บทที่3. ต่อ
“เย็นนี้ทางรีสอร์ตเขาจัดปาร์ตี้รอบกองไฟ แดนิชเราไปร่วมงานกันนะ เขาให้แต่งตัวเป็นหนุ่มสาวชาวเกาะด้วย หนูบัวมีชุดพอดีเลย บิกีนี่สีสดๆ และผ้าบาติกแสนสวย” เสียงใสๆ ของบัวบุษรา เจื้อยแจ้วพลางหยิบชุดบิกินี่ที่ตนนำมาด้วย ทาบกับร่างบอบบางของตนหมุนซ้ายหมุนขวาอวดชายหนุ่มที่มองมาด้วยสายตาที่เอ็นดู
“แดนก็เห็นหนูบัวตื่นเต้นกับทุกๆ อย่างนั่นแหละ”
“ก็หนูบัวเป็นคนสวยไง เลยนิสัยดีและน่ารัก มองโลกในแง่ดี” สาวน้อยตอบเสียงใสยิ้มพราว
“มันเกี่ยวกันตรงไหนน่ะหนูบัว” แดนิชเอ่ยยิ้มๆ พลางโยกศีรษะเล็กๆ นั้น อย่างเอ็นดู ดวงตาคมหวานเป็นประกาย
“เกี่ยวสิ เพราะคนที่ทำให้หนูบัวเป็นคนสวยน่ารักนิสัยดี มองโลกในแง่ดี นอกจากคุณยายและแม่บุษแล้วก็คือแดนิชสุดที่รักของหนูบัว” สาวน้อยพูดประจบพลางซบแก้มนวลกับอกแกร่งของชายหนุ่มด้วยความรัก
“ยายเด็กขี้ประจบ”
“ก็เพราะหนูบัวกลัวแดนิชไม่รักหรอกน่า ก็เลยต้องประจบออดอ้อนกันหน่อย” สาวน้อยบอกเสียงใสก่อนจะเร้นกายเข้าห้องน้ำและเปลี่ยนชุดทันทีด้วยความตื่นเต้นชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความน่ารักน่าเอ็นดูของเธอ
งานปาร์ตี้ที่ทางรีสอร์ตหรูจัดขึ้นในค่ำวันนั้น แม้ว่าจะเป็นงานปาร์ตี้เล็กๆ และมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุก นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศต่างต่างยิ้มแย้มและสนุกสนาน ทั้งงานมีแต่คำชื่นชมว่าเจ้าของสถานที่ ทุกคนแต่งกายง่ายๆ ทว่าสดใสตามแบบที่ทางรีสอร์ตได้แจ้งไว้ นั่นคือบรรยากาศชาวเกาะแบบฮาวาย ชายหนุ่มก็สวมเพียงกางเกงลายดอกสดใสคล้องมาลัยดอกลีลาวดี ส่วนหญิงสาวก็อาจจะสวมบิกินี่ หรือเสื้อเกาะอกกับกระโปรงผ้าบาติกลายดอกไม้สดใสและทัดดอกลีลาวดีงดงาม...
แล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเมื่อ นั่นคือเวลาที่ทุกคนจะได้เต้นรำรอบกองไฟอย่างสนุกสนาน และตอนนี้บัวบุษราก็วาดลวดลายยักย้ายส่ายสะโพกอยู่ท่ามกลางหนุ่มสาวหลากหลายเชื้อชาติด้วยความสนุก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของสาวน้อยวัยใสเจ้าของเรือนร่างแสนเย้ายวนที่เผยให้เห็นรอยสักสีสวย ลวดลายอ่อนช้อยบนร่างกายนั้น ก็ต้องตาตรึงใจชายหนุ่มที่มองมายังเธอแทบทุกคน ยิ่งยามเธอยักย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะดนตรี ยิ่งทำให้หนุ่มๆ แทบเลือดกำเดากระฉูดเพราะความเย้ายวนนั้นโดยที่เธอไม่ได้ปรุงแต่งอะไรเลย และเธอก็เต้นรำไปอย่างเป็นธรรมชาติ
มาร์คัสนั่งมองร่างเย้ายวนขาวกระจ่างส่ายไหวอยู่ท่ามกลางเหล่านักเต้นเท้าไฟด้วยความรู้สึกที่พลุ่งพล่าน หวงร่างเย้ายวนนั้นอย่างไม่รู้สาเหตุ ยิ่งเห็นสายตาผู้ชายที่มองไปยังร่างที่กำลังยิ้มหัวสนุกสนานโชว์เนินเนื้อขาวๆ อวบๆ นั้นด้วยแววตาหื่นกระหายไม่ต่างจากเขานัก ก็ยิ่งอยากกระชากร่างบางนั้นมาแนบกายและประกาศความเป็นเจ้าของ แล้วก็เก็บเจ้าหล่อนไว้ไม่ให้ใครเห็นเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป
คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็เดินเตร็ดเตร่ ใกล้ๆ กับที่ที่สาวน้อยแสนงามกำลังยืนคุยกับชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่บริเวณบาร์เครื่องดื่ม เพราะเธอกำลังกระหายน้ำ ด้วยว่าใช้พลังงานในการเต้นรำมากเกินไป จึงต้องหาเครื่องดื่มเย็นๆ มาดับกระหายและเธอก็ได้รับการบริการเอาอกเอาใจอย่างดีจากพนักงานต้อนรับ และชายหนุ่มผู้หวังดีที่อยากบริการสาวเจ้าเต็มที่ โดยที่มาร์คัสทำทีเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วๆ ไปและดูเหมือนเธอเองก็ไม่สนใจเขาและจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ นั่นยิ่งทำให้เขาเดือดดาลที่เขาไม่อยู่ในสายตาของเธอ
“ขอบคุณค่ะ” สาวน้อยเอ่ยของคุณชายหนุ่มชาวอังกฤษนัยน์ตาสีฟ้าสดใสที่เปิดขวดเครื่องดื่มสีสวยให้อย่างยินดี
“สำหรับคนสวยๆ ยินดีครับ” เดม่อน นั่นคือชื่อของเขา ชายหนุ่มที่แสนจะหล่อเหลาที่เข้ามาตีสนิทกับบัวบุษรา ทั้งๆ ที่เห็นว่าเธอสวมแหวนหมั้น และสาวน้อยแสนสวยคนนี้เธอก็มากับคู่หมั้น แต่เขาก็ยังอยากจะลุ้น
“แหม เดม่อนปากหวานจัง แต่ว่าฉันคงต้องกลับไปพักผ่อนแล้วล่ะค่ะ”
“อ้าวทำไมกลับเร็วจังล่ะครับ”
“พรุ่งนี้ฉันต้องกลับแล้วล่ะค่ะ พอดีงบประมาณหมด” สาวน้อยตอบอย่างอารมณ์ดี และเมื่อเครื่องดื่มในมือหมดลงเธอก็ลุกขึ้นขอตัวกลับอย่างสุภาพและไม่ฟังคำทัดทานหรือยกยอใดๆ ให้เสียเวลาเพราะเธอระลึกอยู่ในใจเสมอมาว่า ผู้ชายที่นอกจากแดนิช และไซม่อนแล้ว เธอก็ไม่ไว้ใจใครอีกเพราะผู้ชายเหล่านั้นก็หวังแค่อยากชื่นชมร่างกายของเธอเท่านั้น ซึ่งเธอไม่ปรารถนาจะทอดกายให้ชายใดได้เชยชมหากไร้ซึ่งความรัก
“หนูบัว เดี๋ยวขอแดนโทรศัพท์หาไซม่อนสักครู่หนูบัวกลับบ้านพักก่อนนะ” แดนิชบอกเธอเบาๆ
“ถ้างั้นหนูบัวไปรอที่บ้านละกัน ฝากบอกไซม่อนด้วยว่าหนูบัวคิดถึง” ว่าแล้วสาวน้อยก็เดินตัวปลิวไปยังบ้านพักตามทางเดินที่ประดับไฟสว่างไสว และหลากสีสันงดงามพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆ อย่างเป็นสุข
“ว๊าย...” เสียงหวีดร้องอย่างตกใจ และร่างบางก็สะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆ ก็มีชายร่างสูงใหญ่ซึ่งลมหายใจคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุรา และทำท่าจะปรี่เข้ามาหาเธอ บัวบุษราหันซ้ายแลขวาไม่เห็นใครก็ชักใจเสีย และไม่คิดว่าทางรีสอร์ตจะปล่อยให้มีคนเมาสุรามาเดินรบกวนแขกที่มาพักเช่นนี้ บัวบุษราก้าวถอยหลังอย่างหวั่นหวาดและต้องสะดุ้งสุดตัวเป็นครั้งที่สอง หากแต่ไม่มีเสียงหวีดร้องออกมาเมื่อเสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ น่าฟังเอ่ยขึ้น
“ชู่ว์ ไม่ต้องกลัวฉันไม่คิดจะทำอะไรเธอ” ร่างบางแข็งทื่อ เมื่อมือหนาที่เธอรู้สึกว่าร้อนจัดนั้นกุมเอวเล็กคอดของเธอราวจะปกป้อง และชายที่ดูท่าทางเมาสุรานั้นก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นบุคคลที่สาม ก่อนจะเดินเซนิดๆ จากไป แต่มิวายจะหันมามองยังเธอด้วยแววตาหื่นกระหายจนสาวน้อยขนลุกไปทั่วสรรพพางค์กาย
“ขอบคุณนะคะ” บัวบุษราถอนหายใจอย่างโล่งอกผละออกจากการเกาะกุมของมือหนาทันที และหันมามองผู้ที่มาช่วยเธอให้พ้นจากการคุกคามของคนเมา และเมื่อได้เห็นเขาเต็มตาสาวน้อยกลับตกตะลึงยืนจ้องเขาตาโต
ผู้ชายคนเมื่อตอนเย็นนี่นา... สาวน้อยอุทานในใจ แม้ว่าเมื่อตอนเย็นเขาจะสวมแว่นอันใหญ่ปิดจนครึ่งใบหน้า แต่เธอกลับจำเขาได้ดีติดตา เพราะรอยแผลเป็นที่หน้าอกด้านซ้ายที่พาดยาวประมาณสองนิ้ว เหมือนถูกของมีคมบาดลึก และกลิ่นเฉพาะตัวที่เธอรับรู้ได้ว่าเขาแตกต่าง ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้เช่นกันว่ารับรู้สิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้กับเมื่อตอนเย็นที่ชายหาดคือคนคนเดียวกันแน่นอน
