บทที่ห้า
ภายในจวนทางการเมืองหลัวซานที่ยามนี้นั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ข้าราชการและทหารคุ้มกันต่างวิ่งเข้าออกห้องโถงด้วยสีหน้าตึงเครียด เสียงสนทนาเร่งร้อนดังสะท้อนทั่วโถงทางเดิน ความวุ่นวายนี้มิใช่เพียงเพราะภาระงานทั่วไป แต่เป็นเพราะการมาถึงของแขกผู้ยิ่งใหญ่จากเมืองหลวง
ขบวนที่เดินทางมาอย่างยิ่งใหญ่หาได้เป็นแค่เพียงขุนนางใดไม่แต่เป็นสมาชิกราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์
แม้ว่าภารกิจของพวกเขามิใช่เรื่องยิ่งใหญ่ใดทว่าก็นับเป็นพระบัญชาจากองค์ฮ่องเต้โดยตรง โดยมอบหมายให้ตามจับขบวนการค้ามนุษย์ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ ขบวนการที่ลักพาตัวเด็กจากบ้านคนไปขายให้กับพ่อค้าทาส
ราชสำนักได้กวาดล้างพวกมันที่เมืองหลวงจนเกือบสำเร็จแล้ว…แต่เครือข่ายส่วนหนึ่ง กลับหลบหนีออกจากเมืองหลวงและพาเด็กบางส่วนหนีมายังเมืองห่างไกลเช่นเมืองหลัวซาน
ข้าหลวงท้องถิ่นต่างตื่นตัวด้วยความกังวล เมืองเล็กที่เงียบสงบเช่นนี้กลับถูกพวกมันใช้เป็นที่ซ่อนตัว นับเป็นเรื่องที่มิอาจให้อภัย
ที่สำคัญไปกว่านั้น…
ผู้นำขบวนทำภารกิจของราชสำนักครั้งนี้ มิใช่ใครอื่น
หากแต่เป็นองค์ชายใหญ่ หวางเสี่ยเฟิง
เวลานี้องค์ชายใหญ่ประทับอยู่บนเก้าอี้สูงสุดในห้องประชุม สายพระเนตรของพระองค์ทอดมองคนในห้องด้วยแววตาเฉื่อยชา รอยยิ้มบางเบาประดับอยู่บนริมพระโอษฐ์
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล…และความร้ายกาจ
หากเป็นคนในเมืองหลวง ย่อมรู้จักพระองค์ดี
ทั้ง...
"องค์ชายใหญ่ผู้เอาแต่ใจ"
"องค์ชายที่วันวันใช้ชีวิตหมดไปกับสุราและนารี"
"บุรุษที่วันเวลาส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในหอคณิกาและโรงสุรา"
แม้พระองค์จะเป็นพระโอรสองค์โตแห่งแคว้นหาน แต่ก็มิได้รับเลือกเป็นรัชทายาท
เพราะเหตุใดน่ะหรือ...
หากเป็นคนทั่วไปก็คงตอบว่า
"เพราะพระองค์เกเร…มิเอาถ่าน"
ในวัยเยาว์หวางเสี่ยเฟิงเป็นเด็กฉลาดหลักแหลม เป็นผู้ศึกษาตำราอย่างขยันขันแข็ง ทั้งศาสตร์แห่งการปกครอง การทหารและกลยุทธ์ พระองค์ล้วนเชี่ยวชาญ
แม้แต่ศิลปะการต่อสู้ ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่เก่งกาจที่สุดแห่งราชวงศ์
แต่เมื่อเติบใหญ่…พระองค์กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เลิกสนใจตำรา ทอดทิ้งการฝึกฝน หันหลังให้กับการเมืองการปกครอง ใช้ชีวิตเสเพลไปกับสุรานารีจนเป็นที่เลื่องลือ
สุดท้าย…
องค์ฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา จึงตัดสินพระทัยมอบตำแหน่งรัชทายาทให้กับองค์ชายรองผู้เป็นน้องชายต่างมารดา
หลังจากนั้นองค์ชายใหญ่จึงใช้ชีวิตเสเพลยิ่งขึ้นต่อไป
คนในเมืองหลวงล้วนมองพระองค์เป็นเพียงองค์ชายที่หมดสิ้นอนาคต
แต่สิ่งที่ผู้คนมิรู้ คือ…องค์ชายใหญ่ หวางเสี่ยเฟิงมิใช่คนโง่
และแน่นอนว่า…พระองค์มิใช่คนที่ไร้ความสามารถอย่างที่ทุกคนคิด
แม้ภายนอกจะดูสำมะเลเทเมา แต่เมื่อใดที่พระองค์เลือกจะรับภารกิจ ย่อมต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง
ในภารกิจครานี้บางคนลือกันว่า...
"องค์ชายใหญ่ยินยอมรับภารกิจจากราชสำนัก ก็เพียงเพราะอยากออกจากเมืองหลวงเพื่อไปเที่ยวเล่นเท่านั้น หาใช่เพราะภักดีต่อราชสำนักหรือสนใจบ้านเมืองไม่"
และครานี้…
พระองค์เดินทางมายังเมืองหลัวซาน เพื่อติดตามขบวนการค้ามนุษย์ที่หลบหนีมาที่นี่ อาจทำให้เมืองเล็กที่ดูเงียบสงบแห่งนี้อาจมิสามารถสงบอีกต่อไปแล้ว
เวลานี้ในห้องประชุม หวางเสี่ยเฟิงเอนกายพิงพนักเก้าอี้ พระองค์มองผู้ว่าการเมืองหลัวซานที่นั่งอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลเท่าไหร่นัก
บุรุษหนุ่มทอดสายพระเนตรเย็นชา นิ้วเรียวเคาะโต๊ะเบา ๆ อย่างไม่เร่งรีบ ในขณะที่ทหารคนสนิทของพระองค์เป็นผู้อธิบายแผนการล่อลวงให้พวกคนร้ายเผยตัว
"...อย่างที่ได้กล่าวไป พวกเราจะใช้เด็กเป็นเหยื่อล่อ"
