บทที่ 9 บ้านหงส์
“โอ๊ย เจ็บนะ”
“ก็ใครใช้ให้คิดถึงผมนิดเดียวล่ะครับ รอแป๊บเดียว ผมชงกาแฟให้”
“ของผมด้วยพี่ ไอ้อูนด้วย ไอ้หงส์ด้วย สงเคราะห์น้องบ้างนะพี่ อย่าเอาใจแฟนมากนัก เลี่ยนแทน ขอโทษครับคุณอร ล้อเล่นครับ”
ยอดเยี่ยมพูดๆ แล้วก็พูด พอพูดจบยกมือไหว้อรรียา หล่อนหัวเราะ ห้องทำงานกล้าเป็นเหมือนน้องนั่งเล่นและพูดคุยกันแบบกันเองมากกว่าเป็นห้องทำงานเคร่งเครียด ความเป็นกันเองกับลูกน้องส่งมาถึงหล่อนซึ่งไม่ค่อยเห็นใครทำอย่างนี้ หล่อนรับรักเขาง่ายๆ ไม่ต้องคิดมากและไม่กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจหรือนอกใจหล่อน หากเป็นเช่นนั้นหล่อนก็ไม่แคร์ แต่ก่อนเลิกขอตบหน้าสั่งสอนให้หน้าบวมสามวันก่อนค่อยลาจากแบบไม่ต้องมาพบเจอกันอีกเลย
“ทะลึ่งแล้ว มาชงเอง พี่จะคุยงานกับคุณอร ถ้าคุณอรจะแก้ไขแปลน ทำดอกจันทร์ไว้เลยครับ”
ชายหนุ่มเจ้าของบริษัทไม่ทำตามลูกน้องหนุ่ม เขาชงแก้วเดียวให้อรรียา หงสามองกล้ากับอรรียาครู่หนึ่งจึงลุกจากโต๊ะที่นั่งทานอาหารมื้อเที่ยง หล่อนเดินกลับมาทานอาหารอย่างเร็วเท่าที่จะเร็วได้ กล้าช่วยหล่อน ถ้าอรรียาบังคับให้หล่อนพาไปดูบ้านหลังนั้น หล่อนต้องไป
“ไม่รู้ใครมาจองรึยัง ประกาศขายถูกขนาดนั้น ใครบ้างจะไม่อยากได้ เรายังอยากได้เลย”
หงสาเก็บถุงและกล่องใส่อาหารที่หล่อนทาน ออกมาทิ้งถังขยะหน้าห้องน้ำ พูดคนเดียวไปเรื่อยๆ ถึงถังขยะยังยืนพูดอยู่อย่างนั้น พนักงานออฟฟิศข้างเคียงเดินออกมาเห็นหล่อนพูดคนเดียวก็ยิ้มขำให้หล่อน
“บ้านของหล่อนนี่นา หล่อนต้องได้อยู่สิ รออีกไม่นานดอก”
เสียงกระซิบข้างหูหงสา หล่อนหันขวับ เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องยืนยิ้มอยู่ไม่ห่างนัก
“พูดอะไรกับพี่”
“เปล่า ผมยืนมองพี่พูดคนเดียวอยู่นี่แหละ พูดอะไรเหรอ ถังขยะคุยด้วยเหรอ”
“เอ่อ..”
