ตำหนักที่ 8ประชวร(2)
ความคิดนี้แม้เข้าท่า แต่เขาจะใช้เหตุผลอะไรไปลดตำแหน่งกว๋อกงของราชสำนักผู้หนึ่ง ยิ่งอย่าว่าแต่ที่เขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ทุกวันนี้ล้วนพึ่งพากำลังทหารผู้อื่น
“ฝ่าบาทท่านไม่ต้องเป็นห่วง เรารู้จักคนที่สามารถกระทำเรื่องนี้ได้ เขาเป็นขุนนางตงฉินแม้ตำแหน่งไม่สูงนัก แต่หากท่านมีคำสั่งถึงเขาโดยตรงเขาย่อมไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
หลี่ฮองเฮาเสนอชื่อบิดาโจวเฉิงออกไป เขาเป็นขุนนางอวีซื่อฟ้องร้องกล่าวโทษขุนนางขั้นห้า ยามประชุมฮ่องเต้พบเห็นเขาอยู่บ้างจึงพอจะจำได้ เพียงแต่คนผู้นี้ยืนอยู่ปลายแถว เขาไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าผู้นี้มากเท่าใด
“ฮองเฮาเพียงฟ้องร้องบิดาเจ้าไหนเลยไม่เคยมีคนกระทำ ขุนนางใหญ่กว่านี้ก็เคยฟ้องร้องเขามาแล้ว เจ้าพวกนั้นยังทำอะไรเขาไม่ได้”
แม้ความคิดนางจะดี แต่นางอ่อนต่อโลกเกินไป เพียงแค่ฟ้องร้องกล่าวโทษทั่วไป กว๋อกงผู้หนึ่งที่ระวังตัวเป็นอย่างดีไหนเลยทำความผิดโทษหนักให้ผู้คนจับได้
“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วง นี่เพียงส่วนหนึ่งของแผนการ”
“ท่านจำไม่ได้หรือ บิดาลี่กุ้ยเฟยเป็นใคร เขาแม้เป็นเพียงครูสอนหนังสือเล็กๆ แต่หากให้เขาเขียนข้อความวิจารแจกแจงความผิดบิดาเราออกไปทั่วแผ่นดิน ประชาชนหมู่มากรับรู้เรื่องราว ท่านไม่ใช่มีข้ออ้างปลดเขาแล้วหรือ”
ฮ่องเต้ตบหน้าผากตนเองดังฉาด เขาไฉนลืมนึกถึงเรื่องเช่นนี้ หากให้ประชาชนร่วมถ่มน้ำลายรดเขา จากนั้นเขาเพียงใช้ข้ออ้างเพื่อความพึงพอใจของประชาชน จึงต้องลงโทษเขาเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ถึงเวลาเขาจะแสร้งลงโทษหนัก แต่พอถึงเวลาลงโทษจริงๆ เพียงลดทหารเขาก็พอ กระทำเช่นนี้แม้เจ้าตัวจะไม่พอใจ ก็ยังต้องขอบคุณน้ำใจที่เขาลงโทษสถานเบา
ฮ่องเต้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาดึงฮองเฮาที่รักเข้ามากอด ทั้งสองคลอเคลียกันไม่นานก็ลุกขึ้นมาโยกกันอีกหลายรอบ
***
ห้องทรงพระอักษร
ใต้เท้าโจวหมอบกราบอยู่ที่พื้น ครึ่งชั่วยามก่อนจู่ๆ ขันทีผู้หนึ่งตามตัวเขามายังห้องทรงอักษรแห่งนี้
“ฝ่าบาทต่อให้ต้องตาย กระหม่อมก็จะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง”
“ดีมาก เจ้าไปเถอะหากเรื่องนี้สำเร็จเราจะสนันสนุนเจ้าเป็นพิเศษ”
ใต้เท้าโจวกลับออกมาจากห้องทรงอักษรด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน ความแค้นหลายปีที่สะสมมา ในที่สุดก็ถึงวันที่เขาจะได้เอาคืนแล้ว
หลังออกจากวังหลวงใต้เท้าโจวกลับไม่ได้ตรงไปยังบ้านตนเอง เขาให้คนขับรถม้ามุงตรงไปยังคฤหาสน์หลังหนึ่ง
ห้องหนังสือภายในคฤหาสน์ ลี่หวงบิดาลี่กุ้ยเฟยเปิดอ่านราชโองการลับที่ใต้เท้าโจวถือมา มือไม้เขาสั่นระริก นี่จะเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งเสริมให้ชื่อเสียงเขาดังไปทั่วแผ่นดินยิ่งขึ้น
“ใต้เท้าโจวเรื่องนี้ท่านวางใจ ข้าจะทำงานที่ฮ่องเต้มอบหมายสุดกำลัง”
***
ตำหนักฮองเฮา
หลังจากคารวะเช้าหลี่ฮองเฮาก็ไล่สนมคนอื่นๆ กลับตำหนักไป นางเพียงรั้งกุ้ยเฟยทั้งสองให้อยู่เป็นเพื่อน
“พวกเจ้าออกไปนอกตำหนักเถอะ ไม่ต้องอยู่รับใช้แล้ว เราจะดื่มสุรากับกุ้ยเฟยทั้งสอง”
นางกำนัลและขันทีทยอยเดินออกจากห้องจนหมด เหลือเพียงแต่หวังกงกงคอยอยู่รับใช้
***
ภายในห้องนอน
ฮองเฮาและกุ้ยเฟยทั้งสองยืนโก้งโค้งเรียงหน้ากระดานอยู่ขอบเตียง พวกนางต่างใช้มือค้ำยันร่างกายเอาไว้
ชุดชาวหวังหรูหราไม่ถูกถอดออกเพราะกลัวใส่กลับเข้าไปไม่ทัน กระโปรงทั้งหมดถูกหวังเฟิงตลบไปไว้บนแผ่นหลัง พวกนางอายุไม่น้อยแล้วยามนี้กาบหอยไม่งดงามเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังคงไม่น่าเกลียด
ลี่เฉินสีคล้ำกว่าเพื่อนหลี่ฮองเฮาพู่เนื้อปลิ้นออกมาฉีกุ้ยเฟยเองก็เริ่มหลวมกลวง
“ต้องการให้เราไปเรียกบุตรสาวมาเพิ่มหรือไม่”
ลี่กุ้ยเฟยเห็นเขาตลกกระโปรงพวกนางเป็นเวลานานแล้วก็ยังไม่รุกล้ำเข้ามา นางเกรงว่าเขาจะไม่พอใจในรูร่องของพวกนางเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นจึงเสนอให้ตามตัวบุตรีมาให้เขาเล่นด้วยอีกคน
“แปะ แปะ แปะ”
หวังเฟิงตอบด้วยการกระทำแทนคำพูด เขาฟาดหัวทุยใส่กาบหอยลี่กุ้ยเฟยไม่กี่ครั้งก็สอดใส่เข้าไปจนสุด
“อืมม อืมม อืมม”
ลี่กุ้ยเฟยครางมีความสุขราวกับได้ของวิเศษ ฮองเฮาและฉีกุ้ยเฟยมองนางด้วยความอิจฉาที่ได้ขึ้นสวรรค์ไปก่อน
“พับ พับ พับ”
“หวังเฟิงเจ้าเอาข้าบ้างสิ”
ฉีกุ้ยเฟยรออยู่เป็นเวลานานก็ยังไม่ได้ซักที นางทนต่อไปไม่ไหวจึงอ้อนวอนออกมา
***
