ตอนที่ 5
รมณีย์ค่อยๆ บิดลูกบิดประตูเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของเจ้าของบ้าน แล้วย่องกริบๆ เข้าไปยังเตียงกว้างที่มีร่างของคุณหมอหนุ่มนอนอยู่
วันนี้นายแพทย์กุลพงษ์อยู่บ้าน กลับเข้ามาได้สักชั่วโมงกว่าๆ หลังจากต้องเข้าเวรตั้งแต่ค่ำวาน สวนทางกับภรรยาที่ออกไปทำงานตามเวลาปกติของคนส่วนใหญ่
คุณหมอหนุ่มนอนหงาย มือข้างหนึ่งวางแปะบนหน้าท้อง อีกข้างวางราบแนบไปกับลำตัว ขาข้างหนึ่งคู้เข่าขึ้นมาเล็กน้อย คล้ายท่านอนของเด็ก แต่เพราะเขาไม่ใช่เด็ก แถมยังเป็นหนุ่มหล่อหุ่นสูงเพรียวแข็งแกร่ง จึงทำให้ผู้บุกรุกยืนมองด้วยตาเป็นประกาย
“หลับเป็นตายเชียวนะหมอ ก็ดี จะได้ดูหน้าถนัดๆ หน่อย”
หญิงสาวผู้สมควรใช้คำว่า ‘รอบจัด’ พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างเตียง มองใบหน้าหล่อเหลาระเรื่อยไปถึงแผงอกล่ำสัน หน้าท้องลาดเรียบไปถึงโคนขาอ่อนภายใต้ชุดนอนปาจามาลายทางเนื้อผ้าเบา
เจ้าหล่อนหายใจแรง อารมณ์แทบเตลิดเมื่อเพ่งพิศร่างสมส่วนชายชาตรีที่นอนหายใจสม่ำเสมอ ไม่รู้สึกรู้สาถึงการบุกรุกของเธอ
‘โถ... คงไม่ได้นอนทั้งคืน ทำยังไงดีนะ ทั้งหล่อทั้งน่ารักอย่างนี้? อา! นี่น่าจะเป็นโอกาสทองของเราไม่ใช่หรือ’
ตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนอนออกทีละเม็ด
หัวใจสาวเต้นระทึก เมื่อเห็นหน้าอกกว้างแข็งแรงแน่นตึงไปด้วยกล้ามแข็งจากนั้นก็ดึงกางเกงนอนขอบยางยืดอย่างเบามือ
ตาของหล่อนลุกวาวเมื่อได้ยลสัญลักษณ์ความเป็นชาย ขนาดว่ายามอ่อนตัวก็ยัง...
“แม่เจ้าโว้ย! อะไรมันจะ...”
ความคิดซุกซนเข้าข่ายลามกทำเอาเกือบจะเผลอหัวเราะคิกออกมา ต้องรีบยกมือปิดปาก
คุณหมอหนุ่มที่คงจะเพลียจัดจริงๆ ยังนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น ทำให้แผนการของหญิงสาวผู้กำลังกินบนเรือนถ่ายรดบนหลังคาดำเนินไปอย่างราบรื่น
ถอดเสื้อคุณหมอหนุ่มแล้วทีนี้ก็ถึงตาตัวเองต้องถอดบ้าง ซึ่งก็ใช้เวลาเพียงไม่อึดใจใหญ่ก็อยู่ในสภาพล่อนจ้อน จากนั้นก็ล้มตัวลงเคียงข้าง
ดูเหมือนโชคจะเข้าข้าง เพราะขณะกำลังหามุมกล้องดิจิตอลที่ติดมากับโทรศัพท์มือถือ เพื่อจับภาพตัวเองกับคุณหมอหนุ่มนั้น นายแพทย์กุลพงษ์ก็พลิกตัว เปลี่ยนท่านอนเป็นตะแคง หันหน้าเข้าหาผู้บุกรุกไม่พอ แขนข้างหน้าหนึ่งยังพาดโอบลงบนกึ่งกลางลำตัวสาวเจ้าโดยไม่รู้ตัวเลย
รมณีย์รีบกดปุ่มเก็บภาพ...หนึ่งครั้ง...สองครั้ง และสาม กันไว้ก่อน แม้แน่ใจว่าระบบบันทึกคงไม่มีอะไรขัดข้องอยู่แล้ว
ได้ภาพที่ต้องการ ก็มองหน้าสะอาดคมสันยิ่งกว่าชวนมองอย่างดื่มด่ำ อารมณ์ปรารถนาพุพุ่งขึ้นมาแทบจะระงับเอาไว้ไม่หวาดไม่ไหว มือนุ่มๆ จึงเริ่มลูบเบาๆ ไปตามแผงอกกว้างตึงด้วยมัดกล้ามบ่งบอกว่าคุณหมอของหล่อนคงหาเวลาเข้าฟิตเนสบ่อยๆ เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นรูปร่างคงไม่เฟิร์มขนาดนี้ ขนาดว่าทำเอาหล่อนแทบน้ำลายไหลนั่นเลย
‘คนอะไรขี้เซาเป็นบ้า ดูเถอะยังไม่รู้ตัวอีก อยากรู้จริงจริ๊ง ตื่นขึ้นมาตอนนี้จะว่ายังไง แต่เดี๋ยวได้รู้กัน’
‘เดี๋ยว’ ของสาวเจ้าเล่ห์แค่อึดใจ เพราะหล่อนต้องการให้คุณหมอหนุ่มตื่นขึ้นมารับรู้กับสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ จึงขยับเข้าไปแนบชิดร่างเพรียวแกร่งมากยิ่งขึ้น มือลูบแผงอกกว้างเน้นหนักขึ้นอย่างจงใจ
คุณหมอหนุ่มไม่ได้ตื่นเพราะสัมผัสรุกเร้าที่ทวีความหนักหน่วง แต่ตื่นในลักษณะเรียกได้ว่าสะดุ้งตื่นเพราะน้ำหอมกลิ่นฉุนเฉียวลอยกระทบฆานประสาท ซึ่งภรรยาของเขาไม่เคยใช้น้ำหอมกลิ่นแรงแบบนี้ ยิ่งเวลาจะนอนก็ไม่เคยใช้น้ำหอม มีก็แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกลิ่นเนื้อปนกลิ่นแป้งกระป๋องสำหรับทารกเท่านั้น
อันดับแรกดวงตาเขาเบิกโพลงก่อนจะลุกพรวด
“ตื่นแล้วหรือยังคะ หมอขา?”
เสียงถามหวานสนิททำเอาเขาขนลุก
“เธอ...”
นายแพทย์กุลพงษ์ใจหายวาบทันทีที่ได้สำนึกว่าไม่มีเสื้อผ้าติดกายแม้สักชิ้นเดียว และผู้หญิงที่ลุกขึ้นนั่งข้างๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกัน
“นี่เธอเกิดจะทำบ้าอะไร?”
“ณีต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามหมอ แหม...นี่หมอจำอะไรไม่ได้เลยหรือคะ”
หล่อนถามเสียงเย้ายวน ชายมองเขาตาเยิ้มเมื่อคุณหมอหนุ่มผลุนผันลงจากเตียง ก้มลงคว้าเสื้อมาสวมกลับ เป็นโอกาสให้หล่อนได้มองเขาตลอดร่างเปลือยเต็มตา แม้จะกินเวลาไม่นาน แต่ภาพชายหนุ่มที่มีเรือนร่างแข็งแกร่งอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำก็ติดตาตรึงใจหล่อนเสียเหลือแล้ว
“ออกไปได้แล้ว ถ้าอยากทำบ้าก็เชิญไปที่อื่น”
“แหม! พอได้ณีสมใจแล้วก็ไล่เชียวนะคะ”
“ได้บ้าได้บออะไรล่ะ เธอคิดว่าฉันโง่สักขนาดไหนถึงคิดว่าฉันจะเชื่อว่าตัวเองหลับนอนกับผู้หญิงคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว”
“ค้า...คุณหมอน่ะฉลาดนักแหละ แต่ไม่เคยได้ยินหรือคะคำพังเพยปลาตายน้ำตื้นน่ะ”
“เธอหมายความว่ายังไง?”
