เมื่อแรกปลูกชะตารัก

292.0K · จบแล้ว
เทียนเหอ
203
บท
18.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หลี่ซินเหมยย้ายเมืองหนีอดีต นางจำต้องขโมยของจากแปลงผักหลวง หากมิได้บุรุษเจ้าสำอางเข้าช่วย นางก็คงจะถูกจองจำเพราะขโมยหัวไชเท้าแล้ว ทุกอย่างเหมือนจะดี เว้นแต่คุณชายโจวที่ชอบทำตัวประหลาด เห็นแล้วรำคาญตายิ่งนัก! *********** กว่านางจะรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ตามลำพัง เรือนร่างบอบบางนั้นก็ถูกอ้อมกอดแข็งแกร่งรัดแน่น กลิ่นหอมของกายบุรุษทำให้นางตัวแข็งไปชั่วขณะ แค่คิดจะขยับก็ยังทำไม่ได้ กระทั่งรู้สึกว่าจมูกโด่งนั้นฝังลงคอซอกคอขาวแล้ว หลี่ซินเหมยก็ยังไม่คิดปัดป้องหรือปฏิเสธ มือหนาข้างหนึ่งบีบเคล้นบั้นท้ายหนักแน่น ส่วนอีกข้างกลับเคล้าคลึงทะนุถนอมดอกบัวคู่งามอย่างระมัดระวัง “ให้ข้ารอนานเกือบห้าปี ซินเหมยไม่คิดว่าตัวเองใจร้ายไปหน่อยหรือ” เสียงแหบพร่าอันมีเอกลักษณ์ทำให้นางขาอ่อนจนแทบจะร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น ทว่าร่างสูงใหญ่กลับจับตัวนางหันมาพิงแผ่นอกกว้างเสียก่อน “คุณชาย...” นางกล่าวออกมาได้เท่านั้นจริง ๆ “ยังจำสามีของตนเองได้อยู่หรือซินเหมย” เสียงแหบนั้นกระซิบถาม ก่อนจูบนางจาบจ้วงรุนแรง

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณนิยายรักนางเอกเก่งดราม่าปลูกผักจีนโบราณโรแมนติกผู้ชายอบอุ่น

บทที่ 1

อากาศยามบ่ายร้อนจัดเสียจนเสื้อสีน้ำตาลเข้มเปียกโชกทั่วแผ่นหลัง เหงื่อท่วมร่างบางได้สัดส่วน จนกระทั่งรู้สึกได้ว่ามีหยาดเล็ก ๆ ไหลผ่านร่องอกอวบอิ่มอย่างต่อเนื่อง ทว่าคนที่กำลังมีภารกิจสำคัญ กลับมิได้ใส่ใจกับสภาพของตนในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ดวงตากลมโตฉายแววดื้อรั้นไม่ยอมคนกวาดมองโดยรอบ พบหลายชีวิตกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในศาลาข้างแปลงผัก เดาได้ว่าคงถูกสภาพอากาศบังคับให้วางมือจากงานชั่วคราว เพราะเริ่มจะสู้ความร้อนอบอ้าวไม่ไหว

ทว่าความร้อนกลับมิใช่อุปสรรคสำหรับคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะเคยเข้ามาในแปลงผักแห่งนี้เป็นครั้งแรก

หลี่ซินเหมย ขยับตัวอย่างเชื่องช้า ไม่ต่างจากเหล่าคนสวนที่กำลังค่อย ๆ กลับเข้ามาลงมือทำงานกลางแดด มือเรียวเล็กแตะแต้มดินจากแปลงผักที่ค่อนข้างจะชุ่มน้ำ ก่อนจะป้ายโคลนสีดำลงบนดวงหน้าหวาน เพื่อมิให้ใครจับได้ว่านางมิใช่หนึ่งในคนสวนของสกุลโจว เสื้อผ้าของบุรุษที่สวมมาเพื่อให้กลมกลืนกับคนงานในสวน เปียกแนบเนื้อจนต้องดึงออกห่างจากอกอิ่ม เพราะเกรงว่าทรวดทรงจะเผยให้คนที่อยู่ใกล้เกิดความสงสัยขึ้นมา

“พวกเจ้านำของทั้งหมดขึ้นเกวียนแล้วหรือยัง”

บุรุษรูปร่างสูงใหญ่อายุไม่เกินห้าสิบปีสอบถามเสียงดัง แม้มิได้ตะโกน ทว่าน้ำเสียงกลับทรงพลังอย่างมาก และนั่นทำให้ผู้ที่ลอบแฝงตัวเข้ามาถึงกับรู้สึกเจ็บลึกในอก เพราะลักษณะของเขาดูคล้ายกับบิดาผู้ล่วงลับของนางอยู่หลายส่วน

“ใกล้จะแล้วเสร็จแล้วขอรับนายท่าน เหลืออีกเพียงสองเกวียนขอรับ”

คนสวนปาดเหงื่อ พลางตอบคำถามเจ้าของแปลงผักล้ำค่า

“ทำให้เร็ว อย่าลืมระวังให้มาก” ผู้มีอำนาจออกคำสั่ง ก่อนจะตรงไปยังบ้านที่อยู่มิไกลนัก หน้าตาเขาดูมิค่อยสบอารมณ์ แต่ก่อนจะก้าวขาเข้าไปพักในตัวบ้าน เขาก็หยุดหายใจยาวและปรับสีหน้าให้ดูอารมณ์เสียน้อยลงสักหลายส่วน

หลี่ซินเหมยเดาว่าเขาคงจะเข้าไปหาภรรยา เพราะบิดาของนางก็เคยทำท่าทางเช่นนั้น ยามกลับจากการรักษาคนไข้ เมื่อนางถามว่าเหตุใดจึงต้องปรับสีหน้า ก็ได้คำตอบว่ามิต้องการให้ภรรยาและลูกสาวตัวน้อยต้องไม่สบายใจ บิดาของนางทำเช่นนั้นอย่างสม่ำเสมอ กระทั่งมารดาจากไปแล้วก็ยังฝืนโปรยยิ้มให้กับสมาชิกที่เหลือในบ้าน

วันที่ต้องลาจากโลกก็ไม่ต่างกัน...

“เจ้านั่น มาช่วยข้ายกตะกร้าผัก!”

หัวหน้าคนสวนรูปร่างสูงใหญ่กำยำดั่งหมีออกคำสั่ง และนั่นทำให้คนที่ถูกเรียก จำต้องเดินตรงเข้าไปช่วยอย่างเสียไม่ได้

แขนเรียวเล็กขยับตะกร้าผักอย่างทุลักทุเล หลี่ซินเหมยมิใช่สตรีอ่อนแอ ยกของหนักหรือทำงานกลางแจ้งก็พอจะทำได้ แต่จะให้ขยับย้ายของที่หนักเกินตัว ก็คงจะลำบากมากอยู่สักหน่อย

“มาใหม่หรือ! ตัวเล็กนิดเดียวจะทำงานไหวได้อย่างไร ไป ๆ ไปรดน้ำแปลงผักตรงนู้น อย่ามาอยู่เกะกะข้า!”

คนมองอยู่มีหรือจะทนดูได้ เขาจัดการยกของทั้งหมดด้วยตนเอง พลางนึกสงสัยว่าเจ้านายจอมโหด ยอมตกลงว่าจ้างบุรุษที่สูงน้อยกว่าอกของเขาได้อย่างไร ทว่าสงสัยได้มินานก็ต้องละวางเรื่องกวนใจ รีบขนย้ายผักล้ำค่าขึ้นให้เต็มเกวียน เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง

“เกือบไปแล้ว...”

หลี่ซินเหมยรีบตรงไปยังแปลงหัวไชเท้า วันนี้นางต้องได้ของที่ต้องการและจะทำพลาดมิได้อีก

หลังจากรดน้ำผักเรียบร้อยแล้ว นางก็ค่อย ๆ นั่งลงข้างแปลง เริ่มทำการถอนเหล่าวัชพืชที่มีอยู่เพียงน้อยนิดจนแทบจะไม่เป็นที่สังเกตเห็น มือที่เคยปลูกและหยิบจับสมุนไพรของบิดาสั่นเทิ้ม เพราะเกิดมาอายุได้สิบเจ็ดปีก็มิเคยทำผิดแม้เพียงครั้งหนึ่ง ทว่ายามนี้หลี่ซินเหมยไร้ทางเลือก ต่อให้ไม่อยากทำก็จำจะต้องทำแล้ว

เจ้าของร่างบางในชุดสีน้ำตาลเข้มรดน้ำลงบนแปลงผักจนชุ่ม หลังจากโยกเจ้าแท่งสีขาวเบา ๆ อยู่สองสามครั้ง ของที่นางต้องการก็หลุดติดมือมาด้วย หลี่ซินเหมยซ่อนมันไว้ในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง ทว่านั่นก็ค่อนข้างจะลำบาก เพราะขนาดของที่นางเพิ่งจะขโมยนั้น ใหญ่โตกว่าขนาดทั่วไปที่หาได้ตามท้องตลาดเกือบสองเท่า

“นั่นเจ้ากำลังทำอะไร!”

คนสวนที่เพิ่งจะไล่นางให้มารดน้ำแปลงผักตะโกนถาม ก่อนจะคว้าเอาแขนของหลี่ซินเหมยและรัดตัวนางเอาไว้เสียเต็มแรง และนั่นทำให้วัตถุสีขาว ที่มีส่วนบนเขียวเข้ม ร่วงหล่นลงพื้นทันที

“ขโมย!” คนสวนประจำแปลงผักตะโกนเสียงดังลั่น และนั่นทำให้บุรุษหน้าดุที่นางเดาว่าเป็นเจ้าของแปลงผัก รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากตัวบ้านทันที ส่วนบุรุษรูปร่างสูงใหญ่คนที่รัดร่างของหลี่ซินเหมยเอาไว้แน่น กลับรีบขยับตัวออกห่าง ทว่าก็ยังคว้าแขนนางเอาไว้มิให้หนีดังเดิม

“พวกเจ้ารีบไปแจ้งทางการ!” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ก่อนที่ตัวจะมาถึงบริเวณเกิดเหตุเสียอีก

“แต่นางเป็นสตรีนะขอรับนายท่าน!” คนสวนรีบแย้ง ดูออกว่ากำลังใจอ่อนกับดวงตากลมโตคู่นั้นอยู่มาก

“สตรีก็ละเว้นมิได้ นางทำผิด สมควรต้องได้รับโทษ”

“นายท่านได้โปรดละเว้นข้าเถิดนะเจ้าคะ ข้ายังมีคนในครอบครัวต้องดูแล และที่จำเป็นต้องขโมยในวันนี้ ก็เพราะว่าคนป่วยกินดื่มอันใดไม่ได้ ปรารถนาเพียงผักที่หาได้ยากในฤดูกาลนี้”

หลี่ซินเหมยรีบแจ้ง นางมิค่อยถูกชะตากับทางการนัก