Chapter3
เรื่องน่าอาย... ของเธอ 3
“อย่างน้อยก็หั่นแตงกวาให้บางลงกว่านี้สักนิดก็ยังดี”
ศูรย์เอียงทัพพีผัดเปรี้ยวหวานซึ่งฝีมือเธอหั่นผัก
“เรื่องมากน่ากินๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็ลงท้องอยู่ดี”
เรื่องอาหารงานบ้านงานเรือนเป็นจุดอ่อนของเธอเลย
“ถ้าจะหั่นอย่างนี้ ผมว่าพี่หักแตงกวาครึ่งท่อนใส่เลยดีกว่า”
ปากร้ายแซวเจ็บกว่าที่คาด
“กินได้ก็กิน ... กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน”
บุ้งตัดบททั้งอายปนสูญเสียความมั่นใจ ... คนหล่อ เธอปลื้ม แต่ใช่จะได้อภิสิทธิ์มาต่อว่า หยามฝีมือกันขนาดนี้
“ไม่เป็นไร คิดเล่นๆ ว่ามื้อนี้กินข้าวเย็นแบบเอปไปละกัน”
ศูรย์หยิบแตงกวาเข้าปากเคี้ยวแล้วหัวเราะ
“นายนี่นอกจากจะลามกแล้วยังปากเสียอีก”
“ผมไม่ได้ลามก... แค่ดูหนังโป๊ หน่อยเดียวหรือพี่ไม่ดู”
คนดูหนังโป๊ขยับเข้าใกล้ ... บุ้งเพิ่งรู้สึก เขาอายุน้อยแต่ตัวโตกว่าเยอะ
“ไม่เคยดูจริงๆ เหรอเนี่ย”
เขาถามย้ำเอากับหน้าแดงจัดของเธอ
“เออ ... แล้วผิดปรกติตรงไหน คนเอาหนังโป๊มามหาวิทยาลัยต่างหากที่แปลกกว่า”
เขาอ้าปากเตรียมพูดบางอย่าง เสียงพูดคุยก็ดังลอดออกจากนอกครัว สมาชิกค่ายชุดใหญ่กลับมาแล้ว สาวๆ พอรู้ว่าศูรย์เป็นพ่อครัวมื้อเย็นเองก็กรี๊ดกร๊าดเข้าไปกันใหญ่ กราฟความนิยมในตัวเขาพุ่งกระฉูดทะลุค่าย
“ไหนว่าไม่สบายไง ถึงไปบ่อปลากับพวกเราไม่ได้”
สาวๆ ตัดพ้อกระเง้ากระงอด เขายิ้มโปรยเสน่ห์
“ผมกินยาแล้วอาการดีขึ้น ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ เห็นพี่ทำอาหารอยู่ ไม่อยากมากินข้าวค่ายฟรีเลยช่วยพี่เขานิดหน่อยครับ”
คำตอบถ่อมตัวเรียกคะแนนปลื้มปริ่มได้อีกแล้ว
บุ้งมองคนที่บอกว่าไม่สบาย แล้วเบ้ปาก ตอนเข้ามาในครัวดูสบายดีออก ข้ออ้างล่ะสิ ... แต่จะอ้างทำไมนะ หรือแค่ติดสำอางเฉยๆ ไม่ชอบคลุกดินฝุ่นชนบท แล้วจะมาเข้าค่ายอาสาแสนห่างไกลนี่ทำไม
แต่บุ้งรู้อย่างหนึ่งแล้วว่ารุ่นน้องรูปหล่อเป็นพวกตีสองหน้าเก่ง ... ภาพพจน์คนดีไม่ใช่ตัวจริงของเขาเลย ผู้ชายหื่น ... ปากร้ายต่างหากที่เป็นตัวตนจริง
“เราทำความผิดร่วมกันแล้วนะ”
ศูรย์ย่อตัวกระซิบบอกข้างหู บุ้งหันขวับตามเสียง ร่างสูงก็เดินไปไกลเสียแล้ว เธอกลับมามองรุ่นพี่ชีกอตักข้าวต้มผักใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ
ขณะศูรย์โดนสาวๆ ดักไว้เป็นกลุ่มใหญ่อีกทาง แวบหนึ่งเขาปรายตาทางรุ่นพี่ผู้เอร็ดอร่อยกับอาหารเช่นกัน มุมปากยกยิ้มแฝงเยาะ ... ความหมายมีเพียงเธอและเขาเท่านั้นที่เข้าใจ
ข้าวต้มหมดลง รุ่นพี่เรอเอิ๊ก... เรียกเสียงหัวเราะขำจากผู้ชาย และใบหน้ารังเกียจจากผู้หญิง
ช่วงค่ำเริ่มด้วยนั่งล้อมวงรอบกองไฟ มีการพูดเปิดใจประจำวัน รุ่นพี่ชีกอโอบไหล่บุ้ง ท่ามกลางเสียงโห่ ฮาคะนอง ของสมาชิกค่าย แต่เธอไม่ขำเลยสักนิด
หลังจากนั้นหลายคนเรียกร้องขอมื้อดึกและจงใจยัดเยียดหน้าที่นี้ให้ ด้วยเห็นว่าไหนๆ จัดการอาหารมาตั้งแต่เย็นแล้ว แถมอีกสักมื้อจะเป็นไรไป
บุ้งคิดทำข้าวต้มง่ายๆ เพราะเครื่องปรุงก็มีครบ วิธีทำไม่ยาก หั่นโน่นซอยนี่ไม่เยอะ ใส่ซุปก้อนลงน้ำเดือด เติมเนื้อสัตว์หน่อย ตักราดข้าวสวยที่หุงเหลือตั้งแต่เย็น แค่นี้เป็นอันเสร็จ
ยังไม่ทันลงมือกับอาหาร จู่ๆ ศูรย์เข้ามาในครัว ทำสิ่งไม่คาดคิด หนุ่มนักศึกษาแพทย์ค้นถังขยะกุกกัก หยิบผักใบเหลืองเหี่ยวและเสียๆ เอาไปสับ หยิบหม้อใบเล็กใส่น้ำตั้งบนเตาไฟ
“จะทำอะไรน่ะ”
เธอร้อง เขาไม่รักสะอาดสมคณะเรียนมาเลย หยิบขยะด้วยมือเปล่า ไม่กลัวเชื้อโรคหรืออย่างไร
“มีเศษหมูเหลือๆ ไหม”
ไม่รอบุ้งตอบ ขายาวก้าวไปยังถังน้ำแข็งสี่เหลี่ยมน้ำเงินเข้ม เปิดควานหาสักอย่างคิ้วขมวดมุ่นไม่ถูกใจ หันรีหันขวางกลับมายังถังขยะ คุ้ยออกมาอีก คราวนี้เจอถุงใส่เศษเนื้อทิ้งๆ เพราะเน่า ศูรย์แกะใส่หม้อใบเล็ก
“นายทำอะไร”
“ข้าวต้ม”
ศูรย์ตอบพลางคนอาหารในหม้อ
“สูตรพิเศษ”
คนปรุงยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย เธอกลืนน้ำลายขยะแขยง สักครู่หนึ่งข้าวต้มสุก เขาตักใส่ชาม โรยคื่นช่ายพริกไทยป่นกลบกลิ่นอย่างดี
“เอาไปเสิร์ฟสิ”
ดูเป็นข้าวต้มร้อนควันฉุยน่ากินตามธรรมดาสามัญ ... หากไม่ได้เห็นที่มาของวัตถุดิบ
“เอาไปเสิร์ฟใคร”
เธอถาม
“อยากเสิร์ฟพี่คนไหน ก็ตามใจสิ”
พ่อครัวร้ายหลิ่วตาให้ ผลของมันคือทำให้รุ่นพี่ชีกอสิ้นฤทธิ์ท้องเสีย ไม่มาตอแยเธออีกหลายวัน
บุ้งไม่รู้ว่าศูรย์ทำเพื่ออะไร อาจจะแค่อยากแกล้งคนเล่น หรือมั่นไส้รุ่นพี่ชีกอ แต่เธอก็นึกขอบคุณในใจ มองเขาด้วยสายตาที่ดีขึ้น ไม่ใช่หนุ่มหล่อร้ายเหมือนเก่า
“ศูรย์มีแฟนแล้ว”
เขียวเจ้ากรมข่าวเพื่อนเธอรายงาน
“ไม่จริ้ง เต้าข่าวแล้วล่ะแก ไปเอามาจากไหน”
หลายเสียงรอบม้านั่งหินอ่อนตัวเดิมตะเบ็งพร้อมกัน คนรายงานค้อนประหลับประเหลือกตามเคย
“เฟริ์มแล้วย่ะ! ข่าวนี้ ฉันเห็นน้องเขาควงยัยดาด้าดาวบริหาร”
คนปลื้มเขาบ่นพึมพำเสียดาย เคยเห็นหน้ารุ่นน้องแสนสวยกันมาแล้วทั้งนั้น ทุกคนรู้แก่ใจว่าสวยสู้ไม่ได้แน่
“เฮ้อ! หมดคนโสดไปอีกหนึ่ง”
เพื่อนชายใจหญิงกรีดกรายหงายฝ่ามือท้าวคาง หัวใจบุ้งปวดหนึบ ธรรมดาของโลกคนสวยต้องคู่กับคนหล่อ เธอควรเลิกฝัน เลิกปลื้มเขาได้แล้ว อีกปีเดียวก็จะจบ เธอควรไปทุ่มการเรียนมากกว่า
“ขอนั่งด้วยคนนะ”
เพื่อนชายคุ้นเคยร่วมสาขาเอ่ย นั่งลงข้างกัน วันนี้มีวิชาเรียนตึกรวมจึงมากินข้าวกลางวันที่โรงอาหารใหญ่กลางมหาวิทยาลัย
“เป็นไงมั่งเรื่องหาที่ฝึกงาน”
ปีสามนอกจากกลุ้มใจเรื่องเรียน ก็เป็นเรื่องสถานที่ฝึกงานนี่แหละ ... เพราะเป็นตัวชี้ชะตางานในอนาคตได้
“แย่”
คนถูกถามส่ายศีรษะ
“มีแต่ปฏิเสธมา ไม่รู้จะหาได้ทันปิดเทอมหรือเปล่า”
บุ้งหัวเราะ ยื่นมือตบไหล่ให้กำลังใจเพื่อน
“เอาน่า มันก็เป็นอย่างนี้กับทุกคนนั่นแหละ”
เธอผ่านช่วงจิตตกอย่างนี้มาแล้ว โชคดีที่ได้จดหมายตอบรับฝึกงานจากบริษัทไอทีซึ่งดูด้านโปรแกรมสำเร็จรูปใช้ในโรงแรม
“อยากไปเที่ยวไกลๆ จัง”
คนตรงหน้าอยากฝึกงานในบริษัทเกมออนไลน์ใหญ่ๆ การแข่งขันสูง จึงโดนปฏิเสธบ่อยครั้ง
“เอาไว้หาที่ฝึกงานได้แล้ว ค่อยไปกัน”
“แต่ฉันคงต้องไปคนเดียวแหง เหงาเลย”
เสียงบ่นมีต่อ
“เออ ฉันไปเป็นเพื่อนก็ได้”
บุ้งนึกสนุก นานๆ ทีไปเที่ยวก็ดีเหมือนกัน ตั้งใจจะชวนเขียวไปด้วย
“จริงนะ”
คนจิตตกหน้าบาน ยิ้มได้บ้าง
“อือดิ ฉันสัญญา”
บุ้งยกนิ้วก้อยกระดิกล้อ หัวเราะคิกคักสนุกกับการอำแกล้งเป็นหมาหยอกไก่ เพราะเป็นเพื่อนกันมานานรู้ไส้รู้พุงดีเกินกว่าจะคิดเกินเลย
ทันใดนั้นด้านหลังเกิดเสียง ”กึก” แล้วตามด้วยวี๊ดว๊าย
“มีอะไรหรือเปล่าศูรย์ ลุกพรวดพราดอย่างนี้ ด้าตกใจหมด”
เจ้าของชื่อทำเธอเหลียวหลัง ปล่อยนิ้วจากเพื่อน ศูรย์และดาด้านั่งอยู่โต๊ะหลัง
“โทษทีผมรีบ มีธุระด่วนต้องไปคุยกับอาจารย์”
ศูรย์เลื่อนตัวออกจากเก้าอี้ยาว แล้วก้าวผ่านไป ไม่แม้แต่ชายหางตามองเธอ
“เดี๋ยวค่ะรอด้าด้วย”
ดาวบริหารท้วง ... ด้วยเธอใส่รองเท้าส้นสูง ยากจะก้าวตามขายาวยาวๆ ของเขาทัน เขาชะงัก หันมาจูงมือบอบบางท่ามกลางเสียงแซววี้ดวิ้วของหลายคนในโรงอาหาร
“เฮ้อ! อยากได้แบบนี้บ้างจัง” เพื่อนชายพึมพำ
“หล่อเลือกได้ก็ดีอย่างนี่แหละ”
ภาพศูรย์จูงมือดาด้าติดตา ... ประทับในสมองเธอหลายวัน ภาพที่เห็นทรงพลังกว่าเสียงเล่านัก และทำร้ายใจน้อยๆ มากเหลือเกิน
องค์อาทิตย์ส่องสว่าง คู่กับดาราดวงงาม แม้ไม่ได้เคียงกันยามกลางวัน แต่ก็ยังเป็นดาวประดับฟ้าเหมือนกัน ไม่ใช่ผักบุ้งเกิดคลุมบนดินเหมือนเธอ
