ตำหนักที่ 6ฮ่องเต้(1)
สองปีต่อมา
กระท่อมซอมซ่อหลังหนึ่ง หลังจากคนผู้หนึ่งออกจากห้อง หวังเฟิงค่อยเปิดดูสิ่งของที่อยู่ในห่อผ้า สามปีแล้วที่เขาตามหาครอบครัวตระกูลหวัง แต่ผู้คนราวกับสาบสูญไปจากโลก จะมีก็เพียงแต่จดหมายลายมือคนในครอบครัว ที่ถูกส่งมาทุกๆ ครึ่งปี เพื่อยืนยันว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่
แม่ทัพหลี่ใช้คนทั้งหมดข่มขู่ให้เขาทำงานต่างๆ หลายปีนี้เขาไม่สามารถขัดขืนได้แม้แต่น้อย
หวังเฟิงหลบออกจากบ้านหลังดังกล่าว เขาใช้วิชาตัวเบาเหินไปตามหลังคาบ้านเรือนต่างๆ ด้วยความพริ้วไหว นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่แม่ทัพหลี่เลือกตัวเขาเข้ามารับหน้าที่นี้ ตระกูลเขาเป็นญาติห่างๆ ของตระกูลหลี่ ซ้ำเขายังมีวิชาตัวเบายอดเยี่ยมที่สุดในกองทัพ
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของแผนการ จริงๆ เขาก็พอจะคาดเดาความคิดของคนผู้นี้ออก แต่ว่าท่านแม่ทัพกลับใช้วิธีอำมหิตเช่นนี้บีบบังคับเขา
หวังเฟิงเหินข้ามหลังคาไปเรื่อยๆ จนหยุดลงบนหลังคาคฤหาสน์หลังหนึ่ง
***
คฤหาสน์สกุลโจว
“คุณชายโจว นี่เป็นฉบับสุดท้ายของปีแล้ว เราออกมาไม่ง่าย ท่านระวังตัวให้มาก”
กล่าวจบหวังเฟิงก้าวออกจากห้องหนังสือเหินขึ้นหลังคาตามเดิม คุณชายโจวที่ยืนซึมเซาฉีกจดหมายออกอ่าน น้ำตาของเขาค่อยๆ ไหลออกมา
กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาหลี่ฮองเฮาส่งจดหมายหาเขามากกว่าสิบฉบับ เนื้อหาภายในกลับไม่พรรณนาถึงความรักแม้แต่น้อย นางเพียงถามไถ่ด้วยความห่วงใยว่าบิดานางบีบคั้นตระกูลเขาหรือไม่ นางถามถึงความเป็นอยู่และยังบอกให้เขารีบแต่งภรรยาได้แล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น ทุกครั้งที่นางส่งจดหมายมา นางมักจะแนบความลับของบิดาตนเองมาด้วย
บิดาโจวเฉิงเป็นขุนนางอวีซื่อผู้หนึ่ง ตำแหน่งเขาไม่สูงมาก แต่หน้าที่หลักๆ คือฟ้องร้องกล่าวโทษขุนนางกระทำผิด นางส่งข้อมูลการกระทำผิดของบิดาตนเองมาเช่นนี้ เพื่อให้เขาได้มีข้อต่อรองยามถูกผู้อื่นบีบคั้นรังแก
ทุกครั้งที่โจวเฉิงฉีกจดหมายนางอ่านออก เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้ทุกครั้ง นี่จะให้เขาลืมนางแล้วแต่งภรรยาได้อย่างไร นางแม้กระทั่งตกอยู่ในสถานะเช่นนี้ยังเป็นห่วงเป็นใยเขาถึงเพียงนี้
โจวเฉิงถือจดหมายแผ่นหนึ่งเดินหลั่งน้ำตาไปหาบิดาเขา
***
