บท
ตั้งค่า

ตอนที่2

ญาดาเด็กหญิงตัวเล็กในวันวานไม่มีอีกแล้ว เธอเรียนจบปริญญาตรีได้สองปีและตอนนี้ก็กำลังทำงานที่ร้านเบเกอรี่ของรุ่นพี่ที่รู้จักกัน ทว่าคำมั่นสัญญาของเหล่าผู้ใหญ่ยังคงอยู่ไม่แปรเปลี่ยน แหวนเพชรเม็ดเล็กบนนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวเปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจได้เป็นอย่างดีว่าเธอกับเขาเป็นคู่หมั้นกัน

ญาดาและภูวินหมั้นหมายตามความเห็นชอบของครอบครัว สองตระกูลเกี่ยวดองกันด้วยสัญญาและมิตรภาพของเหล่าคุณพ่อที่ให้คำมั่นต่อกัน โดยที่ผู้เป็นลูกชายอย่างภูวินไม่ได้นึกเห็นชอบกับความคิดของพวกท่านเลย แต่เขาไม่สามารถคัดค้านสิ่งใดได้นอกจากพยายามยื้อเวลางานแต่งออกไปเรื่อยๆ

ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนที่จะมีพิธีการหมั้นหมายเกิดขึ้น วันนั้นเป็นวันที่ญาดาเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ สองครอบครัวจึงนัดพบปะกันเพื่อแสดงความยินดีกับหญิงสาวที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งและการนัดเจอกันครั้งนี้ก็เป็นการเจรจาเรื่องงานแต่งระหว่างเธอกับเขาด้วย

“หนูหยกเรียนจบแล้วแบบนี้ก็จัดงานแต่งได้แล้วสินะ” ชายวัยใกล้เกษียณพูดขึ้นพลางมองหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ที่เหมาะสมกับตระกูลของตนเอง ทว่าทุกคนกลับเงียบไม่มีใครตอบโต้สิ่งใดกลับมาเพราะกำลังอึ้งตะลึงงันกันอยู่โดยเฉพาะกับยุทธนาผู้เป็นพ่อญาดาที่ตั้งรับไม่ถูก

“ผมตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศครับ” ท่ามกลางความเงียบจู่ๆ เสียงทุ้มของชายหนุ่มก็โพล่งขึ้นเสียงดัง ทำเอาผู้เป็นพ่อและแม่หันขวับมองลูกชายเป็นตาเดียว

“ภูหมายความว่ายังไงลูก” น้ำเสียงอ่อนโยนของแม่เอ่ยถามลูกชายให้แน่ใจอีกครั้ง

“ผมจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ซิดนีย์ครับคุณแม่” ภูวินตอบเสียงดังฟังชัดว่าตนเองตั้งใจจะไปเรียนต่อเพื่อเน้นย้ำว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องงานแต่งงานครั้งนี้เลย

“เรียนจบมาตั้งสามปีแล้วนึกครึ้มอะไรอยากจะไปเรียนต่อตอนนี้ แล้วทำไมต้องไปเรียนที่ซิดนีย์ด้วยเรียนที่ไทยก็ได้” ผู้เป็นพ่อไม่สบอารมณ์กับคำของลูกชายเพราะรู้ว่าภูวินกำลังจะหนีงานแต่ง

“ก็ที่นั่นดีกว่านี่ครับ ทำไมผมจะเลือกที่ที่ดีกว่าไม่ได้ล่ะครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่งมือแกร่งยกแก้วน้ำขึ้นดื่มด้วยท่าทางใจเย็นจนคนเป็นพ่อนึกโมโห

“ทำไมไม่คิดเรียนตั้งแต่จบปริญญาตรี ปล่อยเวลาไว้ทำไมตั้งสามปี”

“ผมต้องศึกษาดูงานที่บริษัทนี่ครับ แล้วผมไปเรียนต่อไม่ดีตรงไหนจะได้กลับมาพัฒนาบริษัทของเราไงครับ” ภูวินในตอนนี้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารเพื่อศึกษาดูงานก่อนจะเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทแทนพ่อในไม่ช้า เขารอเวลาให้ญาดาเรียนจบแล้วเขาจะหนีไปเรียนต่อเพื่อที่จะยื้อเวลาจนอีกฝ่ายรอไม่ไหว

“คนอย่างแกเนี่ยนะคิดจะเรียนต่อ อมพระมาพูดฉันก็เชื่อยาก”

“ผมยื่นเอกสารไปที่มหาวิทยาลัยทางซิดนีย์หมดแล้ว ที่มาบอกวันนี้ไม่ได้ขออนุญาตแต่มาบอกให้พ่อรู้เอาไว้เฉยๆ” ลูกชายหัวรั้นจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพก่อนจะบอกทุกคนพร้อมกัน

“ไอ้ภู! ทำอะไรเคยปรึกษาฉันก่อนไหม” ภวัตมีน้ำโหชี้นิ้วตะคอกใส่ลูกชายที่นับวันก็ยิ่งชวนปวดหัว

“ผมโตแล้ว เรื่องแค่นี้ผมตัดสินใจเองได้ครับ”

“อะ...ไอ้!”

“คุณคะ มีแขกอยู่นะคะ” ภรรยารีบปรามสามีที่กำลังจะต่อว่าลูกชาย เธอเกรงใจแขกอีกสามคนที่ร่วมโต๊ะอาหารอยู่ตอนนี้

ครอบครัวของญาดาได้แต่มองหน้ากันไปมาไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ มากนักเพราะไม่ใช่เรื่องของครอบครัวตนเอง ญาดาทำได้แค่มองหน้าภูวินสลับกับพ่อของเขาไปมาด้วยความสับสน

“ถ้างั้นงานแต่งก็ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดสินะครับ เพราะผมอาจจะเรียนไม่จบภายในสองปีก็ได้” ชายหนุ่มพูดราวกับรู้ชะตาของตนเอง

“ไม่! อีกสองปีถ้าแกยังไม่กลับมาฉันจะไปลากคอแกกลับมาเอง” ผู้เป็นพ่อเดือดจัด เขาโมโหลูกชายที่กล้าหักหน้าตนต่อหน้าทุกคน

“แต่ถ้าน้องหยกรอไม่ไหวก็แต่งงานกับคนอื่นไปก่อนได้เลยนะครับ” ภูวินหันไปบอกกับญาดาก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้เธอ

“ไอ้ภู!” ภวัตชี้หน้าลูกชายที่ไม่ให้เกียรติว่าที่ลูกสะใภ้ที่เขาเลือกด้วยตนเอง

“ถ้าอย่างนั้นก่อนแกจะไปฉันจะจัดพิธีหมั้นให้” คำประกาศิตของผู้เป็นพ่อทำให้ภูวินหันขวับ

“หมายความว่าไงครับ?”

“ในเมื่อแกอยากเลื่อนงานแต่ง ฉันก็จะจัดงานหมั้นให้ก่อนเพื่อเป็นการจองตัวหนูหยกเอาไว้” ภวัตเอ่ยในสิ่งที่ต้องการออกมาให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาอยากได้ญาดามาเป็นลูกสะใภ้แบบไม่มีข้อกังขาใดๆ

“คุณคะ ถามหนูหยกหรือยังคะ”

“หนูหยกไม่ได้ติดขัดอะไรใช่ไหมลูก”

“คะ? ค่ะ หยกไม่ได้ติดขัดอะไรค่ะ” ญาดายังมึนงงและสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่หาย ทุกคนสรุปกันเสร็จสรรพเธอมีหน้าที่แค่ตอบรับเท่านั้น

ยุทธนาผู้เป็นพ่อของญาดาไม่ได้พอใจมากนักกับการเลื่อนงานแต่งออกไปเพราะดูเป็นการไม่ให้เกียรติครอบครัวของตน ทว่าตอนนี้ธุรกิจของที่บ้านไม่ได้ราบรื่นมากนัก แต่เขาไม่กล้าบอกใครจึงได้แต่คาดหวังว่าการแต่งงานของลูกสาวจะทำให้ญาดาไม่ต้องลำบากในอนาคต

“ฉันจะจัดงานแต่งให้สมวงศ์ตระกูลแน่นอนไม่ต้องกังวลไป” ท่านภวัตให้คำมั่นกับเพื่อนสนิทอย่างรู้สึกผิด แต่ก็สัญญาว่าจะจัดการทุกอย่างให้เป็นอย่างดี

ไม่กี่สัปดาห์หลังจากเหตุการณ์วันนั้นพิธีหมั้นหมายของภูวินและญาดาก็ได้เกิดขึ้นโดยมีเพียงญาติ คนสนิทและนักข่าวไม่กี่คนมาร่วมงาน ภูวินและญาดากลายเป็นคู่หมั้นกันอย่างสมบูรณ์แม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีวิวาห์ แต่การหมั้นก็เป็นการจองตัวเอาไว้ก่อน

สิ้นสุดงานหมั้นสายฟ้าแลบได้แค่สองวันภูวินก็เดินทางไปเรียนต่อโดยไม่มีการร่ำลาญาดาแม้แต่คำเดียว ในวันที่เขาต้องเดินทางเธอก็เพิ่งรู้จากคนอื่น เธอตั้งใจจะไปส่งเขาที่สนามบินแต่ก็ไม่ทัน ของที่เตรียมไว้ให้เขาก็ต้องเก็บกลับมาอย่างน่าเสียดาย

หญิงสาวนึกย้อนถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ผ่านมาได้สองปีแล้ว รอยยิ้มสวยปรากฎขึ้นเมื่อเห็นแหวนที่นิ้วนางของตนเอง แหวนที่เขาสวมให้เธอยังใส่ติดตัวเอาไว้ตลอด ญาดายังรอคอยเขาอยู่เสมอ เธอไม่เคยมีคนอื่นหรือปันใจให้ใครหน้าไหน เธอรอเขาแค่คนเดียวมาตลอดสิบกว่าปียังทนได้และตอนนี้เธอกำลังจะได้เจอเขาอีกในไม่ช้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel