ตอนที่ 6
“หลักการง่ายๆ จะมีใครสักกี่คนเชื่อว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นในห้องนี้ถ้ามาพบณีอยู่กับหมอตามลำพังในสภาพ...นี้”
ประกอบคำพูด หล่อนยืดร่างเปลือยของตัวเองขึ้นให้นายแพทย์หนุ่มได้เห็นสัดส่วนยวนตาเต็มตา แต่แทนทีที่เขาจะมองอย่างชื่นชม สายตาเขากลับดูเหมือนว่าเห็นอสรพิษปรากฏอยู่ตรงหน้า
“และนี่ค่ะ ภาพถ่ายยืนยันว่าเมื่อตะกี้นี้เราอยู่ในสภาพคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากว่าเราคงจะผ่านอะไรๆ มาด้วยกันแบบสุดเหวี่ยงจนอ่อนเพลีย แล้วหมอเก๊าะ... กกณีหลับไปกับอก”
บนจอแอลซีดีของโทรศัพท์มือถือติดกล้องดิจิตอลที่ถูกยื่นเข้ามาใกล้ให้เขาได้มองเห็นชัดๆ ทำเอาคุณหมอหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกสาปไปชั่วครู่ พอได้สติก็ทำท่าจะคว้าเครื่องมือสื่อสารทันสมัยนั้นมาทำลายให้สิ้นซาก แต่รมณีย์ก็ไวทายาด กระซากแขนกลับก่อนคุณหมอหนุ่มจะคว้าหมับลงมาบนเป้าหมาย
“อ๊ะอ๊ะ!” หล่อนทำเสียงยั่วเขา “ไม่ต้องคิดอะไรอย่างนั้นเลยคุณหมอสุดที่รัก แล้วก็ขอบอก ถึงหมอจะทำลายโทรศัพท์พร้อมซิมเครื่องนี้ได้ณีก็ยังมีสำรอง เพราะได้ส่งเข้ามือถืออีกเครื่องที่อยู่ในห้อง ซึ่งเวลานี้ล็อกกุญแจ และหมอก็คงไม่คิดว่าณีจะยอมให้หมอได้เข้าถึงฐานข้อมูลสำรองเด็ดนี้ได้ง่ายๆ หรอกนะคะหมอขา”
“เธอต้องการอะไร?” กุลพงษ์ถาม หลังจากตั้งสติได้แล้ว “อยากได้เงินเพื่อแลกกับภาพบ้าๆ นั่นอย่างนั้นหรือ?
“เงิน ณีก็อยากได้หรอกค่ะ แต่ว่า...มันมีอย่างอื่นที่ณีต้องการมากกว่านะสิคะ”
“อะไร?”
“เอ...ยังไม่บอกดีกว่า เอาไว้หมอเก็บไปคิดเป็นการบ้านเล่นๆ ไปพลางๆ ก่อนละกันนะคะ”
“นี่เธอคิดจะเล่นเกมอะไร?” ถามเสียงห้วนทั้งที่กำลังวิตก และยังคิดวิธีแก้ปัญหาไม่ได้ว่าควรจะทำอย่างไร
บ้าจริงๆ! ถ้าคืนที่ผ่านมา เขาจะไม่อดหลับอดนอนผ่าตัดคนไข้อาการหนักจากอุบัติเหตุติดต่อกันหลายชั่วโมง พอคิดว่าจะเวลางีบเอาแรงสักนิดคนไข้ผ่าตัดกระเพาะอาหารรายหนึ่งก็เกิดเลือดออกไม่หยุด กว่าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ได้เวลาออกเวรพอดี เขาก็คงไม่หลับเป็นตาย ให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำร้อยสีพันอย่างโดยที่ไม่รู้สึกตัวสักนิดแบบนี้
บางทีเขาอาจจะสะเพร่าเกินไปที่ไม่ได้ล็อกประตูห้องนอน แต่ก็นั่นแหละ ถึงล็อกรมณีย์ก็คงหากุญแจมาไขเข้ามาจนได้ อีกอย่างเขาก็ไม่เคยล็อกประตูห้องนอนแต่ไหนแต่ไรมา เพราะรู้ว่าจะไม่มีใครเข้ามาหากรู้ว่าเขาหรือภรรยาอยู่ในห้อง หากมีธุระด่วนอะไรต้องแจ้ง ก็จะเคาะประตูและรอให้อนุญาตเสียก่อนจึงจะเข้ามา ประเภทแอบลักลอบเข้ามาแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้น
“ณีไม่ได้คิดจะเล่นเกมนะคะ”
เสียงแย้งมาปนหัวเราะคิกคัก
“ถ้าคิดจะเล่น ก็คงเล่นหมอน่ะแหละค่ะ ก็หมอน่ะน่าเล่นจะตายไป”
กุลพงษ์ขึงตาขุ่นๆ ใส่หน้าระบายยิ้มนั้นทั้งๆ โหนกแก้มปรากฏสีระเรื่อเพียงนึกไปว่าแม่สาวอสรพิษที่เขาไม่ไว้ใจแต่แรกคนนี้คงสองสำรวจเรือนร่างเขาเต็มตาไปแล้ว ก็ยังดีอยู่หรอกที่หล่อนไม่ถ่ายภาพนู้ดแบบโจ๋งครึ่มของเขาเอาไว้ หล่อนคงจะตั้งใจถ่ายภาพที่ใครได้เห็นก็ต้องสรุปเป็นเสียงเดียวอย่างที่หล่อนพูดไว้แต่ต้น เมื่อให้เขาดูภาพที่หล่อนถ่ายไว้
“ถ้ายังคิดไม่ออกว่าต้องการอะไรก็เชิญออกไปได้ ออกไปจากบ้านนี้เลยยิ่งดี”
“แหม! ใจคอหมอจะไล่เมียทั้งคนออกจากบ้านได้เชียวหรือคะหมอขา”
“เธอ....”
“ณีคิดออกแล้วล่ะค่ะว่าต้องการอะไร สิ่งที่ณีต้องการ...ความรับผิดชอบจากหมอไงคะ”
“บ้า! เธอน่ะบ้าไปแล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอแล้วเรื่องอะไรจะต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ”
“แปลว่าหมออยากให้พี่ฝน เมียสุดที่รัก แม่ของลูกชายหมอได้เห็นภาพนี้อย่างนั้นหรือคะ? เสียงถามท้าทายเมื่อวางไพ่ใบเด็ด
“ไม่!” เสียงนายแพทย์หนุ่มยิ่งกว่าสำลัก ต่อให้เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ภาพที่ผู้หญิงคนนี้มีในครอบครองจะยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งความจริงไม่ได้เกิด
เขาไม่คิดว่าจะมีใครเชื่อว่า เขาถูกจับเปลื้องผ้า ถูกจัดท่าทางเหมือนกำลังกกกอดผู้หญิงคนนี้หลังอิ่มเอมกับความสุขจนผล็อยหลับไปในอ้อมแขนกันและกัน ขณะเขาหลับเป็นตาย
เพียงแค่เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้สักครึ่งทาง คนที่ฟังก็คงตราหน้าเขาทันทีว่าโกหก
“แปลว่าหมอไม่อยากให้พี่ฝนได้เห็นภาพนี้ใช่มั้ยคะ”
รมณีย์ถามเสียงหวานอย่างเป็นต่อ เมื่อเห็นท่าทางอัดอั้นตันใจของนายแพทย์หนุ่ม
“แน่ล่ะ” เขาแทบจะกัดฟันตอบ
“งั้นก็แลกกัน หมอจะต้องยอมรับณีเป็นเมียหมออีกคน”
“นี่เธอ...”
“ยังไม่เริ่มภายในวันสองวันนี้ก็ได้ ณียินดีให้หมอมีเวลาตั้งตัวสักพัก ส่วนเรื่องจะอธิบายกับพี่ฝนยังไงนั้น...ณียกให้เป็นธุระของหมอก็ละกัน”
“แล้วเธอคิดว่าฝนเขาจะรู้สึกยังไงไม่ว่าได้เห็นภาพนี้หรือฉันทำตามที่เธอเรียกร้อง”
“นั่นมันเรื่องความรู้สึกของเมียหมอ ไม่เกี่ยวกับณี”
“เธอนี่มัน...”
มือตกแนบลำตัวทั้งสองข้างของคุณหมอหนุ่มกำเป็นหมัดแล้วคลายแล้วกำ แสดงว่าเขากำลังพยายามระงับอารมณ์เต็มที่เพื่อที่จะไม่กระโจนเข้าทำร้ายผู้หญิงเป็นครั้งแรกให้เสียประวัติ
