บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 หมู่บ้านหานเฉิง

รุ่งเช้าของอีกวัน อู่หลิงเยว่เดินทางต่อด้วยแรงที่เพิ่มขึ้นจากอาหารในมิติ กระเพาะของนางไม่ร้องครวญอีก ดวงตาเริ่มสดใส และจิตใจมั่นคงมากขึ้น

ไม่นาน นางก็เห็นควันไฟกลุ่มหนึ่งลอยอยู่เหนือยอดไม้ นางแอบซุ่มดูอยู่ครู่หนึ่งอย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่อเห็นชายชราที่จูงเด็กชายเยาว์วัยคนหนึ่งมุ่งหน้าไปทางนั้นนางก็มั่นใจแล้วว่าที่นั่นคงจะเป็นหมู่บ้านหานเฉิงเป็นแน่!

ในที่สุด นางก็มาหยุดอยู่ ณ หน้าประตูไม้เก่าแก่ของหมู่บ้านหานเฉิง ประตูบานใหญ่ถูกทาสีจางจนแทบจะเลือนราง ผ้าสีซีดแขวนไว้อย่างระมัดระวังเพื่อเตือนภัยบางอย่าง ส่วนธงเล็ก ๆ ปักอยู่ข้าง ๆ ปลิวไสวไปตามสายลมอย่างอ่อนแรง

หน้าหมู่บ้านมีชายชรากับหลานชายที่นางเห็นในป่า เดินอยู่ด้านหน้าของนาง ด้านหลังยังมีกลุ่มคนอีกสามสี่คนเดินตามมาอีก ทำให้หญิงสาวอุ่นใจว่าชาวแคว้นเหยียนที่รอดชีวิตต่างรู้กันดีว่าที่นี่คือแหล่งหลบภัยที่มีทหารดูแลคุ้มกัน

เช่นนั้นนางก็จะได้รับความคุ้มครองจากทหารที่ประจำการอยู่ด้วยเป็นแน่!

ขณะที่นางกำลังจะก้าวเข้าสู่แนวรั้วไม้ขนาดใหญ่ของหมู่บ้าน ทหารเฝ้าประตูสองนายที่รักษาความปลอดภัยอยู่เบิกตาขึ้นเล็กน้อย พวกเขาทำเพียงพยักหน้าและหันกลับไปสนทนากันต่อ ราวกับว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีผู้อพยพเดินทางเข้ามาเพิ่มทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ

“ที่นี่คือที่พักสุดท้ายของคนในแคว้นเหยียนเช่นนั้นหรือ?” หญิงสาวรำพันออกมาเบาๆ

สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของอู่หลิงเยว่นั้นแตกต่างจากภาพในจินตนาการที่นางคิดไว้มากนัก หมู่บ้านนี้ไม่ได้ร่มรื่นเป็นโอเอซิสกลางทะเลทรายที่รอต้อนรับผู้คนให้สุขสบายยิ่งขึ้น

 หากกลับเต็มไปด้วยความร้อนระอุของแดดและความอึดอัดหม่นหมอง บ้านเรือนที่เรียงรายเป็นแถวแทบทุกหลังถูกจับจองจนเต็ม

พื้นที่โล่งกลางหมู่บ้านถูกขึงด้วยผ้าหยาบ ๆ เพื่อเป็นเพิงพักชั่วคราว กลุ่มคนจำนวนมากรวมตัวกันรอบบ่อน้ำเพื่อรอการแบ่งปันน้ำดื่มที่น่าจะไม่เพียงพอกับความต้องการ 

เสียงร้องไห้ของเด็กเล็กปะปนกับเสียงไอของชายชรารวมถึงเสียงสั่งการของทหาร ทว่าทุกเสียงนั้นกลับประสานกันเป็นภาพชีวิตที่เต็มไปด้วยความลำบากและความสิ้นหวัง

เมื่อเดินลึกเข้าไปในหมู่บ้าน ทุกสายตาก็หันมามองราวกับนางเป็นเหยื่อรายใหม่ในหมู่คนหิวโหย นางรีบลดสายตา และเดินอย่างเงียบเชียบไปทางตรอกเล็กๆ เพื่อหามุมหลบพัก

“แม่นางน้อย มาคนเดียวรึ? ต้องการที่พักหรือเปล่า?” เสียงชายวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่สายตาเขากลับลามเลียไปทั่วร่างของนางอย่างน่ารังเกียจ

“ไม่ต้อง ขอบคุณ” นางตอบอย่างสุภาพ พยายามไม่แสดงท่าทีตกใจ ก่อนจะหันหลังเดินหนีอย่างเร่งรีบ

“เฮ้ ๆ อย่าเพิ่งไปสิ ข้าแค่ชวนคุยน่า!” ชายคนนั้นเอื้อมมือมาพยายามคว้าแขนของหญิงสาว

นางเบี่ยงตัวหลบแล้ววิ่งหนีไปโดยไม่หันหลังกลับ เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังตามหลังมาจนนางหลุดพ้นแนวเรือนพักเข้าไปในชายป่าใกล้ๆ

ที่นั่นเอง นางก็ได้ยินเสียงเอะอะอีกครั้ง แต่คราวนี้ต่างจากเมื่อครู่

“ปล่อยข้านะ! ช่วยด้วย!”

เสียงสตรีผู้หนึ่งตะโกนดังจากแนวกระโจมชั่วคราวไม่ไกล อู่หลิงเยว่รีบตรงไปทันที นางเห็นชายสามคนกำลังลากหญิงสาวคนหนึ่งเข้าไปในพุ่มไม้

“หยุดเดี๋ยวนี้!” อู่หลิงเยว่ตะโกนลั่น “ช่วยด้วยๆ มีคนถูกทำร้ายทางนี้” 

นางตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง เสียงของนางดังพอที่จะไปถึงแนวเรือนพักของผู้คน และมีกลุ่มคนที่หันมามองแต่พวกเขากลับก้มหน้าและเมินเฉยไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ

แต้ม! ช่วยคน! ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของนางโดยอัตโนมัติ นางตัดสินใจวิ่งเข้าไปในป่าใกล้ๆ แล้วรีบหมุนแหวน 

ครั้งนี้ระบบห้างสรรพสินค้าทำให้นางต้องตกใจไปอีกครั้ง เพราะนางกำลังคิดถึงสเปรย์พริกไทย หน้าต่างสินค้าก็แสดงมันขึ้นมาเป็นอันดับแรกโดยที่นางไม่ต้องเสียเวลากดเลือกแผนก!

 รวดเร็วดังใจคิดสเปรย์พริกไทยสองขวดก็ตกมาอยู่ในมือของนางพร้อมกับข้อความแจ้งหักแต้มที่นางไม่มีเวลาใส่ใจดู

นางวิ่งตามคนกลุ่มนั้นเข้าไปในป่า บุรุษสองคนหันมามองนางแล้วส่งยิ้มให้กันคล้ายว่าได้พบเจอเหยื่อรายใหม่

บุรุษร่างผอมฟันเหลืองสองคนตรงเข้ามาหานางทันที ส่วนอีกคนก็ผลักสตรีเคราะห์ร้ายผู้นั้นให้ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้วเหยียบแผ่นหลังนางไว้ไม่ให้หลบหนี

อู่หลิงเยว่กลัวจนแทบจะหยุดหายใจ แต่นางต้องสู้!

“อ๊าก! อะไรของเจ้านี่!?” ชายวัยกลางคนร่างผอมทั้งสองกรีดร้องพร้อมกับยกมือขึ้นปิดบังใบหน้า

อีกคนที่จับตัวหญิงสาวผู้นั้นอยู่เห็นความผิดปกติของสหาย เขารีบผละจากร่างบางบนพื้น แล้วตรงเข้ามาหาอู่หลิงเยว่หมายจะทุบตีนางที่บังอาจเข้ามาขัดจังหวะ

“อ๊าก!!” ควันบางอย่างที่แสบร้อนอย่างรุนแรงพุ่งเข้าไปในตา โพรงจมูกและปากของคนร้ายจนเขาร้องลั่นล้มลงไปอีกคน ส่วนหญิงสาวผู้นั้นก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งมาหานาง

ขณะที่นางกับสตรีแปลกหน้ายังตกใจกับเหตุการณ์ไม่หาย บุรุษทั้งสามที่ล้มกลิ้งอยู่กับพื้นก็ลุกขึ้นมาเหวี่ยงหมัดไปทั่วทั้งที่ยังลืมตาไม่ขึ้น 

อู่หลิงเยว่กำขวดสเปรย์พริกไทยเอาไว้แน่น สายตามองหาจังหวะจะเข้าไปโจมตีอีกครั้ง แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ ของคนกลุ่มหนึ่ง 

เมื่อเห็นว่าผู้ที่เข้ามาใหม่เป็นทหารแคว้นเหยียนนางก็โล่งใจ รีบโยนขวดสเปรย์พริกไทยลงไปในถังขยะของห้าง

ตายล่ะ!! นางลืมปิดสวิตช์ตัดระบบ! มันยังฉายภาพเป็นเงาสามมิติจางๆ ขนาดใหญ่อยู่เลย

“พวกเจ้ากำลังทำอะไร!?” ทหารแคว้นเหยียนสี่นายวิ่งเข้ามา

มองจากสภาพและสีหน้าของกลุ่มชาวบ้านที่ส่งเสียงโวยวายกันอยู่เมื่อครู่ ซูหลางหนึ่งในนายทหารกลุ่มนั้นก็พอจะคาดเดาได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น

"บ้านเมืองก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว พวกเจ้ายังเอาแต่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นไม่เลิก!! จับพวกมันไปขัง รอให้ท่านแม่ทัพมาตัดสิน”

อู่หลิงเยว่แอบกระโดดโลดเต้นอยู่ในใจเพียงลำพัง

นางมั่นใจว่าจอภาพขนาดใหญ่ที่เปิดค้างอยู่มันสว่างพอที่จะทำให้คนทั้งหมู่บ้านหันมาสนใจด้วยซ้ำ แต่กลับกลายเป็นว่ามีนางเพียงคนเดียวที่เห็นมันได้!

หนึ่งในอันธพาลพยายามลืมตาที่แดงก่ำจากพิษประหลาดอย่างยากเย็นตรงเข้าไปกอดขาซูหลางเอาไว้ 

“นายกองซู!! ข้าได้ยินว่าท่านแม่ทัพหายตัวไปมิใช่หรือขอรับ หากเขาไม่กลับมาเราไม่ต้องถูกคุมขังไปตลอดชีวิตเลยหรือไร!” 

“ใช่ๆ พวกเราสำนึกผิดแล้วอย่าขังพวกเราเลยนะขอรับ” อีกคนรีบคุกเข่าลง ซ้ำยังหันไปขอโทษอู่หลิงเยว่กับสตรีอีกคนอีกหลายประโยค

ซูหลางส่ายหน้าโดยไม่พูด ทหารอีกสามนายที่เหลือก็ยิ้มเยาะคนกลุ่มนั้น

อันธพาลกลุ่มนี้ก่อเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุด แต่ที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยจับได้คาหนังคาเขา พวกมันจึงฉวยโอกาสข่มขู่ผู้เดือดร้อนไม่ให้เอาผิดแล้วรอดตัวไปได้ทุกครั้ง

วันนี้เป็นโอกาสดีจริงๆ ที่จะได้ขจัดปัญหาวุ่นวายในหมู่บ้านไปได้อีกหนึ่งเรื่อง!

ซูหลางหันไปมองสตรีสองคนด้วยความแปลกใจ ด้วยกำลังของสตรีเพียงสองคนหรือจะสู้แรงของบุรุษร่างใหญ่ถึงสามคนได้ในคราวเดียว?

แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่สงสัย ก่อนที่จะเดินตามสหายคุมตัวอันธพาลทั้งสามกลับไปยังค่ายทหารชั่วคราวบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel