บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 คุณหนูใหญ่

การตายของเชื้อพระวงศ์ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ และยิ่งเป็นการตายขององค์หญิง ที่เป็นพระธิดาของฮ่องเต้ มันยิ่งกว่าเรื่องใหญ่เสียอีก

เจ้ากรมอาญาถึงกับต้องมาด้วยตนเอง ทุกคนต่างมีสีหน้าไม่น่ามอง เมื่อเห็นสภาพภายในห้อง และสภาพศพอันน่าอนาถขององค์หญิง แล้วเช่นนี้ผู้ใดจะกล้ากราบทูลความจริงแก่ฮ่องเต้

กว้านจินซูอยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน ยืนแผ่นหลังตั้งตรง ก้มหน้าเล็กน้อยพองาม ดูสงบเสงี่ยมแต่ไม่ถึงกับเจียมเนื้อเจียมตัว มองแล้วผู้คนต้องรู้ทันที ว่านางคือคุณหนูท่านหนึ่ง

ทุกท่วงท่าการวางตัวล้วนเป็นฉงเซิ่งสอนนางมาทั้งสิ้น ด้วยความที่เป็นคนเรียนรู้ไว จินซูจึงทำได้อย่างง่ายดายราวกับว่ามันอยู่ในสายเลือดของนางอยู่แล้ว

ฉงเซิ่งที่ยืนอยู่เบื้องหลัง อยู่ในชุดสาวใช้สีเขียวอ่อน สายตาแอบลอบมองผู้คน คอยเงี่ยหูฟังจดจำทุกคำพูด มันเป็นความเคยชินจากการเป็นสายสืบในชาติที่แล้ว

เจ้ากรมอาญาก้าวเข้ามาหาจินซูด้วยท่าทางเคร่งเครียด หลังจากฟังเรื่องราวของเด็กหญิงจากปากของเสนาบดีกว้าน หากเด็กน้อยพูดความจริง

ถ้าอย่างนั้น ก็จะสรุปได้ว่า องค์หญิงใหญ่แอบมาเล่นชู้กับพ่อบ้าน และตายด้วยบทรักอันวิตถาร ซึ่งฮ่องเต้และพระชายาเจียงเฟยคงไม่พอพระทัยเป็นแน่

"คุณหนูกว้าน"

"เจ้าคะ"

จินซูเงยหน้ามองสบตาเจ้ากรมอาญาอย่างไม่เกรงกลัว จนทำให้ลู่ซีฉานรู้สึกทั้งแปลกใจ และประทับใจในคราวเดียวกัน ในใจแอบชื่นชมคุณหนูใหญ่ที่ถูกทอดทิ้งผู้นี้อยู่ไม่น้อย

"ช่วยเล่าเรื่องราวของเหล่าหนาน และก็เรื่องที่เรือนของท่านอยู่ ๆ ก็กลายเป็นสถานที่ฆาตกรรมให้ฟังหน่อยจะได้หรือไม่ "

"เจ้าค่ะ"

หลังจากกว้านจินซูเล่าเรื่องทุกอย่าง จริงบ้างเท็จบ้าง ให้เจ้ากรมอาญาฟังจนจบ ก็เกิดความเงียบไปชั่วขณะ จนกระทั่งบ่าวรับใช้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

"นายท่าน นายท่านขอรับ"

"มีอะไรวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ช่างเสียมารยาทยิ่งนัก!!"

"อะ..องค์ชายสาม ทรงเสด็จมาขอรับ เวลานี้กำลังตรงมาที่นี่"

คราวนี้ทำให้สีหน้าของทุกคนเกินกว่าคำว่าไม่น่ามองไปไกล ยิ่งกว้านกงเผยยิ่งแล้วใหญ่ มีท่าทางกังวลจนเห็นได้ชัด และยังมีอีกหนึ่งคนที่ยืนอย่างไร้ตัวตนมาตลอด แววตาไร้เดียงสาถึงกลับเปลี่ยนไปชั่วครู่

ฉงเซิ่งยืนกัดฟันแน่น ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก ไม่นึกว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากันรวดเร็วเช่นนี้

องค์ชายสาม เลี่ยงซีเหอ

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งอายุราวยี่สิบสี่ถึงยี่สิบห้า หน้าตาหล่อเหลา อยู่ในชุดลำลองสีน้ำเงินเข้มรัดรูป กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ เบื้องหลังมีชายสี่คนในชุดองครักษ์ขั้นสี่สีน้ำเงินอมดำ ของกรมสืบสวนภายในตามมาด้วย

คิ้วของกว้านกงเผยเริ่มขมวดเป็นปม หากปล่อยให้คนของหน่วยพายัพสืบสวน มีหวังต้องความแตกแน่ เสนาบดีกว้าน ลอบสบตากับบ่าวรับใช้คนสนิท

ทำให้อาต้าเดินเลี่ยงหลบไปอย่างว่องไว

คนอื่นอาจไม่สังเกตเห็น เพราะมัวจดจ่อมองกลุ่มขององค์ชายสาม แต่ไม่ใช่กับฉงเซิ่งที่หูไวตาไว เพียงเท่านี้เด็กน้อยก็พอจะคาดเดาอะไรได้บ้างแล้ว

"องค์ชายสาม" ทุกคนต่างพากันทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง เมื่อชายหนุ่มก้าวเข้ามาหยุดยืนที่หน้าเรือน คนของหน่วยพายัพทั้งสี่เดินผ่านผู้คนก้าวเข้าไปในเรือน โดยไม่พูดไม่จา

เลี่ยงซีเหอมองสำรวจทุกคนที่อยู่ที่นี่ ก่อนจะหันกลับมามองเสนาบดีกว้านด้วยสายตาเย็นชา

"เสด็จพ่อทรงวางพระทัย ยกเสด็จพี่หญิงให้ท่านเป็นผู้ดูแล แต่ไม่นึกเลยว่าท่านจะปล่อยให้เกิดเรื่องกับนางเช่นนี้"

"ต้องขออภัยพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย เรื่องนี้เกินความสามารถของกระหม่อม พระองค์ทรงอย่าห่วง กระหม่อมจะเป็นผู้ไปขอรับโทษจากฮ่องเต้ด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ"

"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น เราอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่"

กว้านกงเผยต้องจำใจเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเรือนแห่งนี้ให้องค์ชายสามฟังอย่างละเอียด ส่วนที่พ่อบ้านกับองค์หญิงมาเสียชีวิตที่นี่ได้อย่างไรนั้น ตัวเขาเองไม่ทราบ

หลังจากองค์ชายสามฟังจนจบบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดขึ้นทันที สายตาเย็นชาเหลือบมองไปยังเจ้าของเรือน "เจ้าคือกว้านจินซู?"

แม้ฉงเซิ่งจะไม่ได้สอนให้เตรียมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทั้งยังนอกแผนที่วางไว้ แต่จินซูก็พอรู้ว่าต้องทำเช่นไร

"เพคะ" เสียงกังวานใสตอบออกไปอย่างไร้เดียงสา ก้มหน้าเล็กน้อย ตามมารยาทการวางตัว ที่ไม่ควรจะสบตาเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง

ท่าทางและกิริยามารยาทของจินซู ทำให้องค์ชายสามชะงักไปเล็กน้อย เพราะมันดูคุ้นตา แต่ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคุณหนูที่ได้รับการอบรมมาดี ส่วนใหญ่ก็มักเป็นเช่นนี้

"เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่าเหตุใดพ่อบ้านกับองค์หญิงถึงมาอยู่ที่นี่"

"หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ"

"เจ้าอยู่ที่เรือนแห่งนี้จะไม่ทราบได้อย่างไร!!!"

น้ำเสียงดุดันขององค์ชายสามทำเอาจินซูสะดุ้งเล็กน้อย เผลอตัวก้าวถอยหลังไปชนกับฉงเซิ่ง

"องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ถึงจะทรงข่มขู่บุตรสาวของกระหม่อมไป ก็เปล่าประโยชน์ นางยังเด็กจะไปรู้เรื่องอะไรได้"

"คะ..คุณหนูไม่รู้ ตะ..แต่ข้ารู้"

เสียงแหบแห้งของร่างเล็กที่ดูราวกับซากศพ ยืนก้มหน้าด้วยความหวาดกลัวพูดจาติด ๆ ขัด ๆ ทำให้ทุกคนต้องหันไปมองนางเป็นตาเดียว แล้วก็เหมือนกับทุกคน พึ่งจะทราบว่าที่นี่ยังมีเด็กอยู่อีกคนหนึ่ง

"เจ้าเป็นใคร?" เลี่ยงซีเหอ หรี่ตามอง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็น

"ข้าไม่เห็นรู้เลย ว่าน้องสามได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่สืบคดีในจวนขุนนางขั้นหนึ่งได้ตั้งแต่เมื่อใด?"

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาไม่ต่างจากองค์ชายสาม ก้าวเข้ามาหยุดยืนเอามือไพล่หลัง มองหน้าเลี่ยงซีเหอ คล้ายต้องการฟังคำตอบ

"องค์ชายรอง"

ทุกคนต่างพากันยอบกายคารวะ ฉงเซิ่งเหลือบไปเห็นอาต้ายืนอยู่ไกล ๆ ก็รู้แล้วว่าเหตุใดองค์ชายรองถึงได้ทรงเสด็จมา

การเผชิญหน้าของสององค์ชายยิ่งทำให้บรรยากาศเริ่มหนาวเย็น ฮ่องเต้ทรงมีพระโอรสถึงสิบแปดพระองค์ แต่ยังไม่ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาท ทั้งที่พระองค์ทรงชราภาพมากแล้ว

การต้องสูญเสียองค์ชายสี่ โอรสที่เกิดกับฮองเฮา ทำให้ฮ่องเต้ทรงเกิดความไม่ไว้วางใจในตัวพระโอรสองค์อื่น ๆ และนั่นคือสาเหตุที่เหล่าองค์ชายแอบต่อสู้แย่งชิงกันอย่างลับ ๆ โดยการสนับสนุนของบรรดาขุนนาง

องค์ชายรองและองค์ชายสาม คือผู้สืบทอดตำแหน่งที่อยู่ในลำดับต้น ๆ เพราะต่างก็เป็นโอรสที่เกิดจากพระชายาขั้นเฟยไม่ต่างกัน

ยังมีองค์ชายห้า วัยสิบแปดปี ที่เวลานี้อยู่ชายแดน และองค์ชายสิบสอง วัยสิบสี่ปี โอรสของหวงกุ้ยเฟย สตรีที่มีอำนาจเป็นรองเพียงฮองเฮา องค์ชายทั้งสี่นับว่ามีสิทธิ์จะได้ตำแหน่งรัชทายาทมากที่สุดในกระบวนโอรสทั้งหมด

ส่วนพระโอรสที่เกิดจากพระสนมขั้นต่ำลงมา บ้างก็ยังอายุน้อย บ้างก็มีมารดาต่ำต้อย แต่เหล่านั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับความพอพระทัยขององค์ฮ่องเต้

"เหตุใดข้าจะถามไถ่ไม่ได้ หรือเสด็จพี่รองอยากให้เสด็จพี่หญิงใหญ่ตายเปล่า?"

"ที่นี่มีเจ้ากรมอาญาอยู่แล้ว เจ้าพาหน่วยพายัพเข้ามาเช่นนี้ มิเท่ากับไม่ไว้ใจกรมอาญาหรอกหรือ? ก่อนจะทำอันใด ข้าว่าเจ้า ควรจะทูลขอเสด็จพ่อเสียก่อน เรื่องนี้หาใช่เรื่องเล็ก ไม่มีทางที่เสด็จพ่อจะทรงปล่อยไปง่าย ๆ แน่"

สีหน้าขององค์ชายสามดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อหาที่ระบายไม่ได้ สายตาไปตกอยู่ที่ร่างเล็กราวซากศพ

"เมื่อครู่ เจ้าบอกว่าเจ้ารู้ จงเล่ามา!!"

ฉงเซิ่งออกอาการตัวสั่นงันงกหวาดกลัวจนก้มหน้าคางชิดอก

"เสด็จพี่คงไม่ว่าถ้าข้าแค่จะถามเด็กน้อยผู้นั้นกระมัง"

องค์ชายรอง ทำเพียงแค่ยักไหล่ คล้ายจะบอกว่าตามสบาย ก่อนที่สายตาจะลอบมองไปยังกว้านกงเผย

"พูดมา!"

"ขะ..ข้าไม่กล้า"

"ไม่เป็นไรเด็กน้อยเจ้าพูดมาเถิด เรารับรองว่าที่นี่จะไม่มีใครทำอันใดเจ้า" องค์ชายรองเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม มิหนำซ้ำยังเป็นการให้ท้ายกลาย ๆ

แน่นอนว่าต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ยิ่งองค์หญิงใหญ่เสื่อมเสียมากเท่าไหร่ ขุนนางที่สนับสนุนองค์ชายสามอยู่ก็จะยิ่งไขว้เขวมากเท่านั้น

และไม่ใช่ว่ามีแต่องค์ชายรองที่คิดได้ ฉงเซิ่งเองก็คิดได้เช่นกัน

"เมื่อวานนี้ ก่อนที่ข้าจะตามคุณหนูไปช่วยทำความสะอาด ข้าเห็นองค์หญิงและพ่อบ้านพากันเข้าไปในเรือนอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ แล้วก็เกิดทุ่มเถียงกันเสียงดัง"

"พวกเขาเถียงกันเรื่องอะไร?!"

