ตำหนักที่ 10หวังเฟิงที่รัก
ตลอดสองปีที่ผ่านมา ฮองเฮาปีศาจประหารชีวิตขุนนางไปมากกว่าห้าสิบคน ยามนี้ขุนนางในราชสำนักทราบแล้วว่าหญิงใจมารผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะควบคุมได้ง่ายๆ
นางแต่งตั้งคนที่ถูกใจขึ้นมากุมตำแหน่งสำคัญต่างๆ มากมาย พวกขุนนางหน้าใหม่บางคนเพียงแค่ยอมประจบสอพลอนาง นางก็แต่งตั้งคนผู้นั้นไปนั่งในตำแหน่งสำคัญง่ายๆ
ยังมีขันทีชั่วอีกหนึ่งคน เขาเป็นสุนัขรับใช้ของฮองเฮา นางถึงขั้นแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้บัญชาการสามค่ายหนึ่งกรม เหล่าองครักษ์วังหลวงและหน่วยสืบสวนลับที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ล้วนตกอยู่ในการควบคุมของขันทีชั่วนั่น
ว่ากันว่าคนผู้นี้เหิมเกริมถึงขั้นตัดคอขุนนางขั้นสองกลางวังหลวง เพียงเพราะขุนนางผู้นั้นด่าทอเขาว่าเป็นสุนัขรับใช้
***
ห้องบรรทมฮ่องเต้
ยามนี้ฮ่องเต้กลายเป็นคนอัมพาต เขาไม่สามารถขยับปากขยับกาย แต่ละวันต้องให้ขันทีนางกำนัลป้อนข้าวป้อนน้ำ
“กุ้ยเฟยท่านให้กระหม่อมทำเองเถอะ”
ลี่กุ้ยเฟยแย่งชามเข้าต้มจามือขันทีผู้หนึ่ง ปีนี้นางอายุสี่สิบสอง ร่างกายที่เคยผอมเพรียวกลับกลายเป็นอวบอัดเต่งตึง นางใส่เสื้อผ้าเบาบางจนแทบมองทะลุถึงภายใน
“ท่านพี่ ท่านดู ท่านเป็นเช่นนี้เรายังไม่ทอดทิ้งท่าน” ลี่เฉินประคองฮ่องเต้ให้พิงหน้าอกอวบอิ่ม นางค่อยๆ บรรจงป้อนข้าวต้มใส่ปากฮ่องเต้
“พรึบ! คำนับหวังกงกง”
ขันทีและนางกำนัลนับสิบคนภายในห้องรีบหมอบกราบลงกับพื้นเมื่อพบว่าหวังกงกงเดินเข้ามาในห้อง
“ท่านไฉนมาช้าเช่นนี้”
ลี่กุ้ยเฟยวางชามข้าวต้มลงบนเตียง นางจัดให้ฮ่องเต้นั่งพิงเสาเตียงไว้ ตัวเองคลานเข้าไปถอดเสื้อผ้าด้านในจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิดซักชิ้น
“เร็วๆ ท่านยังไม่รีบขึ้นมาอีก”
หวังเฟิงได้แต่ทำตามนางสั่ง เขาถอดชุดขันทีออกจนหมด เดินโทงๆ เข้าไปหาลี่กุ้ยเฟยบนเตียง
“พับ พับ พับ”
ไม่ต้องเล้าโลมมากความ หวังเฟิงก็คว้าบั้นท้ายนางเข้ามาโยกทันที
“อ่า อ่า อ่า”
“ท่านพี่ ท่านดู ถึงแม้เรามีชายอื่นแล้วเราก็ไม่ทอดทิ้งท่านใช่หรือไม่ เราดีกับท่านใช่หรือไม่”
นางคลานสี่ขาหันหน้าเข้าหาฮ่องเต้ บั้นท้ายนางอวบอัดกว่าเก่าหวังเฟิงยามกระแทกหนันเนื้อนางเด้งราวกับลูกชิ้นเนื้อที่พ่อครัววังหลวงปรุงออกมา
“ตับ ตับ ตับ”
นางยิ่งแก่ยิ่งเย้ายวน เขาอดใจไม่ไหวต้องคว้าบั้นท้ายนางแน่น เด้งแท่งเนื้อเข้าใส่นางรุนแรงกว่าเดิม
“อืมม อืมม อืมม”
ลี่กุ้ยเฟยหัวสั่นหัวคลอน นางถูกกระแทกแรงเสียจนค่อยๆ กระเด็นไปหาฮ่องเต้ เสียงครางกระเส่าของนางดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งนางฝังใบหน้าลงบนตักผู้เป็นสามีที่แท้จริง
