ตำหนักที่ 9รัชทายาท
นับวันอาการป่วยของฮ่องเต้แย่ลงเรื่อยๆ สองเดือนก่อนเมืองหลวงมีข่าวสะเทือนแผ่นดินเรื่องหนึ่ง ติ้งกว๋อกงบิดาฮองเฮาถูกฟ้องร้องกล่าวโทษสามสิบหกข้อหา
รายการความผิดของเขาถูกเหล่านักศึกษาเขียนเป็นเรียงความแจกจ่ายออกไปทั่วแผ่นดิน เหตุการณ์นี้ทำให้เขาแทบถูกปลดออกจากบรรดาศักดิ์กว๋อกง
โชคดีที่ฮองเฮาคุกเข่าร่ำไห้ร้องขอให้ลงโทษสถานเบา ติ้งกว๋อกงจึงยังคงรักษาบรรดาศักดิ์ไว้ได้
***
ตำหนักฮองเฮา
ฮ่องเต้ยามนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ เรียวแรงแม้แต่จะขึ้นขี่ฮองเฮาที่ตนเองรักแทบจะไม่มีแล้ว
“พับ พับ พับ”
หลี่ฮองเฮาร่อนสะโพกอยู่บนตัวสามี แม้ฮ่องเต้จะบอกว่าคืนนี้นางไม่ต้องปรนนิบัตินางก็ไม่ยินยอม ใช่แล้ว ยาพิษที่สะสมนานปีกำลังออกฤทธิ์
“ฝ่าบาทท่านไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งบุตรชายเราเป็นรัชทายาทก็ได้”
นางร่อนสะโพกตามความยาวแท่งเนื้อ ฮ่องเต้ร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่าน หลี่เหมยอวิ๋นยิ้มเย็นในใจ ดูจากสภาพเขาแล้ว พวกนางสามคนช่วยกันรีดเร้นเขาอีกไม่นาน สภาพของเขาคงไม่ต่างจากซากศพซากหนึ่ง
“ให้บุตรชายของเราสองคนเป็นดีแล้ว เราตัดสินใจแล้วอีกสองวันจะเขียนราชโองการออกมา”
ยามนี้ร่างกายเขาเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน เขามีบุตรชายทั้งหมดแปดคน คนโตอายุเกือบสี่สิบ คนเล็กสุดคือบุตรของเขากับนางอายุเพียงเจ็ดปี
เขาไม่ไว้ใจหากจะให้ผู้อื่นเป็นรัชทายาท บุตรชายโตๆ พวกนั้นแต่มีแต่จะหาทางคิดให้เขาตาย
“ฝ่าบาทเรารักท่านนัก”
เหมยอวิ๋นยิ้มเย็นในใจ เป็นอย่างที่ชู้รักนางบอกจริงๆ หากนางโค่นล้มบิดาตนเองลงได้ ไม่นานฮ่องเต้ต้องแต่งตั้งบุตรชายของนางเป็นรัชทายาท
“คิก คิก เจ้าโง่ โดนหลอกไปขายยังไม่รู้ตัว”
นางโยกเอวอยู่บนแกนกายเขาอย่างมีความสุข อีกไม่นานนางก็ไม่ต้องปรนนิบัติเขาแล้ว
***
บนบัลลังก์มังกร
ฮ่องเต้นั่งว่าราชการอยู่บนบัลลังก์โดยมีรัชทายาทตัวน้อยนั่งอยู่ข้างๆ เหตุการณ์แต่งตั้งเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย แทบทุกฝ่ายต่างพอใจในตัวรัชทายาทน้อยผู้นี้
ขุนนางส่วนใหญ่ต่างคิดว่าเด็กน้อยผู้นี้ภายภาคหน้าหากฮ่องเต้เป็นไรไป ย่อมควบคุมได้ง่ายกว่าโอรสองค์โตๆ ทั้งหลาย ติ้งกว๋อกงก็พอใจ บิดาฉีกุ้ยเฟยก็พอใจ
มีเพียงองค์ชายต่างๆ เท่านั้นที่เศร้าเสียใจกับการแต่งตั้งครั้งนี้ เพียงแต่พวกเขาไม่พอใจแล้วยังทำอันใดได้
“ฝ่าบาทเสด็จกลับตำหนักเลยหรือไม่”
หวังกงกงเข้ามาประคองฮ่องเต้ ใช่แล้ว หวังกงกงผู้นี้ก็คือหวังเฟิงเอง นับตั้งแต่ฮ่องเต้แต่งตั้งรัชทายาท ฮองเฮาก็บอกว่านางไม่วางใจให้ขันทีคนเก่าของฝาบาทปรนนิบัติรับใช้ นางยืนยันจะยกขันทีต้นห้องของตนเองให้ตามไปปรนนิบัติฮ่องเต้และรัชทายาท