หล่อนจะอธิบายแต่หนุ่มรุ่นน้องเดินยิ้มเข้าออฟฟิศของเขาไปแล้ว หล่อนรู้จักพนักงานทำงานคนละบริษัทแต่อยู่ตึกชั้นเดียวกันหลายคน ทุกคนคุยสนุกแต่บางคนก็ไม่ค่อยคุยด้วย ไม่ยิ้ม ไม่ทักทาย หล่อนจึงไม่ทักและไม่ยิ้มให้อีกเลย
“บ้าไปแล้วเรา พูดคนเดียวจนคนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าเราบ้า เพราะอีตานั่นคนเดียว”
“ฉันไปทำอะไรให้เธอ”
“อีกแล้วนะ จะตามกวนประสาทไปถึงไหนไม่ทราบ บ้ารึเปล่า โรคจิต”
หล่อนพูดเสียงดังกว่าเดิมและหันไปมองคนที่พูดกับหล่อนซึ่งไม่มีใครยืนอยู่ข้างหล่อนสักคน เผอิญนิศราเปิดประตูลิฟต์ก้าวออกมาได้ยินเพื่อนพูดอยู่คนเดียว หล่อนจึงเดินเร็วๆ มาหยุดด้านหลังเพื่อนแล้วเอ่ยเสียงดังพอๆ กับเสียงของเพื่อนเมื่อครู่
“แกนั่นแหละบ้า โรคจิต อะไรของแกเนี่ยหงส์ ตะโกนด่าใครอยู่ตรงนี้ เสียงดังแปดหลอด บ้ารึเปล่า”
“เออบ้า จะประสาทอยู่แล้วเนี่ย แกมาทำไมถึงนี่ มีอะไรจะให้ช่วยหรือเพื่อน”
หงสาหันมาเห็นเพื่อนรักยืนเท้าเอวว่าหล่อนจึงยิ้มและยอมรับกับคำถามของเพื่อน หล่อนกำลังจะประสาทเพราะผู้ชายในความฝัน ตามมาหลอนกลางวันแสกๆ เสียงดังอยู่ข้างหูเหมือนหูแว่ว ทำให้หล่อนเครียดกว่าเดิม ไม่มีใครได้ยินเสียงเขาสักคน
“ก็...ไม่มีอะไร แค่คิดถึง”
นิศรายิ้มน้อยๆ เขินอายนิดๆ กิริยาเช่นนี้หงสาอ่านทะลุไปถึงหัวใจของเพื่อนสาว เพื่อนของหล่อนแอบชอบวิภู ไม่กล้าเปิดเผยความในใจกลัววิภูดุและกลัวคำตอบจากเขา คำตอบที่ว่า เขาเห็นนิศราเป็นน้องสาว คำนี้เพียงคำเดียวที่นิศรากลัวมาก
“มีอะไรฝากไปให้พี่ภูอีกละสิ บอกแล้วไงให้ไปเอง ไปเห็นหน้าพี่ภูด้วย ชอบก็ต้องกล้าสิเพื่อน”
“ก็ฉันกลัวนี่ กลัวผิดหวัง ถ้าฉันบอกความในใจกับพี่ภูไปแล้วพี่เขารักฉันเหมือนน้อง ฉันก็คงไม่กล้าไปบ้านแกอีกเลยตลอดชีวิต”
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอ”
หงสาหัวเราะเพื่อนรัก หล่อนยอมรับนิศราถ้าจะเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเป็นพี่สะใภ้แต่พี่ชายของหล่อนจะเหลียวมามองผู้หญิงน่ารักคนนี้หรือเปล่าแค่นั้นเอง นิศราไม่มองผู้ชายคนไหนเลยตั้งแต่รู้จักวิภู สมัยเรียนมัธยมปลาย นิศราไปเที่ยวบ้านหงสาและเห็นหน้าวิภูวันนั้น รู้จักเขาวันนั้น เขากลายเป็นเจ้าชายในฝันของหล่อนตลอดมากระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยและทำงานเกือบ 2 ปี หล่อนก็ไม่สนใจชายหนุ่ม ชายสูงวัยที่ขนขนมจีบมาจีบหล่อนสักคน หล่อนมีวิภูอยู่ในใจเพียงคนเดียว
เรื่องนี้หงสารู้มาตลอดและพยายามพูดเชียร์ให้วิภูสนใจนิศรา มองเพื่อนน้องสาวเป็นคนพิเศษสักวันแต่วิภูก็นิ่งและแสดงท่าทีเคร่งขรึมเมื่ออยู่ต่อหน้านิศรา การนิ่งและเฉยชาเป็นเครื่องกีดขวางอันใหญ่มากที่นิศราไม่กล้าปีนข้ามไปหาวิภู สิ่งที่ทำได้ ฝากของไปให้บ้าง อย่างเช่นของขวัญวันเกิด ของขวัญวันขึ้นปีใหม่ซึ่งตัวนิศราไปบ้านหงสาด้วย ส่งของขวัญให้วิภูด้วยตัวเองมาแล้ว เขารับของขวัญไปพร้อมคำขอบใจสั้นๆ แค่นั้นเองยิ่งทำให้หญิงสาวไม่กล้าเข้าใกล้ชายหนุ่มอีกเลย
“วันนี้จะฝากอะไรให้พี่ภูล่ะ”
“เชิญมางานวันเกิดฉันไง วันเสาร์นี้แกลืมรึไง”
“เออจริงสิ ฉันเกือบลืมว่ะ เข้าไปคุยในออฟฟิศฉันดีกว่า แกชวนพี่กล้ากับพี่อูนพี่เยี่ยมด้วยมั้ย”
“เชิญหมดทุกคน เออ แล้วแฟนพี่กล้าล่ะมามั้ย”
“มา กำลังดูงานอยู่ในห้อง แกจะเชิญเหรอ”
“ก็อยากเชิญ แต่เขาจะไปรึเปล่า รสนิยมเขาเริ่ดกว่าพวกเราเยอะ คงไม่ไปงานกันเองของเราหรอกมั้ง”
“ก็ลองเชิญดู ถ้าเขาไม่ไปก็ไม่เสียหายอะไรนี่ ตามมา”
หงสาเดินนำไปทางห้องทำงานของหล่อนแต่นิศราดึงแขนหล่อนไว้
“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้แกโมโหใคร ท่าทางโกรธจริงๆ นะโว้ย โกรธใครวะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ จะได้ไปถล่มให้”
“ไอ้บ้า”
หงสาหัวเราะท่าทางนักเลงของเพื่อนสาว หล่อนเล่าให้ใครฟังไม่ได้เพราะมันเป็นแค่ความฝัน ถ้าเล่าให้ทุกคนฟัง พวกเขาต้องว่าหล่อนบ้า ขอเก็บความฝันไว้เพียงลำพังจนกว่าจะหาเหตุผลได้เสียก่อน ทำไมจึงฝันเห็นผู้ชายคนนั้นต่อเนื่อง ฝันเรื่องเดียวกันและฝันเห็นบ้านทรงไทยหลังงดงามหลังนั้นได้อย่างไรและที่น่าตกใจ บ้านหลังนั้นกลายมาเป็นแบบบ้านให้พ่อเลี้ยงเอื้ออังกูร เป็นไปได้อย่างไร
นิศราอยากรู้แต่หงสาไม่เล่าจึงต้องทำหน้าบึ้งเดินตามเข้าออฟฟิศไป โอภาส ยอดเยี่ยมทักทายนิศราไม่เต็มเสียงเช่นทุกครั้ง หล่อนยกมือไหว้กล้า อรรียาก่อนจะเป็นสองหนุ่มซึ่งหล่อนเข้าใจเขา ถ้าวันนี้อรรียาไม่อยู่ด้วย ห้องทำงานห้องนี้ลั่นไปด้วยเสียงคุยและทวงขนมจากนิศราและแม้ไม่ทวง ถุงขนมวางบนโต๊ะรับแขกโดยไม่ต้องบอกว่าซื้อมาฝากทุกคน
“วันนี้แวะมาถึงนี่ มีอะไรรึเปล่านิศ ขอบใจสำหรับขนมด้วยจ้ะ”
“นิศจะมาเชิญพี่ๆ ไปงานวันเกิดค่ะ เย็นวันเสาร์ เชิญคุณอรด้วยนะคะ”
“จ้ะ นึกว่าจะไม่เชิญ เลี้ยงที่ไหน ที่บ้านหรือร้านอาหาร เอางี้ ฉันเลี้ยงให้เอง เธอปีเดียวกับหงส์รึเปล่า เกิดใกล้เคียงกันมั้ยจะได้จัดให้พร้อมกันเลย”
“เอ่อ...”
นิศราพูดไม่ออกได้แต่มองหน้าหงสา เพื่อนสาวสบตาตอบกลับมา ไม่อยากให้อรรียาจัดงานวันเกิดให้พวกหล่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ นิศจัดที่บ้านค่ะ เพื่อนสนิทไม่กี่คนค่ะ ขอบคุณคุณอรมากนะคะ”
“เธอห้ามเพื่อนด้วยสาตาใช่มั้ยยายหงส์ ฉันว่าเธอจะเกรงใจฉันมากไปหรือเปล่า ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้วล่ะหงส์”
“ไอ้หงส์เด็กสุดในห้องครับอร ปีนี้ย่างยี่สิบสี่ นิศอายุเท่ากับไอ้หงส์ วันเกิดไอ้หงส์เลยมาแล้วครับ สองเดือนก่อนโน่น คุณไม่อยู่ไปหาคุณแม่กับน้อง ไอ้หงส์มันไม่ได้เชิญคุณ”
