บท
ตั้งค่า

#2

คนคุ้มกันและคนงานถูกสั่งให้มาคุกเข่ารวมกัน เถ้าแก่เฉาถูกลากตัวลงมาจากรถม้าอย่างไร้ปราณี

คนผู้นี้สวมชุดผ้าไหมสีเขียวเข้ม อายุราวสี่สิบ ไว้หนวดเคราร่วมสมัยตัดแต่งอย่างดี เครื่องหน้าได้รูป ผิวพรรณแลดูสะอาดสะอ้าน รูปร่างสูงโปร่ง ไม่ผอมบางไม่อ้วนหนา สมส่วนพอดีตัว ร่างของเขาถูกจับกดให้นอนคว่ำหน้าลงกับพื้น ราวกับเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์

“นี่มันอะไรกัน นายกองตู้ ข้าทำผิดอันใด?!” เฉาลู่เซียนพยายามผงกศีรษะขึ้นมาถาม แต่กลับถูกพื้นรองเท้าสานเหยียบเข้าที่ใบหน้า

เฮอะ! เจ้าของฝ่าเท้าแค่นเสียงออกมาเสียงหนึ่ง พลางลงแรงขยี้ปลายเท้า กล่าวเสียงเย้ยหยันว่า “ยังมีหน้ามาถามอีกหรือ กล้าค้าเกลือเถื่อน เถ้าแก่เฉาชีวิตเจ้าจบสิ้นแล้ว!”

นายกองร่างสูงใหญ่ผู้นี้ เป็นที่รู้จักดีในหมู่ชาวบ้านร้านตลาด คนผู้นี้แซ่ตู้ชื่อพยางค์เดียวว่าคัง เป็นมือปราบจากศาลต้าหลี่

เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที ที่สิ้นเสียงของนายกองตู้คัง ชาวบ้านผู้ซึ่งกำลังจะผ่านเข้าประตูเมือง และที่อยู่ภายในเมืองเริ่มให้ความสนอกสนใจทยอยกันเข้ามามุงดู

คนงานและคนคุ้มกันต่างพากันตะโกนเรียกร้องความเป็นธรรม

“ท่านนายกอง ในขบวนไม่มีเกลือ พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว โปรดค้นดูอีกทีเถิดขอรับ”

มือปราบคนหนึ่ง เดินไปกระทุ้งดาบใส่ท้องคนที่เสียงดังที่สุด คนอื่นๆ เห็นแล้วจำต้องพากันหุบปาก มีเพียงหญิงแซ่ซ่งที่ไม่ยอมเงียบเสียง

ในวันที่นางแบกร่างไร้สติของบุตรสาวออกมาจากหมู่บ้าน นางได้พบกับขบวนสินค้าของเถ้าแก่เฉาโดยบังเอิญ ด้วยความต้องการช่วยบุตรสาว หญิงแซ่ซ่งถึงกับแบกสังขารเข้าไปขวางขบวน เจรจาขายตัวแลกเงินมารักษาลูก

เฉาลู่เซียนเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา จึงซื้อนางเอาไว้ ทั้งยังให้คนตามหมอมารักษา สองแม่ลูกถึงได้มีชีวิตรอดมาจนทุกวันนี้ ไม่แปลกที่หญิงแซ่ซ่งจะมีใจภักดี

เสียง เพี๊ย! ดังขึ้นคราหนึ่ง ตามด้วยร่างผอมแห้งของหญิงแซ่ซ่งกลิ้งไปราวสองชุ่น

“จะตายอยู่แล้ว ยังจะพล่ามอยู่อีก!”

มือปราบที่ลงมือ ตวาดเสียงดุดัน สร้างความหวาดผวาให้กับกลุ่มคนงานสตรีอย่างยิ่งยวด พวกนางรีบโขกศีรษะกับพื้นด้วยความหวาดกลัว มีเพียงคนเดียวที่ยังนั่งนิ่งราวกับหุ่นปั้น

หย่าโถวน้อยวัยราวสิบเอ็ดสิบสองปีคนหนึ่ง กลับไม่เป็นที่เตะตาผู้คน กระทั่งริมฝีปากเล็กเริ่มขยับ

“ไม่ทราบว่า ใต้เท้ามีหลักฐานอันใด ถึงได้กล่าวหาว่าเถ้าแก่ของพวกเราขนเกลือเถื่อนหรือเจ้าคะ?”

เสียงนี้ดังมาจากกลุ่มของสตรี แม้ว่าน้ำเสียงจะฟังเยาว์วัยอยู่มาก ทว่ากลับก้องกังวานพอให้ผู้คนโดยรอบได้ยิน ทำให้ชาวบ้านที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์พากันเงียบเสียงลง

หมิ่นหรานประเมินสถานการณ์ดูแล้ว เรื่องนี้กลับพบพิรุธมากมาย ประการแรก มือปราบพวกนี้รู้ได้อย่างไรว่าเถ้าแก่เฉาขนเกลือมาพร้อมขบวน ประการที่สอง คือความมั่นอกมั่นใจของพวกมือปราบ ดูท่าว่าแผนนี้ คงมีการเตรียมการมาล่วงหน้า ในฐานะมารดาของแผ่นดิน นางไม่อาจปล่อยให้เรื่องอยุติธรรมเช่นนี้เกิดขึ้นได้

เกิดความเงียบขึ้นทั่วบริเวณ นายกองตู้เห็นท่าไม่ดี มือหนึ่งคว้าด้ามดาบข้างเอวพลางกวาดสายตาโกรธขึ้งมองไปรอบๆ ก่อนจะตวาดเสียงดัง “ผู้ใดเป็นคนพูด ยังไม่ไสหัวออกมาให้ข้าดูหน้าอีก!!”

มือปราบผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่ราวกับหมียักษ์ตัวเขื่อง ยามแผดเสียงออกมา ทั้งดุดันและก้องกังวาน มีหลายคนหวาดกลัวจนตัวสั่น หากแต่นั่นกลับไม่มีผลต่อเจ้าของวาจาเมื่อครู่

หย่าโถวน้อยสวมชุดมอซอนางหนึ่ง ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ก้าวเข้าไปประคองหญิงแซ่ซ่งให้ลุกนั่งอย่างใจเย็น ท่าทางไม่รีบไม่ร้อน ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือแลดูสงบนิ่ง ไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ใด ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับชายร่างสูงใหญ่

นัยน์ตาสีนิลลึกสุดหยั่งแฝงความเย็นชาอยู่หลายส่วน จับจ้องไปยังนายกองตู้ พลางถามขึ้นอีกครา “ว่าอย่างไร? ไหนเล่าหลักฐาน.. คนของทางการลงมืออุกอาจเช่นนี้ สมควรต้องมีคำตอบให้ราษฎรกระมัง”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านเริ่มดังขึ้นไม่ขาด แม้จะแผ่วลงกว่าคราแรก ทว่ายังพอให้จับใจความได้

พ่อค้าหาบเร่คนหนึ่งกล่าวกับสหายด้านข้างเสียงไม่ดังไม่เบานัก “แม่หนูผู้นั้นกล่าวได้ถูกต้อง ข้ายังไม่เห็นเกลือเลย พวกเจ้ามีใครเห็นเกลือบ้าง”

หลายคนแย่งกันตอบกลับมา “ข้าไม่เห็น”

“ข้าก็ไม่เห็น”

อีกคนถามขึ้นบ้าง “หรือว่านี่ จะเป็นการใส่ร้ายปรักปรำ”

มีหลายเสียงตะโกนตอบกลับมา “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ แต่ทางการทำเช่นนี้ ถูกต้องแล้วหรือ?”

ใบหน้าดุดันของนายกองตู้แดงก่ำ คล้ายกำลังสะกดกลั้นโทสะ รีบยกเท้าออกจากศีรษะของเถ้าแก่เฉา ก่อนจะหันไปตะโกนสั่งลูกน้อง “ลากเกวียนเล่มนั้นออกมา!”

เกวียนที่มีผ้าคลุมสัญลักษณ์ของสกุลเฉาถูกลากมาหน้าขบวน ผ้าคลุมถูกตลบออก ในนั้นมีกระสอบอยู่หลายใบ มือปราบสองคนยกกระสอบหนึ่ง ออกมาวางเบื้องหน้าผู้คน ก่อนจะนำกระสอบเปล่ามารอง เทของที่อยู่ภายในให้ทุกคนได้ดู

เกร็ดสีขาวอมน้ำตาลที่หล่นออกมานั้น กลับเป็นเกลือจริงตามที่พวกเขากล่าวหา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel