ตอนที่3
หญิงสาวรอคอยผู้เป็นคู่หมั้นมาตลอดสองปีเต็ม วันนี้เป็นวันที่เขาเดินทางกลับบ้านหลังจากเรียนจบ ภูวินต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของตนเองนั่นคือการแต่งงานกับญาดา
“นั่นไงตาภูมาแล้ว” ผู้เป็นแม่เห็นลูกชายเดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาก็รีบยกมือส่งสัญญาณให้ลูกเห็นทันที
“คิดถึงจังเลยครับแม่” ภูวินโผเข้ากอดแม่ให้หายคิดถึง สองปีที่ไปเรียนต่อเขาไม่ได้หวนกลับมาประเทศไทยอีกเลยถ้าไม่ติดว่าโดนเรียกกลับบ้านมาเขาก็คงอยู่ที่นู่นถาวร
“ไม่ต้องทำเป็นอ้อนเลย คิดถึงแต่ไม่คิดจะกลับมาหาแม่”
“ผมรีบเรียนให้จบจะได้กลับมาทีเดียวไงครับ”
ญาดายืนมองสองแม่ลูกกอดกันกลมอย่างยิ้มๆ เธอไม่กล้าเข้าไปทักทายกลัวจะเสียมารยาทเพราะเธอเป็นแค่คู่หมั้น หญิงสาวเว้นระยะห่างอยู่อย่างเจียมตัวไม่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดแม้ในใจอยากกอดเขาสักครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้
“หนูหยกมาทักทายพี่เขาสิลูก” คุณหญิงจารุณีเรียกว่าที่ลูกสะใภ้ที่มาด้วยกันให้เข้ามาทักทายลูกชาย
“สวัสดีค่ะพี่ภู ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ” ญาดายกมือไหว้อย่างมีมารยาท ทว่าอีกฝ่ายกลับมองนิ่งๆ แล้วเมินหน้าหนี
“อืม” ภูวินตอบแค่เพียงสั้นๆ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับผู้เป็นแม่ทำราวกับว่าญาดาเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ
“หิวไหมลูกแม่ให้คนเตรียมของโปรดไว้รอแล้วนะ”
“ดีเลยครับ คิดถึงอาหารไทยจะแย่” ภูวินเดินจับมือไปกับแม่โดยที่ลืมไปว่ามีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่ด้วย
“แล้วคุณพ่อไม่มารับผมเหรอครับ น่าน้อยใจจริงๆ”
“คุณพ่อท่านติดประชุมน่ะลูก” คุณหญิงจารุณีอาสามารับลูกชายแทนสามีที่ติดประชุมด่วนด้วยตัวเอง โชคดีที่ญาดามาด้วยทำให้เธอไม่ต้องมารอคนเดียว
ญาดามองแผ่นหลังกว้างของคนที่คิดถึงแทบไม่ละสายตา เธอขอตามมาสนามบินด้วยเมื่อรู้ข่าวว่าเขาจะกลับมาวันนี้ ทว่าเธอทักทายเขาได้แค่ไม่กี่คำก็โดนเมินเสียแล้ว
บ้านหลังใหญ่จัดเตรียมโต๊ะอาหารรอต้อนรับลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ครอบครัวญาดาก็ถูกเชิญมาร่วมรับประทานอาหารเย็นในวันนี้เช่นกัน
“ยินดีด้วยนะภูวิน” ยุทธนาแสดงความยินดีกับภูวินที่เรียนจบปริญญาโทมาหมาดๆ
“ขอบคุณครับคุณอา” ภูวินยกมือไหว้ขอบคุณเพื่อนสนิทของพ่อที่อีกไม่นานเขาคงต้องเรียกพ่อตา
หญิงสาวนั่งฝั่งตรงข้ามกับคู่หมั้นของตนโดยที่ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา เธอทำได้แค่ลอบแอบมองเขาอยู่เป็นระยะ แม้ใจอยากจะทักทายแสดงความยินดีกับเขามากกว่านี้ แต่ก็ไม่กล้า
“เรากินไปคุยไปดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา” ประมุขของบ้านเอ่ยพร้อมกับส่งสายตาดุๆ มองไปยังลูกชายที่ไม่คิดจะทักคนเป็นพ่ออย่างเขา
“มองผมทำไมครับพ่อ”
“แกกลับมาไม่คิดจะทักทายฉันเลยหรือไง”
“ผมกลับมาแล้วครับ” ชายหนุ่มพูดหน้านิ่งๆ ทำเป็นประชดประชันให้ผู้เป็นพ่อมีน้ำโห
“ไอ้ลูกไม่รักดี”
“คุณคะ ลูกกลับบ้านทั้งทีจะชวนลูกทะเลาะทำไมล่ะคะ เรามีแขกอยู่ด้วยเกรงใจหน่อยสิคะ” คุณหญิงจารุณีเอ็ดสามีคำโต เธอเหนื่อยหน่ายกับการทะเลาะกันของสองพ่อลูกคู่นี้จริงๆ เจอหน้ากันครั้งแรกในรอบสองปีก็เริ่มมีปากเสียงกันอีกแล้ว
“คราวนี้แกไม่มีข้ออ้างให้หนีอีกแล้ว” ผู้เป็นพ่อคาดโทษชี้หน้าลูกชายโดยไม่กล้าส่งเสียงดังเพราะกลัวโดนภรรยาดุอีก
“หนูหยกลองชิมจานนี้สิลูก” คุณแม่สามีในอนาคตเลิกสนใจสามีและลูกชายตนเองแล้วหันไปคุยเสียงหวานกับว่าที่ลูกสะใภ้ที่น่ารัก น่าเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
“เลิกเรียกป้าได้แล้ว หนูต้องฝึกเรียกคุณแม่แล้วนะ” คุณหญิงจารุณีคาดหวังกับการได้ญาดามาเป็นลูกสะใภ้ไม่น้อยไปกว่าสามี เธอเห็นญาดามาตั้งแต่เด็กทั้งรัก ทั้งเอ็นดูเหมือนลูกของตนเองตามประสาคนที่อยากมีลูกสาว แต่ไม่มีเสียที
“คือว่า...”
“เรียกลุงว่าคุณพ่อด้วยนะ” สองสามีภรรยาช่วยเสริมทัพกันยกใหญ่ไม่ได้หันไปมองหน้าลูกชายของตนเองตอนนี้เลย
“เฮ้อ! จะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ” ภูวินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเสมองทางอื่น เขาทนมองท่าทีอึกอักของญาดาต่อไปไม่ไหว แค่เห็นก็รู้สึกหงุดหงิดจะแย่
“ลูกนี่ขยันทำบรรยากาศเสียจริงๆ เลยนะภู” คราวนี้เป็นแม่ที่หันมาเอ็ดลูกชายด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก
“ขอโทษค่ะ” ญาดาเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
“อะแฮ่ม! เราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” เมื่อบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนเจ้าของบ้านจึงทำการเปลี่ยนเรื่องเพื่อเข้าประเด็นหลักที่จะคุยกันวันนี้
“ฉันอยากให้ตาภูแต่งงานกับหนูหยก จัดงานเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เรื่องสินสอดทางนายเรียกมาได้เลยฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ประกาศต่อหน้าทุกคนก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนสนิทซึ่งเป็นพ่อของญาดา
“เรื่องสินสอดฉันไม่ได้จะเรียกร้องอะไรหรอก แค่รับปากว่าจะดูแลลูกสาวฉันก็พอ” คนเป็นพ่อไม่ได้คาดหวังกับเงินสินสอดของลูกสาวแม้แต่บาทเดียว เพียงแค่ขอให้ลูกมีคนดูแลในวันที่ตนไม่อยู่ก็พอ
“ฉันรักหนูหยกเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเองนายก็รู้”
“แบบนั้นฉันก็สบายใจหน่อย แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหยก ฉันไม่อยากบังคับลูก” ยุทธนามองลูกสาวที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำทักท้วงอะไรออกมา เขาไม่กล้าตัดสินใจแทนลูกเพราะเรื่องนี้มันคืออนาคตของญาดา
“หนูหยกว่ายังไงลูก อยากแต่งงานกับพี่เขาไหม” คุณหญิงจารุณีเอื้อมไปกุมมือหญิงสาวพร้อมด้วยสายตาอ้อนวอนขอร้องไม่ให้เธอปฏิเสธ
“คือ...เอ่อ...หยกไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ ถ้าพี่ภู...”
“จะแต่งก็แต่ง อยากจัดงานอลังการงานสร้างแค่ไหนก็เรื่องของทุกคนเลยครับ” ภูวินโพล่งขึ้นในจังหวะที่ญาดากำลังเอ่ย เขาทนรอให้อีกฝ่ายอ้ำอึ้งต่อไปไม่ไหวจึงตัดปัญหาด้วยการประชดประชันยอมแต่งงานไปเสียจบๆ
“ดี! งั้นก็ตกลงตามนี้ เรื่องจัดงานทางฉันจะจัดการเองส่วนเรื่องสินสอดฉันรับปากว่าจะไม่ให้เสียหน้าแน่นอน” คนที่ดูดีใจที่สุดในวันนี้เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับผู้เป็นลูกชายที่ได้แต่นั่งกอดอกจ้องหญิงสาวฝั่งตรงข้ามตาขวางจนอีกฝ่ายไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาด้วย
ภูวินคาดโทษญาดาโดยที่ไม่มีคำพูดแม้แต่คำเดียว เขาใช้สายตาจ้องเขม็งเป็นการข่มขู่ให้เธอหวาดหวั่น ซึ่งแน่นอนว่าญาดาประหม่าทุกครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนั้น
