ใครคนนั้น...
“อะไรนะ แดนิชไปด้วยไม่ได้เหรอ” บัวบุษราร้องเสียงสูงเมื่อแดนิช บอกเธอว่าต้องไปดูงานแทนบิดาที่ฮ่องกงพร้อมกับพนักงานในบริษัทอีกสองคนในวันพรุ่งนี้ เพราะอีกสองวันเธอก็จะบินไปริโอแล้ว
“ใช่พอดีมีปัญหานิดหน่อยและคุณพ่อก็กำลังจะเซ็นสัญญากับคู่ค้านักธุรกิจชาวบราซิลด้วย มันสำคัญมากแดนไม่อยากพลาด อย่างน้อยๆ มันก็คือสิ่งที่แดนสามารถทำและชดเชยสิ่งที่แดนให้พวกท่านได้”
แดนิชบอกเสียงจริงจัง เพราะสิ่งที่เขาทำให้ครอบครัวในครั้งถือ เสมือนเป็นการทำเพื่อไถ่ถอนในสิ่งที่เขาปกปิดและเลี่ยงหลบความจริงมานาน
“หนูบัวเข้าใจค่ะ แต่เสียดายน่ะอุตส่าห์ว่าจะได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้วแท้ๆ” เธอบ่นอย่างเสียดายและสุดท้ายคนที่ได้เดินทางร่วมทริปไปกับเธอก็คือ ตวิษานั่นเอง
“ว้าววว...ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าตองจะได้มาเมืองนอกกับเขาด้วย” ตวิษาร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อสองเท้าบางเหยียบย่างลงบนแผ่นดิน ริโอ เดอจาเนโร ดินแดนชื่อก้องโลกที่ครั้งหนึ่งเธอเพียงแค่เคยเห็นแต่ในรูปและภาพยนตร์
“ใช่ๆ ๆ หนูบัวก็เหมือนกัน ตื่นเต้นที่สุด Hello Rio de Janeiro”
บัวบุษราป้องปากร้องสุดเสียงท่ามกลางคนนับร้อยที่มองมายังเธอและตวิษาบริเวณหน้าสนามบิน นานาชาติ ริโอ เดอ จาเนโร อินเตอร์เนชันนัล เมื่อเธอทั้งสองผ่านด่านตรวจต่างๆ มาเรียบร้อยร้อยแล้ว และหญิงสาวชาวเอเชียหน้าตาสดสวยก็ดึงดูดใจชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย
“หนูบัวบ้าจังทำอะไรน่ะ” ตวิษาเดินมาสะกิดคนที่ดี๊ด๊ามากมายเมื่อได้มาเหยียบดินแดนในฝัน ซึ่งท่าทางเริงร่าแสนสดใสของเธอ อีกทั้งความน่ารักสวยใสของบัวบุษรานั้น ทำให้ชายหนุ่มหลายคนหันมามองยังเธอด้วยความชื่นชม และแน่นอน ในความชื่นชมนั้นก็แฝงไว้ด้วยความหิวกระหายใคร่อยากครอบครองด้วย
“ก็หนูบัวดีใจมากจนเก็บอาการไม่อยู่น่ะสิ ขอกรี๊ดให้ดังๆ สมกับที่ใฝ่ฝันหน่อยเถอะ” ว่าแล้วคนที่ทั้งชีวิตทำแต่ขนมอยู่หลังร้านและเคยอยู่อย่างเก็บกดหวาดกลัวก็วิ่งวนไปรอบๆ ร่างอวบอิ่มเย้ายวนของตวิษาอย่างเริงร่า ตวิษาส่ายหน้ายิ้มๆ กับท่าทางแสนสดชื่นและเป็นสุขของบัวบุษรา ซึ่งเธอก็เข้าใจดีและดีใจแทนเพื่อนรักอย่างจริงใจที่เพื่อนของเธอในวันนี้สดใสร่าเริงไม่ซึมเศร้าเช่นที่ผ่านมา
