บท
ตั้งค่า

บทที่ 12 ผู้หญิงชุดไทย

“กลัวผีค่ะ”

บุษบาตอบอย่างไม่ลังเล ดวงตาตื่นกลัวตามคำพูด จิรเมธแตะขาภรรยา ให้หล่อนหยุดความหวาดกลัวที่เคยมีในบ้านหลังนั้น

“เล่าให้หนูฟังได้มั้ยคะ ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้นะคะ หนูจะเชียร์ให้เขาซื้อให้ได้ค่ะแต่เท่าที่ฟังคนจะมาซื้อพูดถึงบ้านทรงไทยโบราณแล้วนะคะ เขาซื้อแน่ๆ ค่ะ ขายได้ชัวร์ค่ะไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล ไอ้หงส์รับประกันค่ะ”

หญิงสาวพูดทีเล่นทีจริงให้ผู้ใหญ่หัวเราะ หล่อนกลัวผีหรือเปล่า กลัวก็มีบ้าง แต่บางครั้งก็ไม่กลัว อยากเห็น อยากเจอในบ้านหลังสวย ถ้ามีวิญญาณอยู่จริง หล่อนจะถามวิญญาณเหล่านั้นว่า

“จะหวงไปทำไม หวงไว้ให้ใคร”

“หวงไว้ให้แม่นางนั่นแหละเจ้าค่ะ”

เสียงกระซิบตอบหงสามาทันทีทันใด หล่อนหันขวับจ้องหน้าบุษบา รอยยิ้มเมื่อครู่หายไปในฉับพลัน

บุษบายิ้มเมื่อหงสาหันมาจ้องหน้าหล่อน แต่พอเห็นสีหน้าและรอยยิ้มของหญิงสาวหายไป รอยยิ้มของหล่อนก็หยุดไปด้วย

“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ จ้องหน้าน้ายังกับคนแปลกหน้าแน่ะ มีอะไรสงสัยหรือเปล่าถามมาได้เลยจ้ะ น้าจะตอบทุกคำถาม ถ้าอยากรู้ว่าทำไมน้าถึงไม่อยู่บ้านสวยงามหลังนี้ น้าตอบคำเดียว กลัวผีจ้ะ กลัวมาก เขามาให้เห็นเลยนะ”

“ใช่ น้าก็เห็น อย่างที่เล่าไปนั่นแหละจ้ะ ถูกไล่ทุกวันทุกคืนจนทนไม่ไหว”

จิรเมธย้ำคำว่ากลัวผีให้มีน้ำหนักกว่าเดิม ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรือพูดเล่นให้คนอื่นเห็นใจแต่เขาพูดจริง พบเจอสิ่งเร้นลับในเรือนไทยจริงๆ พวกเขาอยู่ไม่ได้ ต้องย้ายออกภายในวันเดียวและมาขนของเฉพาะตอนกลางวันซึ่งน่าแปลก พอย้ายออก เสียงที่เคยได้ยิน เงาวูบวาบที่เคยเห็นไม่มาปรากฏอีกเลย

“ค่ะ หนูเชื่อ แล้วเมื่อกี้นี้ น้าบุษพูดอะไรกับหนูหรือเปล่าคะ”

“ไม่นี่จ๊ะ ทำไมหรือ หนูได้ยินอะไร”

“อ๋อ เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ หนูคงได้ยินไปเอง ไปค่ะ เราไปดูบ้านกันค่ะ ย่าน้อยไปกับหงส์นะ ไปกันหมดนี่แหละค่ะ ป้าส้มไปด้วยกันนะป้า”

“ไปค่ะ ป้าอยากเห็นบ้านสวยๆ เหมือนกัน ได้แต่มองข้างนอกตอนไปตลาดซื้อกับข้าว”

ส้มป่อยยิ้มยินดี อยากเห็นเรือนไทยมานาน ผ่านไปผ่านมาได้แต่มองเท่านั้น คำร่ำลือว่าบ้านหลังนี้ ผีดุ เจ้าของบ้านอยู่กันไม่ได้เพราะผีหลอก คำยืนยันจากจิรเมธยิ่งทำให้บ้านหลังนั้นน่ากลัวมากกว่าเดิมแต่ทำไมส้มป่อยไม่รู้สึกกลัวเมื่อหงสาชวนไปดูบ้าน

จิรเมธนำทุกคนเข้าไปในบ้านที่เขาเป็นเจ้าของ บุษบาจะไม่เข้าไปข้างในบ้าน หงสาดึงแขนเข้าไปด้วยกัน ความกลัวที่เคยมีทำให้สาวใหญ่ไม่กล้าเงยหน้ามองรอบบ้าน

“ไม่ต้องกลัวค่ะ เราไม่ได้อยู่บ้านเขาแล้วนี่คะน้าบุษ เราออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว เขาไม่ให้เราเห็น ไม่ไล่เราแล้วละค่ะ”

หงสาพูดให้บุษบาคลายความหวาดกลัว หล่อนเดินตามสามีไปห้องโน้น ห้องนี้ เรือนครัวแยกจากตัวบ้าน เรือนสาวใช้อยู่ด้านหลังของตัวบ้านติดกับสวน หงสาเดินตามเจ้าของบ้าน อยู่ๆ ร่างบางก็ทรุดลงกองกับพื้นโดยที่ใครก็คว้าตัวหล่อนไว้ไม่ทัน วลัยพรรณเดินอยู่หน้าลูกสาว หันมาเห็นถึงกับร้องเสียงหลง

“ว้าย หงส์ เป็นอะไรลูก”

ทุกสายตาหันมาตามเสียงวลัยพรรณ นวลน้อยใจหายเห็นร่างหญิงสาวตอนตะแคงอยู่บนพื้น พวกหล่อนไม่ได้ยินอะไรเลยขณะที่หงสาล้มลง ไม่ได้ยินเสียงศีรษะกระแทกพื้นหรือเสียงร้องของหลานสาว

“ไอ้หงส์ อย่าล้อเล่นแบบนี้นะ ย่าไม่ชอบ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”

นวลน้อยทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้จะพูดอะไรจึงใช้คำสั่งที่หงสาเคยกลัวย่าน้อยของหล่อนด้วยคำพูดเข้มๆ แต่ครั้งนี้หญิงสาวนอนนิ่ง วลัยพรรณเขย่าร่างบางของลูกพร้อมเรียกชื่อ

“หงส์ เป็นอะไรรึเปล่าลูกหรือแกล้งอย่างที่ย่าน้อยพูด ถ้าอย่างนั้นรีบลุกขึ้นมาเลยนะ”

“หิวจนเป็นลมหรือเปล่าคะคุณพรรณ”

ส้มป่อยทรุดนั่งข้างวลัยพรรณ บุษบากับจิรเมธนั่งทางปลายเท้าหงสา นวลน้อยยืนมองใบหน้าหลานสาว พยายามจับผิด หลานหรือเหลนสาวคนนี้แกล้งหรือเป็นลมจริงๆ

“ผมว่าเราพาหนูหงส์กลับก่อนดีกว่าครับ ผมอุ้มเองครับ”

จิรเมธใจไม่ดี เพียงแค่หงสามาดูบ้านถึงกับล้มทั้งยืน เจ้าที่บ้านไม่ยอมให้หงสาพาคนมาซื้อหรืออย่างไร บุษบาเกาะแขนสามี มือหล่อนเย็นเฉียบ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะความกลัว

“รีบพาออกไปเถอะค่ะ หนูหงส์คงไม่ได้แกล้งหรอกค่ะย่าน้อย”

“งั้นรบกวนพ่อเมธหน่อยนะ ไปเร็ว”

นวลน้อยเป็นฝ่ายเดินนำทุกคนออกจากเรือนไทย หล่อนไม่เชื่อว่าเจ้าที่บ้านแรงแต่เข้าใจว่าหงสาหิวข้าวจนเป็นลม หงสาไม่ได้แกล้ง ไม่เคยมีอาการอย่างนี้มาก่อน ทำไมจึงล้มลงโดยไม่มีใครเห็นสักคน ไม่มีเสียงใดๆ เตือนให้รู้สักนิด หงสาลุกขึ้นนั่งขณะจิรเมธกำลังจะช้อนร่างหล่อนขึ้นสู่อ้อมแขนพาออกจากบ้าน

“อะไรคะ ทำไมหนูอยู่กับพื้นอย่างนี้ล่ะ มีอะไรคะน้า จะอุ้มหนูทำไม หนูไม่ได้เป็นอะไร”

“แกลงไปนอนกับพื้น ล้อย่าเล่นรึไง ไม่สนุกเลยนะไอ้หงส์ กลับบ้านเลย ไปพักก่อนค่อยมาดูใหม่ ตามย่ามาเดี๋ยวนี้”

นวลน้อยจ้องหน้าเหลน สายตาไม่พอใจกับ ไม่ใช่โกรธแต่กำลังคิดถึงเจ้าที่บ้านหลังนี้ ขนาดกลางวันยังแกล้งได้ ถ้าหงสาพาคนซื้อมาดูจะเป็นอย่างไร หล่อนห้ามหงสาเป็นนายหน้าขายบ้านได้หรือเปล่า เหลนหัวดื้อคนนี้จะเชื่อหรือ

“เมื่อกี้หงส์เป็นลมใช่มั้ยคะ เมื่อคืนนอนน้อยค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ”

หล่อนยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำให้ร้อนใจกับหล่อน จิรเมธยิ้มกับภรรยา ความกลัวลดลง เสียงถอนหายใจดังเกือบพร้อมกัน

หงสาไม่ง่วงอย่างที่บอกทุกคน หล่อนล้มลงไปเพราะลมพัดปะทะหน้า กลิ่นหอมฉุนของดอกไม้บางอย่างผ่านจมูก หล่อนง่วงและหลับไปในวินาทีนั้น รู้สึกตัวอีกทีจิรเมธกำลังจะอุ้มหล่อน อยากบอก อยากเล่าให้ทุกคนฟังแต่เห็นสายตาของบุษบา ความคิดจะเล่าหยุดชะงัก บุษบากำลังกลัวทำไมจะมองไม่ออก เจ้าที่แรง ใครจะกล้ามาซื้อ หล่อนคิดอยู่ในใจแต่ความคิดนั้นเปลี่ยนไป จำนวนเงินที่หล่อนต้องการจากพ่อเลี้ยงเอื้ออังกูร ทำให้หล่อนปิดบังบางอย่างไว้

แต่พอลงบันไดบ้านถึงพื้นด้านล่างเท่านั้น เท้าชะงักหยุดอยู่กับที่ทันที กลิ่นดอกไม้ลอยมาเข้าจมูก หล่อนสูดเข้าปอดอย่างลืมตัว ดอกโมก ข้างบันได หอมชื่นใจ ฉับพลัน ภาพหญิงสาวสวมชุดไทยโบราณเดินช้าๆ ไปทางหลังบ้าน หล่อนมองตามจนเหลียวหลัง ผู้หญิงคนนั้นหันมาช้าๆ ยิ้มให้หงสา

“เดินสิหงส์ มองอะไรลูก”

“เอ่อ ค่ะแม่”

เสียงวลัยพรรณทำให้หงสากะพริบตา หันมามองแม่ หล่อนอยากเห็นผู้หญิงชุดไทยอีกจึงหันกลับไปมองที่เดิม ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น

“หายไปไหนเร็วจัง”

“เออ มาเร็วๆ มัวแต่ยืนมองอะไรอยู่นั่นแหละ เร็วๆ ร้อน”

นวลน้อยส่งเสียงมาอีก หงสาจึงก้าวยาวๆ ชำเลืองมองต้นโมกแวบเดียว ดอกสีขาวบานสะพรั่งเต็มต้น กลิ่นหอมจึงฉุนเมื่อเดินเฉียดเข้ามาใกล้ๆ แต่เมื่อครู่หล่อนอยู่บนบ้าน ห่างจากต้นไม้ดอกสีขาวต้นนี้ทำไมจึงหอมฉุนจนเป็นลมได้ล่ะ

“น้าบุษปลูกต้นโมกไว้หรือคะ หอมจังเลย”

“เปล่าจ้ะ มีอยู่อย่างนี้ตั้งแต่ซื้อบ้านแล้วจ้ะ น่าจะเป็นเจ้าของคนก่อนปลูกไว้ ดอกหอมดีนะ ดอกสวยด้วย”

“ค่ะ หอมมาก เจ้าของคนใหม่ชอบดอกไม้หอมรึเปล่าไม่รู้ ยังไงหนูจะขอร้องเขาให้เก็บต้นโมกไว้”

“ใครจะซื้อ บอกน้าได้มั้ย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel