ตำหนักที่ 6ฮ่องเต้(3)
หลังตำหนักลี่กุ้ยเฟย
ลี่เฉินยามนี้ก็ไม่ต่างจากฮองเฮา เพียงแต่นางอารมณ์รุนแรงยิ่งกว่า นับตั้งแต่นางรับตำแหน่งกุ้ยเฟย หากวันไหนฮ่องเต้ค้างคืนที่ตำหนักนาง คืนต่อมานางต้องให้ชายชู้คนรักควบขับนางรุนแรงราวกับสุนัขตัวหนึ่ง
วันนี้ก็เช่นกัน เมื่อคืนฮ่องเต้ค้างที่ตำหนักนาง คืนนี้นางจึงพาตัวชายคนรักออกมาเล่นเสียวเบื้องนอก
“พระชายาให้นางมองอยู่เช่นนั้นจะดีหรือ”
ยามอยู่ด้วยกันสองคนหวังเฟิงยังติดคำเรียกขานนางเป็นพระชายา วันนี้นางอารมณ์รุนแรงถึงขั้นทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปไม่กล้ากระทำ
คืนนี้นางเรียกบุตรสาวมาค้างคืนด้วยกันในตำหนัก องค์หญิงชิวหนิงอายุสิบสามแล้ว อีกสองสามปีนางก็ถึงวัยสยุมพร
ชิวหนิงนอนได้ครึ่งคืนจู่ๆ นางรู้สึกถึงที่นอนยวบยาบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางนอนกับท่านแม่ หลายครั้งแล้วยามนางค้างที่นี้ ท่านแม่มักลุกออกไปข้างนอกยามค่ำคืน คราแรกนางคิดว่าท่านแม่คงไปปลดเบา
แต่หลายครั้งหลายครากว่าท่านแม่จะกลับเข้ามาในห้องก็เกือบสว่าง วันนี้ก็เช่นกัน นางนอนรอท่านแม่เกือบครึ่งชั่วยาม นางสงสัยเหลือเกินท่านแม่ออกไปทำอะไรข้างนอกทุกคืน
***
สวนด้านหลังตำหนัก
องค์หญิงชิวหนิงเดินหาท่านแม่ของนางนอกตำหนัก นางไม่อยากปลุกนางกำนัลให้ตื่นขึ้นมา นางคิดว่าท่านแม่คงมีความลับอะไรซักอย่างที่บอกผู้อื่นไม่ได้
“พับ พับ พบ”
นางเมื่อเดินมายังสวนด้านหลังพลันได้ยินเสียกระทบของวัตถุบางอย่าง นางค่อยๆ เดินตามเสียงนั่นไปเรื่อยๆ เดินตรงไปเรื่อยๆ
ริมสระน้ำที่ถูกขุดไว้ รอบๆ สระเป็นพื้นหญ้าที่ถูกตัดแต่งสวยงาม
“อ่า อ่า อ่า”
ชิวหนิงตกใจสุดขีด นี่เป็นเสียงท่านแม่นางไม่ผิดแน่ ไม่ทราบท่านแม่เป็นอะไรไฉนร้องครวญครางเจ็บปวดปานนั้น นางรีบสาวเท้าตามเสียงไปเรื่อยๆ
จิตใจนางตุ้มๆ ต่อมๆ นางกลัวท่านแม่ถูกคนทำร้าย “อ่า อ่า อ่า”
แต่ว่าเรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่นางคิด เมื่อนางเดินมาถึงต้นเสียงขาทั้งสองข้างนางอ่อนยวบลงกับพื้น
“ทะ ทะ ท่านแม่!”
ลี่เฉินเหลือบตาไปมองบุตรสาวเพียงครู่เดียวนางก็หันกลับมามองหน้าคนรักต่อ
“พับ พับ พับ”
ยามนี้นางนั่งทับแท่งเนื้อคนรัก ชุดนอนเบาบางยังไม่ถูกถอดออกจึงทำหน้าที่ปกปิดจุดที่เชื่อมต่อกันของคนทั้งสองไม่ให้เป็นที่อุจาด
“เจ้าออกมาทำไม”
นางถามบุตรสาวราวกับไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น สะโพกนางยังคงพลิ้วไหวอยู่บนแท่งเนื้อ
ชิวหนิงแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง ท่านแม่ผู้เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ในสายตานาง ไฉนยามนี้กำลังขับขี่อยู่บนร่างบุรุษผู้หนึ่ง เมื่อนางมองไปยังบุรุษผู้นั้น นางต้องตกใจเป็นครั้งที่สอง เป็นเขา เขาคือขันทีคนสนิทท่านแม่เอง
“พับ พับ พับ”
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
ชิวหนิงนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นหญ้า สองขานางไร้เรี่ยวแรง คราแรกนางคิดลุกขึ้นหมุนตัววิ่งหนีจากไป หากแต่ท่านแม่เรียกรั้งนางไว้
“เจ้าเห็นหรือไม่ข้าร่านเพียงไหน”
นางร้องถามบุตรสาวตนเองที่ยามนี้หลั่งน้ำตาออกมาจนเหือดแห้ง
***