***
ห้องทรงอักษร
ฮ่องเต้อ่านฎีกาพร้อมกับคอยสอนสิ่งต่างๆ ให้รัชทายาทน้อย หวังเฟิงและขันทีอีกหลายคนยืนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ
ขันทีพวกนี้ล้วนเป็นคนที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนต่างเคารพเขาราวกับบิดา เด็กน้อยถูกตอนในวันวานเหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือจากเขาแทบทั้งสิ้น
ทุกวันนี้นางกำนัลขันทีแทบทั้งหมดที่ทำงานในวังหลังเป็นคนที่เขาคัดสรรทั้งสิ้น คนเหล่านี้จะมากจะน้อยล้วนได้รับผลประโยชน์จากเขา
หวังเฟิงยิ้มเย็นในใจ ขันทีนางกำนัลเก่าๆ เขาทยอยกำจัดออกไปจนแทบหมดสิ้น
หลายเดือนผ่านไป
อาการฮ่องเต้ย่ำแย่ลงกว่าเก่า ตอนนี้ถึงขั้นลงจากเตียงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ทุกวันฮองเฮาจะออกว่าราชการหลังม่านแทนฮ่องเต้ จากนั้นจะนำเรื่องราวและฎีกาต่างๆ มาเล่าให้ฮ่องเต้ฟังและลงนาม
วันนี้ก็เช่นกัน นางนั่งอยู่หลังม่านไม้ไผ่โดยมีรัชทายาทน้อยนั่งอยู่บนบัลลังก์
“เราไม่มีความเห็น เอาตามที่พวกท่านว่าแล้วกัน”
นี่เป็นคำพูดที่นางใช้บ่อยที่สุด ไม่ว่าขุนนางต่างๆ จะเสนออะไรมานางล้วนกล่าวเช่นนี้ จากนั้นค่อยนำไปให้ฮ่องเต้ตัดสินใจ
ขุนนางน้อยใหญ่ต่างชื่นชอบที่มีฮองเฮาและรัชทายาทเช่นนี้ พวกเขาดีดลูกคิดรางแก้ว หากฮ่องเต้ไม่สามารถออกว่าราชการเองได้ตลอดไปจะดีที่สุด
หากแต่เรื่องราวไม่ง่ายดายปานนั้น หลังจากการประชุมจบลงในทุกๆ วัน ฎีกาจำนวนมากถูกส่งไปที่ตำหนักฮองเฮา หวังเฟิงนั่งตรวจดูฎีกาอันไหนยอมได้เขาจะยอมอนุมัติ อันไหนยอมไม่ได้เขายังคงอนุมัติ
เขาค่อยๆ สะสมความผิดให้ขุนนางน้อยใหญ่ทีละนิดทีละนิด บุคคลใดใช้สอยได้เขาเก็บไว้ บุคคลใดแข็งข้อเขากำจัดทิ้ง ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนขุนนางในราชสำนักบ้างถูกปลดบ้างถูกเลื่อนขั้น
มีเพียงส่วนน้อยทีดูทิศทางลมไม่ออก
แม่ทัพฉีเพียงเพราะสนิทสนมกับมหาขันทีหวัง จากไร้บรรดาศักดิ์ กระโดดรวดเดียวก็ถูกแต่งตั้งเป็นโหว
นี่เท่ากับบอกขุนนางทั้งหลายกรายๆ ว่าขันทีข้างพระวรกายฮ่องเต้ผู้นี้มีอำนาจเพียงไหน
***
สองปีต่อมามุมหนึ่งภายในตำหนักฮองเฮา
นี่เป็นห้องหนังสือ หลี่ฮองเฮานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ โดยมีขันทีผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างๆ
“รัชทายาทเรียนเป็นยังไงบ้าง”
“ทูลฮองเฮา รัชทายาทน้อยฉลาดเฉลียว ยามนี้จดจำอักษรได้หลายร้อยตัวแล้ว”
หวังกงกงกล่าวตอบนางด้วยความนอบน้อม ยามนี้รัชทายาทน้อยอายุเก้าปี ดังนั้นจึงถูกส่งให้เข้าเรียนกับบรรดาองค์ชายองค์หญิงของพระสนมต่างๆ
“หวังเฟิงเจ้าออกไปไล่นางกำนัลข้างนอกออกไปให้หมด” หวังกงกงรับคำเดินออกจากห้องไล่นางกำนัลที่คอยรับใช้อยู่ด้านนอกออกไปจนหมด
***
บนโต๊ะหนังสือ
หลี่ฮองเฮานานหงาย สองขาแกว่งไกวกลางอากาศ ชุดชาววังของนางไม่ถูกถอดออก กาบหอยสีชมพูของนางอ้าออกห่อหุ้มแท่งเนื้อขนาดใหญ่ที่ขันทีไม่ควรมี
“พับ พับ พับ เสียวมั้ย” หวังเฟิงใช้นิ้วมือข้างหนึ่งค่อยๆ ขยี้ติ่งเนื้อของนางเบาๆ
“ข้าเสียวเจ้าอย่าขยี้แบบนั้นสิ” นางไม่อยากให้เขาขยี้ติ่งเนื้อนางมากเกินไป นางยังไม่อยากเสร็จเร็วเกินไป นางอยากโดนเขากระแทกให้มากกว่านี้
“ฮองเฮาท่านลงมายืนข้างล่างเถอะ เราจะได้กระแทกได้ถนัดกว่านี้” หลี่ฮองเฮาค่อยๆ ยืนลงบนพื้น นางหันหลังโก้งโค้งให้อย่างรู้งาน
ทุกวันหลังจากนางเสร็จจากว่าราชการหลังม่าน นางจะต้องพาหวังกงกงเข้ามาเสพสมในห้องหนังสือทุกครั้ง นางทำเช่นนี้มากว่าสองปีแล้ว
ในชีวิตนางไม่เคยรู้สึกเป็นอิสระและมีอำนาจเช่นนี้มาก่อน ชู้รักของนางผู้นี้เป็นคนมองทุกอย่างให้นาง
“ฮองเฮาท่านยกเสียนเฟยให้เราเถอะ เรายังไม่เคยลิ้มลองนางเลยซักครั้ง”
“ไม่ได้!”
เหมยอวิ๋นอารมณ์เสียทันทีเมื่อเขาพูดถึงสตรีพวกนั้น นางยินยอมให้เขาเล่นกับนางกำนัลทุกคนในวังหลวงยังดีเสียกว่าให้เขาไปยุ้งกับสตรีของไอ้แก้ที่นอนเป็นผักผู้นั้น “บอกเจ้าไว้เลยห้ามเจ้าเตะต้องพวกนาง”
หลายปีนี้นางทยอยหาข้ออ้างส่งสนมพวกนั้นเข้าตำหนักเย็นจนแทบหมดสิ้น นางไม่อยากเห็นหน้านางพวกนั้นอีก
“พับ พับ พับ”
“เช่นนั้นท่านหาสตรีใหม่ๆ เข้าวังมาบ้างสิ นางกำนัลพวกนี้ข้าเล่นจนเบื่อแล้ว”
หวังเฟิงรั้งสะโพกนางให้ชันขึ้น แท่งเนื้อก็เร่งแทงเข้าใส่รูร่องนาง
“ซีดด..เป็นไรเอาเราไม่สนุกแล้วใช่หรือไม่ เจ้าเบื่อเราแล้วใช่หรือไม่”
นางเด้งสะโพกกลับหลังพร้อมเอ่ยปากกล่าวโทษชายคนรัก จริงๆ นางทราบว่าเขารักนางเพียงไหน เพียงแต่นางยังคงน้อยใจที่นางไม่สามารถตอบสองความต้องการเขาได้ทั้งหมด
หวังเฟิงจับหน้านางหันกลับมาจูบปาก เขาค่อยๆ ไล่เลียริมฝีปากนางเบาๆ บางคราใช้ลิ่นดุนดันกลีบปากนางให้อ้าออก ลิ้นทั้งสองตวัดรัดพันกันอยู่ในโพรงปาก
“แฮก แฮก ลูกก็มีด้วยกันแล้ว ท่านยังคิดว่าเราจะไม่รักท่านเบื่อหน่ายท่านอีกหรือ”
“หึ บุรุษล้วนไม่มีตัวดี มักมากเหมือนกันหมด”
แม้นางจะด่าทอเขาด้วยปาก แต่บั้นท้ายด้านล่างก็ยังคงเด้งช่วยเขาอยู่ดี
“…”
***
สองปีต่อมา
ทั่วทั้งแผนดินล้วนทราบว่าอำนาจในราชสำหนักทั้งหมดตกอยู่ในกำมือฮองเฮา
รัชทายาทในวัยสิบเอ็ดปีถูกใช้เป็นหุ่นเชิด ยามนี้ฮองเฮาถูกขนานนามว่าฮองเฮาปีศาจ นางมีนิสัยโหดร้ายแม้แต่บิดาแท้ๆ ตนเองนางยังเนรเทศไปอยู่ชายแดน
ยังมีเรื่องอื้อฉาวของนางอีกมากมาย ว่ากันว่านับตั้งแต่ฮ่องเต้ประชวร นางก็ซุกซ่อนบุรุษไว้ในตำหนัก
“…”
***
