บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 ของขวัญยามดึก

อู่หลิงเยว่ยิ้มน้อย ๆ แล้วโน้มตัวลงพูดกับเด็กชายตรงหน้า 

"เจ้าหน้าตาดีที่สุดในบรรดาเด็กที่ข้ารู้จักเลยล่ะ เอาอย่างนี้ข้าเรียกเจ้าว่า ‘เสี่ยวเป่า’ ก็แล้วกัน"

นางหยุดนิดหนึ่ง แล้วยิ้มบาง ๆ "เสี่ยวเป่า แปลว่าเจ้าตัวน้อยล้ำค่าของข้าไง ชอบหรือไม่?"

ระบบตัวน้อยทำท่าบิดตัวไปมาอย่างเขินอาย ใบหน้ากลมๆ แดงเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "ขะ..ข้าชอบชื่อนี้ที่สุดเลยขอรับ!"

อู่หลิงเยว่มองดูท่าทางนั้นแล้วหัวเราะเบาๆ "ถ้าอย่างนั้น เสี่ยวเป่า เจ้าจะโผล่มาคุยกับข้าได้ โดยไม่ต้องเปิดห้างสรรพสินค้าส่วนตัวขึ้นมาได้ไหม?"

เสี่ยวเป่าทำท่าคิด ใบหน้าขมวดมุ่นอย่างจริงจังเกินวัย ก่อนพยักหน้าหงึก "ได้ขอรับ! ข้าถูกตั้งค่าให้สามารถโต้ตอบได้ในระดับพื้นฐาน คอยช่วยเหลือ ให้คำแนะนำบางประการได้"

เขาหยุดเล็กน้อย เสียงแผ่วลง "แต่..ข้ายังไม่แน่ใจว่ามันจะสมบูรณ์แบบหรือไม่ ช่วงที่แผ่นดินไหว เซิร์ฟเวอร์ของข้าได้รับความเสียหายจากต้นทางในศตวรรษที่ 21"

ดวงตากลมโตของเขากะพริบปริบอย่างสับสน "ตอนนี้พวกเราย้อนเวลามานับพันปี ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าตอบสนองได้แค่ไหน แต่ข้าจะพยายามเรียนรู้ขอรับ!"

อู่หลิงเยว่ยิ้มพลางยื่นมือหมายจะลูบศีรษะเขาแม้จะสัมผัสไม่ได้ก็ตาม 

"เจ้ากับข้าก็ตกอยู่ในเรือลำเดียวกันนั่นล่ะ เราจะค่อยๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตในโลกใบใหม่นี้ไปด้วยกันนะ"

……….

คืนวันแรก ณ หมู่บ้านหานเฉิง ท่ามกลางเสียงจิ้งหรีด เสียงไอแห้ง ๆ ของคนป่วยและกลิ่นควันที่ทหารจุดไว้รอบหมู่บ้านโชยมาทั้งคืน อู่หลิงเยว่ค่อยๆ ย่องออกจากที่พักของตนเองในความมืดตรงไปที่กระโจมของไป๋เยี่ยนหรูอย่างเงียบเชียบ โดยมีเสี่ยวเป่าคอยช่วยดูต้นทาง

พอไปถึงหน้ากระโจม หญิงสาวก็เลือกขนมปังที่หน้าตาสุดแสนจะธรรมดาที่สุดจากในห้างสรรพสินค้ายัดใส่เข้าไปในกระโจมของไป๋เยี่ยนหรูพร้อมกับส้มสองลูก

ใกล้กับกระโจมของไป๋เยี่ยนหรูเป็นกระโจมของหญิงชราแซ่หุยที่แวะมาทักทายนางเมื่อช่วงหัวค่ำ ท่านยายหุยเป็นคนในหมู่บ้านหานเฉิงแต่เดิม แต่เพราะเหลือตัวคนเดียว เรือนพักของนางจึงถูกชาวบ้านต่างถิ่นที่แข็งแรงกว่ายึดไปครอบครอง แล้วขับไล่ให้นางมาอาศัยอยู่ในกระโจมแทน

อู่หลิงเยว่แอบส่งขนมปังและส้มไปให้ท่านยายหุยกับอีกกระโจมที่มีสตรีและลูกน้อยสองคน แล้วกลับมานอนพักอยู่ในที่พักเล็กๆ ของนางดังเดิม

นางเชื่อว่าคนอ่อนแอเหล่านี้แม้จะได้รับเสบียงอาหารไปแล้ว ก็คงไม่กล้านำไปโอ้อวดใครให้เป็นภัยแก่ตัวเป็นแน่ ส่วนพวกเขาจะสงสัยหรือไม่นั่นไม่ใช่เรื่องที่นางต้องเก็บมาคิด เพราะต่อให้ทุกคนพยายามค้นหาต้นตอของแหล่งอาหารก็ไม่มีวันพบ

……….

เช้าวันรุ่งขึ้น อู่หลิงเยว่ตื่นขึ้นมาแอบสังเกตพฤติกรรมของคนที่ได้ขนมปังจากนางไปเมื่อคืนอย่างระมัดระวัง

ท่านยายหุยนั่งร่ำไห้น้ำตาซึมอยู่หน้ากระโจมพร้อมทำปากขมุบขมิบ เงยหน้ามองท้องฟ้าคราหนึ่งก่อนจะกลับเข้าไปในกระโจมเงียบๆ ส่วนสตรีแซ่ซุนวัยราวยี่สิบปลายๆ พาบุตรชายหญิงวัยเยาว์ของนางออกมาโขกศีรษะลงกับพื้นโดยไม่เอ่ยคำพูดใดๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความหวัง

ไป๋เยี่ยนหรูเก็บตัวเงียบอยู่ในกระโจม ไม่รู้ว่ายังไม่ตื่น หรือกำลังสวดมนต์ภาวนาอะไรอยู่ แต่นางมั่นใจแล้วว่าพวกเขาฉลาดพอที่จะไม่เผยพิรุธเรื่องเสบียงอาหารแปลกประหลาดที่ได้รับเมื่อคืนออกมา

ครู่หนึ่งไป๋เยี่ยนหรูก็ก้าวออกมาจากกระโจม อู่หลิงเยว่จึงตัดสินใจเดินออกไปบ้าง

“เมื่อคืน..เจ้า..ได้รับ..เจ้า..หลับสบายดีหรือไม่?” ไป๋เยี่ยนหรูถามตะกุกตะกัก

นางรู้สึกชื่นชมสตรีผู้นี้อยู่ลึกๆ เดาว่าอีกฝ่ายคงอยากถามนางว่าได้รับเสบียงอาหารหรือไม่ หรืออยากจะถามนางว่านางหิวหรือไม่ แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนคำพูดเพราะนางยังไม่อาจไว้วางใจผู้ใดได้โดยสนิทใจ

ในสถานการณ์เช่นนี้ไป๋เยี่ยนหรูยังรู้จักระมัดระวังตัว ต่อให้ดูเหมือนว่าจะเห็นแก่ตัวไปสักนิด ก็ยังดีกว่าได้พบเจอคนโง่ปากมากที่จะพาคนทั้งกลุ่มซวยกันไปหมด

“อีกเดี๋ยวเราต้องช่วยทำงาน สตรีและเด็กๆ อย่างพวกเราจะออกไปที่ชายป่าท้ายหมู่บ้านเพื่อช่วยเก็บฟืนและหาของป่าเท่าที่ทำได้ ส่วนพวกบุรุษก็จะช่วยกันตัดไม้มาเสริมรั้วหมู่บ้าน” ไป๋เยี่ยนหรูอธิบายคร่าวๆ 

อู่หลิงเยว่พยักหน้ารับรู้และเดินตามหลังกลุ่มคนอีกหลายคนที่กำลังมุ่งหน้าไปทางชายป่า

 ระหว่างนางก็ได้รับรู้สถานการณ์ของหมู่บ้านหานเฉิงจากไป๋เยี่ยนหรูเพิ่มเติมมากขึ้น

แต่เดิมหมู่บ้านหานเฉิงก็มิได้มีทหารมาคอยรักษาการณ์แต่อย่างใด แต่หลังจากที่ทุกพื้นที่ถูกโจมตี หมู่บ้านหานเฉิงที่ค่อนข้างห่างไกลและลับสายตาผู้คนจึงกลายเป็นที่หลบภัยชั่วคราวของทหารกลุ่มหนึ่ง 

ภายหลังทหารกลุ่มนั้นก็ส่งคนออกไปช่วยเหลือทหารด้วยกันเอง รวมทั้งช่วยชาวบ้านที่หนีเอาตัวรอดเข้ามารวมกลุ่มกันอยู่ในหมู่บ้าน นานวันเข้าจำนวนคนก็มากขึ้น เวลานี้มีทหารมาตั้งมั่นอยู่ที่นี่เกือบ 300 นาย ส่วนชาวบ้านก็อพยพมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้มีมากกว่า 300 ชีวิตแล้ว

เนื่องจากเป็นหมู่บ้านป่า คนในหมู่บ้านเดิมจึงไม่ได้มีพื้นที่ทำกินหรือทำการเกษตรมากนัก อาศัยเพียงจับสัตว์และหาของป่ามาเลี้ยงชีพกันอย่างง่ายๆ การเพิ่มจำนวนผู้คนที่อพยพเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้ทุกคนตกอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก

ธารน้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้านมีซากศพของมนุษย์และสัตว์ลอยมาเกยฝั่งแทบทุกวัน รวมทั้งยังมีข่าวว่าศัตรูเทยาพิษลงในน้ำไว้ด้วยจึงไม่มีผู้ใดกล้าใช้น้ำในลำธาร พวกเขาจึงมีเพียงบ่อน้ำที่ขุดทิ้งไว้ในหมู่บ้าน 3 บ่อไว้ดื่มกิน

เมื่อคนมากขึ้นอาหารก็ไม่เพียงพอ น้ำก็เหือดแห้งลงทุกวัน ช่วงแรกๆ ก็มีการแย่งชิงอาหาร ที่พัก และทำร้ายกันเองอยู่ไม่น้อย จนทหารต้องเข้ามาออกกฎบังคับให้ชาวบ้านทุกคนต้องทำตาม

ผู้ปกครองชั่วคราวของหมู่บ้านหานเฉิงในเวลานี้คือแม่ทัพเซี่ย ไป๋เยี่ยนหรูไม่เคยเห็นเขา แต่ได้ยินว่าเหี้ยมโหดและเด็ดขาดอยู่ไม่น้อย 

ชาวบ้านต้องช่วยงานทหารหลายอย่าง ไม่ว่าจะการปรับปรุงรั้วกำแพงให้แข็งแรง ช่วยกันขุดหลุมสร้างแนวรบคุ้มกันหมู่บ้าน เก็บฟืน เพาะปลูกเท่าที่ทำได้ รวมทั้งดูแลรักษาผู้ป่วยกันตามมีตามเกิด

ส่วนอันธพาลกลุ่มนั้นที่เข้ามาทำร้ายไป๋เยี่ยนหรู พวกเขาเป็นชาวบ้านที่เดินทางมาจากที่อื่น และมักจะฉวยโอกาสตอนที่ทหารดูแลไม่ทั่วถึงเอาเปรียบชาวบ้านด้วยกันเองอยู่บ่อยๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel