ตอนที่5
พิธีวิวาห์ดำเนินไปอย่างราบรื่นตามแบบแผนที่วางไว้ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างพากันชื่นชมยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เหมาะสมกันอย่างไม่มีที่ติ ทุกอย่างผ่านพ้นไปโดยไร้อุปสรรคจวบจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของค่ำคืนนี้
“แต่งงานแล้วก็รีบมีหลานให้พ่อกับแม่อุ้มเร็วๆ นะลูก” คุณหญิงจารุณีเอ่ยก่อนที่จะส่งทั้งคู่เข้าห้องหอ
“อาฝากดูแลน้องด้วยนะภูวิน”
“ครับ ผมจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลยครับ” ภูวินให้คำมั่นอย่างไม่ค่อยจริงใจ ตอนนี้เขาอยากให้ทุกคนกลับไปให้หมดเร็วๆ เพื่อที่ะได้ออกไปจากที่นี่
“ดึกมากแล้วเราปล่อยให้พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันดีกว่าค่ะ” แม่ของญาดาเอ่ยขึ้นเพื่อให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน
ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนหันหลังเดินจากไปหลังจากร่ำลากันเสร็จสรรพเหลือเพียงชายหนุ่มอีกหนึ่งคนที่ยังไม่ยอมไปไหนเสียทีเพราะยังไม่ได้อวยพรให้เพื่อน
“ฉันขอให้ทั้ง...”
“หยุด! แกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ภูวินยกมือห้ามปรามไม่ให้เพื่อนพูดต่อ เขาไม่ต้องการคำอวยพรอะไรทั้งนั้น
“เอ้า! อะไรวะฉันอุตส่าห์คิดคำมาตั้งนาน” คิมหันต์ทำหน้าไม่สบอารมณ์ทันทีที่โดนขัดจังหวะ
“ไปรอฉันที่ลานจอดรถ อีกสิบนาทีเดี๋ยวฉันลงไป” ภูวินกระซิบข้างหูเพื่อนสนิทให้ได้ยินกันแค่สองคน ญาดาได้แต่ยืนมองด้วยความสับสนและมึนงง
“หมายความว่าไง”
“ไปได้แล้ว ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” ภูวินผลักเพื่อนให้เดินเข้าลิฟต์พร้อมทั้งกดชั้นให้เสร็จสรรพ ส่วนคิมหันต์ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่ก็ยอมทำตามที่เพื่อนบอก
ภายในห้องหอเงียบสงัดไร้เสียงพูดจาของคู่บ่าวสาวที่ต่างพากันเงียบใส่กันจนดูน่าอึดอัด ญาดารู้สึกประหม่ากับบรรยากาศที่ชวนกระอักกระอ่วนจนทำตัวไม่ถูกว่าควรเริ่มต้นอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้
“พี่ภูจะอาบน้ำก่อนไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามสามีหมาดๆ ด้วยความประหม่า
“...” ภูวินไม่ตอบแต่กลับถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่ต่อหน้าต่อตาจนญาดาต้องเมินหน้าหนี
“จะหันหนีไปไหนล่ะ เธอจะได้เห็นจนชินตาเลยแหละ” ภูวินย่างก้าวเข้าใกล้ประชิดตัวจนหน้าท้องงามลอนแทบจะชนกับใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่
“พี่ภูไปอาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ” ญาดายังคงเสมองทางอื่นไม่กล้ามองรูปร่างที่แสนเพอร์เฟกต์ของเขาอย่างเต็มตา
“เธออยากจะอาบพร้อมกันไหมล่ะ” มือหนาลูบไล้ต้นแขนขาวเนียนชวนให้อีกฝ่ายขนลุกซู่
“พี่ภู”
“ฮ่าๆ คิดว่าฉันจะทำอะไรเธอหรือไง เพ้อเจ้อ” ร่างสูงยืนเท้าเอวหัวเราะร่าสะใจที่ได้แกล้งคนตรงหน้าให้คิดไปเองคนเดียว
“คะ?” ญาดาคิ้วขมวดเป็นปมใหญ่ไม่เข้าใจการกระทำของเขาทั้งหมด
“ฉันจะไปกินเหล้ากับไอ้คิม เธอจะทำอะไรก็เรื่องของเธอ” ภูวินพูดพลางเดินไปหยิบเสื้อผ้าสำรองในตู้ขึ้นสวมใส่แล้วทั้งท่าจะเดินออกจากห้องหอ
“พี่ภูจะไปจริงๆ เหรอคะ”
“ใช่ แล้วจะทำไม”
“แต่คืนนี้คืนเข้าหอของเรานะคะ คุณแม่ก็บอกว่าห้ามออกไปข้างนอก” ญาดาจับแขนเขาเอาไว้ราวกับว่ากำลังรั้งให้เขาอยู่กับเธอ
“แล้วไง?” ภูวินทำยักไหล่ไม่ยี่หระ เขาไม่ได้สนใจธรรมเนียมเหล่านี้อยู่แล้วที่ยอมแต่งงานด้วยก็เพราะตัดความรำคาญเท่านั้น
“แต่ว่า...”
“หรือว่าเธออยากทำ งั้นให้ฉันโทรตามใครสักคนมาให้ดีไหม หรือคนเดียวไม่พอ”
“พี่ภู! หยกไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ” ญาดาตะคอกเขาเสียงดัง เธอโกรธที่เขาดูถูกเธอ
“ปล่อยได้แล้ว” เสียงเข้มออกคำสั่งกับคนที่ยังจับแขนเขาไม่ยอมปล่อย
“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ปล่อย!” ภูวินออกแรงกระชากแขนออกเล็กน้อยก็หลุดออกจากการเกาะกุมของมือเล็กที่เกาะแน่น
“พี่ภู...” เสียงหวานแผ่วลงช้าๆ เมื่อผู้เป็นเจ้าบ่าวก้าวเท้าออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง
ภูวินเดินผิวปากอารมณ์ดีมาถึงรถสปอร์ตคันหรูของเพื่อนสนิทที่รออยู่ เขาไม่ได้รู้สึกผิดหรือละอายใจกับสิ่งที่ทำเลยแม้แต่น้อย
“ทำแบบนี้จะดีเหรอไอ้ภู” คิมหันต์กลับรู้สึกผิดแทนเพื่อนเสียเอง เขาไม่น่าทำตามที่เพื่อนบอกเลย
“แกก็อีกคนเหรอเนี่ย”
“แกทิ้งคุณหยกมาแบบนี้ไม่รู้สึกผิดบ้างหรือไงวะ”
“ทำไมต้องรู้สึก ฉันบอกแล้วไงว่าฉันรอวันหย่ากับผู้หญิงคนนั้นจนทนไม่ไหวแล้ว” ภูวินไม่ได้พูดเล่น เขาพูดความจริงที่ออกมาจากความรู้สึกจากใจจริงๆ
“แกนี่ก็เนอะ คุณหยกทั้งสวย ทั้งดีขนาดนั้นยังทำเธอได้ลงคอ”
“แกเพิ่งเจอแม่นั่นแค่วันเดียวจะไปรู้อะไร เห็นทำนิ่งๆ เงียบๆ แบบนั้นแสดงทั้งนั้น”
“แต่ยังไงก็น่าสงสารเธอออก” คิมหันต์ไม่เชื่อคำพูดของเพื่อนมากนัก เพราะสิ่งที่เขาเห็นจากแววตาของญาดาที่มองเพื่อนสนิทก็รู้ได้ว่าเธอรักและให้เกียรติภูวินมาก มีแต่เพื่อนของเขานี่แหละที่ไปทำร้ายจิตใจของเธอ
“หรือแกอยากจะขึ้นไปแทนฉันไหมล่ะ”
“จะบ้าหรือไง นั่นเมียแกนะเว้ยจะให้ฉันไปตีท้ายครัวหรือไงไอ้เวรนี่!” คิมหันต์โพล่งขึ้นทันควัน เขาไม่ได้มีความคิดจะตีท้ายครัวเพื่อน ต่อให้ญาดาจะเป็นผู้หญิงในอุดมคติของเขากมากแค่ไหนก็ตาม
“เมียบ้าอะไร ก็แค่แต่งในนามเฉยๆ คอยดูเลยแม่นั่นต้องเป็นคนขอฉันหย่าด้วยตัวเองแน่นอน”
“เอาเถอะๆ แกจะทำอะไรมันก็เรื่องของแก แต่สักวันระวังกรรมจะตามสนอง” หน้าที่ของเพื่อนสนิททำได้แค่เตือนสติเท่านั้น ต่อจากนี้ภูวินจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของอีกฝ่าย เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้มากไปกว่านี้
ในขณะที่ฝ่ายเจ้าบ่าวไปเริงร่ากับชีวิตที่แสนอิสระของตนเอง ทางด้านญาดาทำได้แค่นั่งกอดเข่าในชุดเจ้าสาวแสนสวยสายตามองชุดสูทสีขาวที่เขาถอดทิ้งเอาไว้ก่อนจะออกไป
“ทำไมเราต้องรักเขาด้วยนะ” เธอรักเขามาหลายปี รอเขามาตลอดอย่างมีความหวัง ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาจากการแต่งงานในคืนแรกนั่นคือความโดดเดี่ยว
ญาดายังคงมองในแง่ดีว่าเขาอาจจะยังไม่ชินกับการที่ต้องทนอยู่กับเธอ ผู้หญิงจืดชืดที่ไม่มีอะไรชวนให้น่าพิศวาสในสายตาเขา ต่อให้แต่งงานกันแล้วเขาก็ยังไม่แม้แต่จะเหลียวตามองเธอ
“วันต่อๆ ไปอาจจะดีขึ้นก็ได้” หญิงสาวพร่ำปลอบใจตัวเองในวันที่ถูกเขาทอดทิ้งไป หากเมื่อเวลาผ่านไปเธออาจจะยังมีความหวังน้อยๆ เกิดขึ้นก็เป็นได้