“ท่านพี่ ท่านดู เราเป็นเช่นนี้เรายังไม่ทิ้งท่านเหมือนที่ท่านทิ้งเราเลย”
ลี่เฉินซุกหน้าลงไปบนตักสามี นางโก้งโค้งยกบั้นท้ายจนสูงให้ชู้รักกระแทกแท่งเนื้อเข้าๆ ออกๆ ตามใจ
หวังเฟิงเห็นเช่นนี้อดสงสารนางไม่ได้ สตรีผู้นี้เสียสติมากขึ้นเรื่อยๆ นางราวกับหญิงบ้าผู้หนึ่ง หากแต่นางคือหญิงบ้าผู้สูงศักดิ์
นับตั้งแต่ฮ่องเต้นอนเป็นผักพูดไม่ได้ ทุกวันนางจะคอยอยู่ดูแลฮ่องเต้ไม่ห่าง เพียงแต่เรื่องราวไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ทุกวันนางต้องเรียกเขาเข้ามาในห้องเพื่อให้ควบขับนางต่อหน้าสามี
“ตับ ตับ ตับ”
ขันทีและนางกำนัลในห้องไม่กล้าเงยหน้าขึ้นแม้แต่น้อย
เรื่องเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก พวกเขาพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้จนชิน บางครั้งลี่กุ้ยเฟยยังพาองค์หญิงชิวหนิงมาให้หวังกงกงเสพสมพร้อมกันสองแม่ลูก
“ตับ ตับ ตับ”
“กุ้ยเฟยเราจะเสร็จแล้ว ท่านจะกินหรือไม่”
หญิงตรงหน้าไม่ตอบกลับ นางเพียงยกสะโพกให้สูงชันกว่าเดิม
***
สิบปีต่อมา
ฮ่องเต้ในวัยยี่สิบสองว่าราชการด้วยตนเองครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน ไทเฮาคืนอำนาจทั้งหมดให้เขาบริหารจัดการเรื่องราวต่างๆ ด้วยตนเอง
“ฝ่าบาท ท่านสมควรแต่งตั้งฮองเฮาได้แล้ว”
ผู้กล่าวคือขันทีที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หนึ่ง ฮ่องเต้มองเขาด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ เพียงแต่ขันที่ผู้นั้นไม่ยินยอมสบสายตาอ้อนวอนเขา
“เรื่องนี้เราช่วยท่านไม่ได้ นี่เป็นคำสั่งพระพันปี”
ฮ่องเต้สิ้นหวังทันที แม้แต่บิดาเขายังช่วยไม่ได้แล้วเขายังหวังพึ่งพาใครได้อีก
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า หลายเดือนก่อนเขาหลบหนีออกจากวังไปท่องเที่ยว ด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันเขาพบจอมยุทธ์หญิงผู้หนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
วันนั้นนางถูกทำร้ายบาดเจ็บ เขาจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือนาง คิดไม่ถึงนางกลับตอบแทนความหวังดีด้วยการเสพสมกันคืนหนึ่ง
นั่นเป็นครั้งแรกของนาง แต่หลังจากนางหลับได้ตื่นหนึ่ง พอนางลุกขึ้นมาจากเตียงนางกลับบอกเขาว่า เมื่อวานนางถูกพิษปลุกกำหนัด เรื่องในวันนี้ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ซ้ำนางยังโยนเงินสิบตำลึงให้เขาบอกว่าถือเป็นค่าตัวที่นางใช้บริการเขาคืนหนึ่ง
ตอนนั้นเขาโกรธสุดขีด เขาเป็นถึงฮ่องเต้ไหนเลยเคยถูกหยามหยันถึงเพียงนี้
“สตรีแพศยาเชื่อหรือไม่เราเป็นฮ่องเต้ เราจะสั่งตัดหัวเจ้า”
“เฮ่อ หากเจ้าเป็นฮ่องเต้ข้าก็เป็นฮองเฮาแล้ว ไม่ต้องบอกให้เจ้าเชื่อข้าก็จะทุบตีเจ้าเดี๋ยวนี้”
เรื่องราวต่อจากนั้นก็เป็นไปตามฝีไม้ลายมือของคนทั้งสอง
หลายวันต่อมาฮ่องเต้กลับเข้าวังด้วยสภาพสะบักสะบอม
“…”
ฮ่องเต้น้อยคิดแค้นนางอยู่หลายวัน เขาฝีมือสู้นางไม่ได้จึงถูกนางทุบตีกลับมา ด้วยความคิดแก้แค้นฮ่องเต้น้อยจึงสั่งให้สายลับต่างๆ ออกสืบร่องรอยนาง
สืบอยู่หลายเดือนจากความโกรธแค้นกลับกลายเป็นความคิดถึง ฮ่องเต้รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีข่าวคราวนางส่งมา
จนเมื่อหนึ่งเดือนก่อนถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วนางคือผู้ใด เพียงแต่เรื่องราวยังซับซ้อนยิ่งกว่าเก่าเมื่อมารดาเขาต้องการให้เขาแต่งตั้งสตรีนางหนึ่งเป็นฮองเฮา
***
“พวกเจ้าออกไปให้หมด หวังกงกงอยู่ก่อน”
ขันทีและนางกำนัลภายในห้องทยอยเดินออกจากตำหนัก ฮ่องเต้หันซ้ายหันขวาจนแน่ใจว่าไม่มีผู้คนอยู่บริเวณนี้
“พรึบ! ท่านพ่อ ท่านต้องช่วยข้า”
ฮ่องเต้คุกเข่าลงกับพื้นกอดขาบิดา ร่ำร้องอ้อนวอนขอให้ช่วยคุยกับท่านแม่ เขาชอบสตรีนางนั้นจริงๆ หากไม่ใช่นางเขาก็ไม่อยากแต่งตั้งใครเป็นฮองเฮาอีก
“…”
***
ตำหนักไทเฮา
“ตับ ตับ ตับ”
“เจ้าก็ตามใจลูกซักครั้งจะเป็นไรไป”
หลี่ไทเฮาคลานสี่ขาอยู่บนเตียง นอกห้องนอนมีนางกำนัลกับขันทียืนก้มหน้านิ่งนับสิบคน แต่นางไม่สนใจคนพวกนั้นแม้แต่น้อย
“ตับ ตับ ตับ”
“เจ้าจะตามใจลูกเช่นนั้นไม่ได้ สตรีที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าไหนเลยนำเข้าวังได้”
ทุกวันนี้นางไม่ต้องระวังตัวแล้วว่าจะมีผู้ใดรู้เรื่องชู้รักของตนเอง หลายปีมานี้นางลงโทษผู้คนไปไม่น้อย หากใครกล้าลองดีนำเรื่องของนางไปนินทา
นางก็ตัดศีรษะคนผู้นั้นทิ้งซะ เพียงเท่านี้ก็สิ้นเรื่องสิ้นราวแล้ว
“อืมม อืมม อืมม”
“เอาท่าลิงอุ้มท้อมั้ย ไม่ได้เล่นท่านี้นานแล้ว”
หวังเฟิงชวนนางเล่นท่าแปลกๆ บ้างเผื่อนางจะใจอ่อนยอมให้ลูกได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
หลี่ไทเฮาคลานออกจากแท่งเนื้อชู้รัก นางลงไปยืนรอที่พื้น รูร่องของนางยามนี้แม้คับแน่นเท่านางกำนัลสาวๆ เหล่านั้นไม่ได้
แต่ด้วยศักดิ์ฐานะสูงส่งของนางสุดที่ผู้อื่นจะเทียบยังคงทำให้หวังเฟิงตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ควบขับนาง
“พับ พับ พับ”
หลี่ไทเฮาใช้แขนคล้องคอชู้รักเอาไว้ สองขาก็รัดเอวเขาแน่น
หวังเฟิงเดินอุ้มนางโยกไปรอบๆ ห้องนอน ริมฝีปากประกบปากนางเอาไว้
“พับ พับ พับ”
“ข้าทำเจ้าเสียวขนาดนี้ยังไม่ใจอ่อนอีกหรือ”
“ใจอ่อนหรือไม่เอาข้าให้เสร็จก่อนข้าถึงจะยอมบอกท่าน”
หวังเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็จัดการเดินโยกนางออกไปนอกห้องทันที
“…”
จบ