"เอ่อ คือ ข้าพูดมันได้จริงหรือ?"

"พูดมา! อย่าลีลา! ที่นี่มีองค์ชายถึงสองพระองค์รับรองให้เจ้า เจ้ายังจะกลัวอะไรอีก!!" องค์ชายสามตวาดเสียงดังด้วยความหงุดหงิด ยิ่งทำให้เด็กน้อยจับยึดกระโปรงของจินซูเอาไว้แน่น

"น้องสามเจ้ากำลังทำให้เด็กกลัว" องค์ชายรองหันไปตำหนิน้องชายร่วมบิดา ก่อนจะหันมาหาฉงเซิ่ง "พูดมาเถิดเด็กน้อย ข้าสัญญาด้วยเกียรติของเชื้อพระวงศ์จะไม่มีผู้ใดเอาผิดเจ้า"

"จะ..เจ้าค่ะ" หลังจากได้รับคำสัญญาจากองค์ชายรองฉงเซิ่งก็เริ่มเล่าอย่างไม่อิดออด

"ข้าได้ยินพ่อบ้านข่มขู่องค์หญิงให้ร่วมหลับนอนด้วย มิเช่นนั้นจะปล่อยข่าวเรื่องที่องค์หญิง เอ่อ คือ .."

"เรื่องอะไร? พูดมาเร็ว!!"

"เรื่องที่องค์หญิงมีอะไรกับน้องชายแท้ ๆ ของตัวเองจนตั้งครรภ์ แล้วก็อุ้มท้องมาให้ท่านเสนาบดีรับเป็นพ่อเจ้าค่ะ"

เกิดความเงียบไปทั่วบริเวณ มีเพียงเสียงลมหวีดหวิว ไม่มีผู้ใดสงสัยในคำพูดของเด็ก เพราะเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ หากไม่แอบได้ยิน เด็กน้อยจะพูดมันออกมาได้อย่างไร มิหนำซ้ำ ยังพูดอย่างถูกต้องเสียด้วย

"เด็กน้อย เล่าต่อไปสิ"

เป็นองค์ชายรองที่เอ่ยปากออกมาก่อน แววตาปรากฏร่องรอยของความพึงพอใจ ส่วนคนอื่นยังตกอยู่ในอาการแข็งค้าง องค์ชายสามเองก็เช่นกัน

"ไม่นานข้าก็ได้ยินเสียงร้องเหมือนคนกำลังทรมาน เสียงหายใจแรง แล้วก็เสียง เอ่อ.. ข้าบอกไม่ถูกว่ามันคือเสียงอะไร แต่ก่อนที่ข้าจะไป ข้าได้ยินองค์หญิงกรีดร้องออกมาดังลั่น คล้ายจะบอกว่าให้เร็วอีก แรงอีก ใกล้จะแตกแล้ว ราว ๆ นี้แหละเจ้าค่ะ"

จบคำพูดของเด็กน้อย มุมปากของทั้งองค์ชายรอง และเสนาบดีกว้านถึงกับแอบยกยิ้ม ยิ่งกว้านกงเผยยิ่งคิดอยากจะให้รางวัลสาวใช้ตัวน้อยเสียเดี๋ยวนี้

"น้องสาม เจ้าเป็นคนต้องการให้เด็กน้อยผู้นี้พูดออกมาเองนะ ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่ใจร้ายกับเด็ก ส่วนจะจริงจะเท็จเจ้าเองคงรู้แก่ใจดี"

องค์ชายสามสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่พูดไม่จา และไม่คิดจะสืบต่อ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษนังพี่สาวจอมร่าน ที่ปล่อยให้ท้องเพื่อหวังจับน้องแท้ ๆ ทำผัว ที่ต้องเสียเวลามาด้วยตัวเอง เพราะต้องการหาทางใส่ร้ายกว้านกงเผย แต่กลับเป็นตนเองที่ต้องมาซวย

ยิ่งคิดเลี่ยงซีเหอก็ยิ่งเดือดดาล อยู่ ๆ ใบหน้าราวซากศพของเด็กน้อยก็ผุดขึ้นมาในหัว แต่ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

พ้นหลังองค์ชายสาม ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก และอีกสามคนถึงกับยกยิ้มในใจ โดยเฉพาะฉงเซิ่ง นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น เลี่ยงซีเหอ ดีจริงที่เจ้าเดินเข้ามาหาที่ตายด้วยตัวเอง ข้าจะได้ไม่ต้องรอนาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel