Chapter5
เรื่องน่าอาย... ของเขา 1
คุณเคยมีเรื่องน่าอายไหม อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี เรื่องที่ว่าอยู่ในระดับไหน ถ้าให้คะแนนล่ะก็ ... เรื่องของเขาคงแย่สุด เข้าขั้นห่วยแตก
ริงโทนโทรศัพท์เพลง Superman is not easy ดังขึ้น เสียงพิเศษเพื่อเพื่อนหญิงของเขา ”ดาด้า“ ศูรย์ลุกเข้าห้องน้ำ มองตัวเองในกระจก ใบหน้าหล่อเหมือนเคย แม้รอยปื้นสีแดงจางยังทิ้งรอยอยู่ เขานึกถึงคนทำ ... สาวรุ่นพี่ที่เข้ามาวนมาเวียนในความนึกคิดบ่อยๆ
“เฮ้ย! ไปเดินดูซุ้มรับน้องคณะอื่นกันก่อนเถอะ”
ตาว ... เพื่อนโรงเรียนเดียวกันและกำลังจะเป็นร่วมคณะชวน
“กูว่าไปคณะเลยดีกว่า ซุ้มรับน้องที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน”
“เออน่า ไปดูหน่อย เช็คเรตติ้งกันหน่อยว่าสาวๆ แถวนี้ชอบสไตล์ไหน”
คราวนี้ไม่เพียงชวนแต่ยังฉุดเขาไปด้วย เทอมแรกในมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยสีสันสดใส หลายคณะติดป้ายผ้า กระดาษอัด แสดงข้อความยินดีต้อนรับน้องใหม่
“คณะอะไรวะเสียงดังดีชะมัด”
ตาวตาวาว สนอกสนใจชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยใหม่อย่างที่สุด
“นั่นไงป้ายคณะ”
ศูรย์บุ้ยปากไปยังแผ่นผ้าขึงเหนือซุ้ม เขียนชื่อคณะอะไรสักอย่างลงท้ายด้วยคอม
“อ๋อ! วิศวคอมพิวเตอร์ ไปดูกัน รู้จักรุ่นพี่ไว้ เพื่อคอมเสียจะได้ให้เขาซ่อม ประหยัดตังค์ดี”
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาพบกับเธอ
“ไก่ย่างถูกเผา...ไก่ย่างถูกเผา มันจะโดนไม้เสียบ”
เสียงร้องเพลงดังรัวยามเดินใกล้เข้า ตามด้วยวี้ดวิ้วโห่ฮา ร่างเล็กผิวแทนใส่เสื้อแสดสะท้อนแสง กางเกงเลดำ
ผมย้อมสีน้ำตาลรวบไว้กลางศีรษะเป็นก้อนซาลาเปา หน้าผากคาดเขียนตัวอักษรไทยเลียนแบบญี่ปุ่น กำลังเต้นไก่ย่างอย่างเมามันกลางลานใต้ร่มไม้
“เอาอีก”
เสียงเรียกร้องของบรรดาผู้คนในซุ้มทำให้ร่างนั้นหน้ามุ่ย
“พวกแกก็เต้นกันมั่งสิวะ”
เธอแวด ใบหน้าแต้มสีประแป้งขาวไว้ลายพร้อย
“ให้ฉันเต้นคนเดียวขี้โกงนี่หว่า”
“แกเต้นไปเถอะน่า คนหน้าตาอุบาทว์ ทำอะไรคงไม่อุบาทว์มากไปกว่านี้แล้ว”
เสียงบีบแหลมเล็กของชายท่าทางอ้อนแอ้นแซว คนเต้นไก่ย่างพุ่งเข้าไปลากเพื่อนปากดีมากลางลาน
“อ้าวน้องๆ ถ้าใครรู้ว่าพี่เขียวใส่กางเกงในสีอะไร พี่ให้สามร้อย”
เธอผายมือไปทางเจ้าของชื่อที่กระฟัดกระเฟียดอยู่ เสียงทายสีกางเกงในของรุ่นพี่ดังขึ้นจากทิศทาง ตาวพลอยผสมโรงด้วย
“รุ่นพี่คณะนี้บ้าดีว่ะ”
เพื่อนขำตัวโยน เขาพยักหน้าเออออ แล้วมองร่างใบหน้าประแป้งกลางวง ... ผู้หญิงหน้าทะเล้น ตลก ยุกยิกเหมือนลิง ดูธรรมดาพบเห็นได้ทั่วไป ศูรย์เคยคิดไว้เพียงแค่นั้น
“ขอโทษนะครับ ผมก็มีรสนิยมของผมเหมือนกัน”
ศูรย์พูดแล้วหันหลังเดินกลับ พยายามไม่หันไปมองคนฟัง คงกำลังร้องไห้แน่
“มึงใจร้ายชะมัดเลยว่ะ”
ตาวเบ้ปากตัดพ้อ
“นั่นน่ะ ฟางดาวมหาลัยเชียวนะเว้ย”
“งั้นมึงก็ไปปลอบสิ แต่ระวังโดนเพื่อนเขาด่าเข้าให้ล่ะ”
เพื่อนยักไหล่
“ไม่เอาล่ะ มึงรู้ดีนี่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไหงถึงตอบไปยังงั้น เขาอุตส่าห์มาบอกรัก”
ศูรย์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ย
“กูหมายความตามที่พูดนั่นแหละ”
ศูรย์รู้ ... เรื่องรสนิยมผู้หญิงเขาเป็นปริศนาทั่วทั้งมหาวิทยาลัย หลายเดือนตั้งแต่เข้ามาเรียน ทั้งหญิงแท้และไม่ บ้างก็แอบสับสนทางเพศ พากันเข้ามาหาเขา
ขนมของกุ๊กกิ๊กต่างๆ นานาที่เหล่าคนปลื้มทั้งหลายฝากมาให้ เขาบอกให้คนรับฝากคืนไปให้หมด
“มึงใจดำจังว่ะ รับของที่คนเขาฝากมาให้หน่อยสิ”
ตาวซึ่งเป็นคนรับฝากท้วงแล้วท้วงอีก แต่เขายังเฉย จนคนรับฝากเองเหนื่อยใจ
“หล่อเลือกได้ก็ดีอย่างนี้แหละ”
ศูรย์เหลือบดูกองของฝาก แล้วหันไปสนใจกับตำราเรียนต่อ เขาเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อตามฝันการเป็นแพทย์ให้เป็นจริง
... รู้ตัวว่าหล่อ ถ้ามีแต่คนตามกรี๊ด ไม่มีเวลาส่วนตัว ต้องคอยระวังภาพพจน์ในสายตาคนอื่นอย่างนั้นเขาไม่ชอบเลย ศูรย์ขอเป็นตัวของตัวเองดีกว่า
แล้วเมื่อไหร่กันนะที่ศูรย์ได้เห็นเธอใกล้ๆ เขาย้อนนอนคิด ... ครั้งแรกก็ในห้องสมุด
ตาวนัดเจอในห้องสมุด เพื่อนมาช้ากว่าเวลานัดสามสิบนาที ศูรย์ชะเง้อหามันจนเมื่อยคอ ส่งไลน์ในโทรศัพท์ก็ยังเงียบ ... ตกลงจะได้อ่านหนังสือไหมวันนี้ อารมณ์หนุ่มกรุ่นหน่อยๆ แต่ยังรอ
เสียงสวบสาบระมัดระวัง ลมวูบพัดผ่านหน้า สาวเสื้อขาวกระโปรงดำเดินผ่านไป ศูรย์อารมณ์กรุ่นกลายเป็นเบื่อเผลอมองตามหลัง
ตัวเล็ก ผมสีน้ำตาลรวบหลวมๆ ไว้เหนือศีรษะเป็นก้อนกลมเหมือนซาลาเปา ทำไมผู้หญิงชอบทำทรงนี้กัน ศูรย์เห็นไม่เรียบร้อยเลย
ดูนั่นสิ ... ไรผมบางตกลุ่ยเคลียลำคอ แนบผิวนอกเสื้อขาวเหลืองนวล
เธอหยุดยืนหน้าชั้นหนังสือ หันข้างให้เขา อ้อ! พี่เต้นไก่ย่างหน้าทะเล้นคนนั้นนั่นเอง วันนี้ไม่มีสีเลอะแล้ว หน้าผากเคยคาดผ้าขาวเขียนตัวอักษรตลกๆ ก็เกลี้ยงเกลา
มือบางมีริสแบนด์และเชือกถักหลากสีสองสามเส้นบนข้อ สอดหนังสือคืนสู่ชั้น
อาทิตย์บ่ายส่องลอดหน้าต่างเลยมาไล้ร่างที่ยืน กระจกกรองแสงสะท้อนต้องวงหน้าละมุน เรียวคิ้วเป็นระเบียบ ขนตาแพหลุบต่ำพินิจหนังสือ จมูกไม่โด่งมาก ริมฝีปากสีธรรมชาติเคลือบลิปมันขึ้นประกายนิดๆ
ศูรย์เพลินมองเรื่อยจนถึงไรผมสีจาง ทอประกายเป็นเส้นสายใสน้ำตาลทอง ดังรูปวาดสีน้ำมันชิ้นเอกของจิตกร ... ภาพที่เหมือนไม่มีอยู่จริง เขาฝันทั้งลืมตาตื่นหรืออย่างไร
“โทษทีที่ช้า”
ตาวตบบ่า เป็นดังสัญญาณปลุก
“อย่าทำหน้างี้ดิวะ มึงโกรธเหรอ เออ! เดี๋ยวกูเลี้ยงขนม”
เพื่อนหน้าแหยกับสายตาจ้องเขม็ง ศูรย์ขมวดคิ้วเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าตนไม่ได้ฝัน หันไปทางชั้นหนังสือ รุ่นพี่สาวผมทรงซาลาเปาหายตัวไปเสียแล้ว
“ไปไป๊! อยากยืมหนังสืออะไรก็หอบไปเคาน์เตอร์บรรณารักษ์ กลับไปอ่านที่หอดีกว่า มีของเด็ดให้ดู”
แล้วคนมาช้ากว่าเวลาก็ลากไป เขาคิดว่าภาพเมื่อครู่อาจเกิดจากตาลายอ่านหนังสือมากไป มองผู้หญิงธรรมดาๆ นอกสายตา ‘ดูดี’ เกินจริง
ครั้งสองเป็นวันร้อนอบอ้าว เมฆครึ้ม ฝนตั้งท่าจะตกตั้งแต่เช้า
“ข้าได้วีซีดีเด็ดๆ มาโว้ย ดูหรือเปล่า”
ตาวเข้าห้องเขาในหอ มือพลางโบกกล่องวีซีดีไปมา ทั้งสองมีเรียนบ่าย เช้าจึงว่าง
“ดูเปล่า”
“ต้องทดสอบก่อนว่าคุณภาพจะดีหรือเปล่า แน่จริงมึงเปิดสิ”
ศูรย์จ้องหนังสืออยู่แต่ปากพูด เพื่อนหัวเราะก๊าก หลังจากนั้นจึงใส่แผ่นลงโน้ตบุค สักครู่หนึ่งโซระ อาโออิ ก็ทำให้เขาหมดสมาธิจากตำรา ผู้ชายเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น ศูรย์เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน … เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ
