บท
ตั้งค่า

บทที่หนึ่ง (2)

เสียงเล็ก ๆ ดังแทรกความคิดของนาง ผิงผิงละทิ้งของเล่นแล้ววิ่งเข้ามาหา ดวงตากลมโตเปล่งประกาย

"แม่มีแขกหรือ ใครเหรอ?"

จางจิ่วเม่ยก้มลงมองลูกสาว มือเรียวลูบศีรษะนางเบา ๆ "ไม่ใช่ใครที่เจ้ารู้จักหรอก ผิงผิงน้อยจอมจุ้น"

"แต่... ผิงผิงอยากรู้!" เด็กน้อยยื่นมือเล็ก ๆ จับแขนมารดา เขย่าเบา ๆ "ผิงผิงขอไปพบด้วย ได้หรือไม่เจ้าคะ"

"ไม่ได้" นางกล่าวเสียงนุ่ม แต่แฝงความหนักแน่น "เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ผิงผิงกลับไปเล่นกับสหายเถอะ"

เด็กหญิงทำปากยื่น "แต่ผิงผิงอยากรู้~~~"

"เด็กดีต้องฟังแม่" จางจิ่วเม่ยแตะจมูกบุตรสาวเบา ๆ

เด็กน้อยกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะกอดแขนมารดาแน่นกว่าเดิม "งั้น...แม่ไปแล้วรีบกลับมานะ!"

จางจิ่วเม่ยหัวเราะเบา ๆ "แม่จะรีบกลับมา"

นางหันไปมองสาวใช้ ก่อนพยักหน้า "พาข้าไปพบแขก"

ขณะที่จางจิ่วเม่ยเดินออกจากไป ผิงผิงและสหายน้อยทั้งสามแอบมองตามหลังด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"เจ้าคิดว่าใครมาหรือ"

"ไม่รู้สิ งั้น...พวกเราไปแอบดูกันดีมะ..." ผิงผิงกระซิบกับสหายของตน ดวงตากลมโตเปล่งประกายขี้เล่น

แต่ก่อนที่นางจะทำอะไรต่อ "แฮ่ม แฮ่ม..."

เสียงกระแอมดังขึ้นมาจากด้านข้าง ทำให้เด็กน้อยทั้งสี่สะดุ้งเฮือก อู๋ชิวอิ่ง ทวดของผิงผิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลปรายตามองหลานสาวตัวน้อย ก่อนกล่าวด้วยเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงความขึงขัง

"อย่าดื้อดึงขัดคำสั่งแม่เจ้าสิ"

เด็กน้อยเม้มปากแน่น ยืนนิ่งตัวแข็ง ไม่กล้าขยับ

"ไม่ใช่หากผิงผิงโดนรายนั้นจับตีก้นลาย ทวดไม่ช่วยนะ" หญิงชราพูดพลางปรายตาไปทางจางจิ่วเม่ย

เด็กน้อยกลืนน้ำลายลงคอ รีบพยักหน้าหงึกหงักทันที

"ผิงผิงจะไม่ดื้อแล้วเจ้าค่ะ ไม่ดื้อแล้ว”

แสงแดดอ่อน ๆ ของยามบ่ายทอดผ่านม่านแพรบางเบา ขณะที่จางจิ่วเม่ย ก้าวเดินตามหลังสาวใช้ของตนไปยังหน้าจวน แต่ละย่างก้าวแม้จะดูสงบนิ่ง ท่วงท่าจะอ่อนช้อย แต่มิอาจซ่อนความเย็นชาในแววตาได้

เมื่อครู่...ยามนางได้ยินเพียงประโยคเดียว ‘ต้องการเข้าพบองค์หญิงบุญธรรมแห่งแคว้นหาน’

แค่คำเรียกนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ จางจิ่วเม่ยรู้แน่ชัดว่าแขกที่มาวันนี้มิใช่ใครอื่น

คนจากสกุลจาง...

ตระกูลของบิดาผู้ให้กำเนิด ตระกูลผู้ทอดทิ้งสตรีที่หมดประโยชน์เช่นนางไปเมื่อแปดปีก่อน

ริมฝีปากนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน...

เมืองหลัวซานแห่งนี้ ห่างไกลจากเมืองหลวงนักแถมยังเป็นเมืองที่สงบ เรียบง่าย ผู้คนดำรงชีวิตอย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติ ข่าวสารจากเมืองหลวงไม่ค่อยแพร่มาถึงที่นี่อย่างรวดเร็วเหมือนที่อื่น ดังนั้นชาวเมืองหลัวซานทุกคนจึงรู้จักนางเพียงในฐานะ 'คุณหนูแห่งตระกูลอู๋'

แต่แท้จริงแล้ว...พวกเขาไม่มีวันรู้ว่านางเป็นใครกันแน่

องค์หญิงบุญธรรมแห่งแคว้นหาน...ผู้ได้รับพระราชทานฉายานามว่าเป็นองค์หญิงแห่งความสุขสงบ

ตำแหน่งที่ดูสูงส่ง แต่ความเป็นจริง...มันคือผลพลอยได้จากการที่บิดาของนาง ‘ขาย’ บุตรีคนโตให้แก่ราชสำนัก

แปดปีก่อน...

นางอายุเพียงสิบสองหนาว นางต้องกลายเป็นตัวแทนเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้น ตำแหน่งที่เหมือนห่อหุ้มด้วยยศศักดิ์สูงส่ง แต่ความจริงแล้วนั่นเป็นเพียงข้ออ้างในการส่งนางเป็นตัวประกันสามปีตามเงื่อนไขในสนธิสัญญาสงบศึกระหว่างแคว้นหานและแคว้นเยี่ยที่ทำการตกลงกันว่าจะไม่ทำศึกกันอีกต่อไป

ตำแหน่งหน้าที่อันแลกกับ ‘เกียรติยศและตำแหน่งเจ้ากรมการคลัง’ ของบิดาผู้ให้กำเนิด

เหอะ...

ช่างเป็นบิดาที่เปี่ยมคุณธรรมเสียจริง!

จางจิ่วเม่ยหลุบตาลง คล้ายตกอยู่ในห้วงความคิด เงาของอดีตพุ่งเข้ามาประหนึ่งภาพฝันร้าย

‘จิ่วเม่ย เจ้าต้องไป’

เสียงของบิดาเย็นชาราวกับกล่าวถึงสิ่งของสิ่งหนึ่ง มิใช่บุตรีในสายเลือด

‘แต่ท่านพ่อ...’

เด็กสาวในวัยสิบสองเบิกตากว้าง ดวงตากลมใสสะท้อนความตื่นตระหนก นางยังเด็กนัก ยังมิรู้ว่าการเป็น ‘ตัวแทน’แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมหมายถึงสิ่งใด รู้เพียงว่าต้องจากแคว้นอันเป็นบ้านเกิดไปก็รู้สึกไม่ปรารถนายิ่งนักแล้ว

‘ไปเสียเถอะ แล้วจงทำหน้าที่ของเจ้าที่ควรทำให้ดีด้วย’

น้ำเสียงของบิดาไร้ซึ่งความลังเลแม้แต่แววตาก็มิได้สะท้อนความเมตตาเลยแม้แต่น้อย

มันเป็นคำสั่ง...มิใช่คำขอร้อง

จางจิ่วเม่ยสะบัดศีรษะเล็กน้อย ทิ้งความทรงจำในอดีตให้จมหายไปกับการเวลา

บัดนี้...นางมิใช่เด็กสาวไร้เดียงสาที่ต้องพึ่งพาผู้อื่นอีกต่อไป

นางคือจางจิ่วเม่ยแห่งตระกูลอู๋

สตรีที่กุมอำนาจกิจการผ้าไหม สตรีที่แม้ถูกทอดทิ้งก็สร้างชีวิตใหม่ที่มีความสุขขึ้นมาเองได้

"ช่างเถอะ..."

ไหนมาดูกันสิว่า แขกไม่ได้รับเชิญพวกนั้น ต้องการอะไรจากสตรีที่พวกเขาทอดทิ้งกันแน่!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel