บทที่สอง ข้าคือแม่นมของเฉินฮูหยิน
บทที่สอง ข้าคือแม่นมของเฉินฮูหยิน
จางจิ่วเม่ยก้าวเดินออกจากโถงเรือนใหญ่ด้วยท่าทีสงบนิ่ง แววตาของนางดุจเงาน้ำลึกที่แม้เงียบสงบแต่ก็ไร้ซึ่งความอ่อนโยน เมื่อก้าวพ้นประตูจวนออกมาสิ่งที่ปรากฏแก่สายตานางคือ ขบวนรถม้าเก่าโทรมสามคันที่เรียงจอดขวางอยู่หน้าจวนตระกูลอู๋
รถม้าเหล่านั้นมิได้หรูหราแถมยังเก่าซ่อมซ่อราวกับไม่ได้ถูกส่งมาจากจวนขุนนางในเมืองหลวง ล้อรถเปรอะเปื้อนฝุ่นโคลน ขอบไม้บางส่วนแตกหักบางส่วน ตัวม้าสีน้ำตาลแดงที่เทียมรถแต่ละตัวดูอิด
หน้ารถม้าคันแรก มีหญิงชราผู้หนึ่งยืนรออยู่
หญิงชรานางนั้น...จางจิ่วเม่ยจำได้ดี
สตรีในชุดเครื่องแบบสาวใช้ของตระกูลขุนนาง ทว่าดูจากสายตาคร่าว ๆ พบว่าเนื้อผ้าจะดีกว่าสาวใช้ทั่วไป ท่าทีเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส ใบหน้าเหี่ยวย่นแฝงไปด้วยร่องรอยแห่งอายุทว่าในแววตากลับยังคงความเย่อหยิ่ง...เหมือนเมื่อหลายปีก่อน
"หึ..."
จางจิ่วเม่ยกระตุกมุมปาก นางไม่แปลกใจเลยว่าผู้ที่มาพบจะเป็นใคร
เมื่อเห็นคุณหนูใหญ่ที่ตนเองต้องเดินทางมาไกอย่างยากลำบากมาพบเดินออกมาอย่างไม่รีบร้อน หญิงชรานั้นมิได้ค้อมศีรษะให้ตามธรรมเนียมที่พึงกระทำแม้แต่น้อย นางเดินตรงเข้ามา โดยมิสนใจแม้แต่มารยาทพื้นฐาน ริมฝีปากขยับกล่าวคำพูดออกมาอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจ
"คุณหนูใหญ่จาง" น้ำเสียงของนางแหบพร่าแต่ดังกังวานราวกับเป็นคำสั่ง "นายท่านส่งข้าให้มารับท่านกลับเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด ท่านรีบเข้าไปเก็บสัมภาระที่จำเป็น แล้วไปกับพวกเราเถอะเจ้าค่ะ"
"...กลับเมืองหลวง?" จางจิ่วเม่ยปรายตามองสตรีตรงหน้า ราวกับมองสิ่งไร้ค่า
น้ำเสียงของนางสงบนิ่ง แต่หากฟังดี ๆ ย่อมสัมผัสได้ถึงความเย็นชา
"เจ้าแน่ใจหรือว่า ‘นายท่าน’ ของเจ้าต้องการให้ข้ากลับไป"
หญิงชราหรี่ตา "แน่นอนเจ้าค่ะ นี่เป็นคำสั่งของนายท่าน"
จางจิ่วเม่ยหลุดหัวเราะเบา ๆ "คำสั่งงั้นหรือ..."
สตรีที่ถูกทอดทิ้งเมื่อแปดปีก่อน บัดนี้กลับมีคนมาส่งคำสั่งให้กลับไป?
น่าขันยิ่งนัก!
“พวกเขาต้องการอะไรจากข้างั้นรึ”
สตรีชราที่จางจิ่วเม่ยกำลังยืนประจันหน้าอยู่นั้นคือแม่นมเฒ่าของตระกูลจาง ผู้ที่เคยกุมอำนาจในฐานะคนสนิทของฮูหยินใหญ่ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของจางจิ่วเม่ย หญิงชราผู้นี้แม้จะสูงวัยแต่ท่าทางกลับแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งไม่รู้จักสถานะตนเอง ดวงตาของนางมองเจ้านายของตนตรงหน้าด้วยสายตาดูแคลน
"เรื่องนั้น...ท่านไม่จำเป็นต้องรู้หรอกเจ้าค่ะ เพียงปฏิบัติตามก็พอ"
จางจิ่วเม่ย ขมวดคิ้วแน่น นางไม่ตอบอันใดสักพักใหญ่ ภายในใจคิดอย่างเย็นชา
‘หญิงชราตรงหน้านี้... นิสัยแย่ไม่เคยเปลี่ยน’
ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน นางก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่เคยเห็นนางเป็นเจ้านาย ไม่เคยให้ความเคารพสมฐานะ นางชอบออกคำสั่งทั้งยังไม่เคยปิดบังความหยิ่งยโสของตน
‘ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก’
แต่ทว่า...จางจิ่วเม่ยในตอนนี้ ไม่ใช่เด็กสาวที่ถูกตบตีและถูกกดขี่โดยไร้หนทางต่อต้านอีกต่อไป
ที่นี่ นางเปรียบเสมือนผู้เป็นหัวเรือใหญ่แห่งตระกูลอู๋
หากผู้ใดแสดงความไม่เป็นมิตรต่อนาง นางก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้า!
คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็หมุนตัวกลับก้าวเดินเข้าจวนของตนโดยไม่ใส่ใจคำพูดของหญิงชราตรงหน้าแม้แต่น้อย แน่นอนว่าทำให้แม่นมเฒ่าสีหน้าเปลี่ยนไปทันที นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก
หญิงชราผู้นี้ คุ้นเคยดีกับคุณหนูใหญ่จางที่นางเคยเลี้ยงดู นางจำได้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้ เมื่อก่อนเคยเป็นเพียงสตรีอ่อนแอที่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเถียง
ดังนั้น...นางจึงเอื้อมมืออวบหนาออกไปหมายจะคว้ายื้อแขนของจางจิ่วเม่ยไว้โดยไม่ได้คิดอะไร เพราะในอดีตนางเคยลงมือตบตีคุณหนูใหญ่ผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย
ทว่าครั้งนี้... นางคิดผิดแล้ว
เพี๊ยะ!!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่น
หญิงชราผู้นั้นหน้าหันทันที ก่อนร่างอ้วนท้วมจะเซถลาไปตามแรงตบ กระแทกลงไปนอนกองอยู่บนพื้นหินแข็ง หยาดเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
"โอ้ย! คุณหนูใหญ่! ท่านกล้าตบข้าหรือ" นางเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจปนความเจ็บปวด จางจิ่วเม่ยยืนมองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนก้าวเข้าไปใกล้พลางกล่าวเสียงเรียบ
"ทำไมข้าจะไม่กล้าตบขี้ข้าอย่างเจ้า"
เสียงของนางแม้จะไม่ดัง แต่ทุกคำที่กล่าวกลับแฝงไปด้วยอำนาจ
"ข้าเป็นใคร แล้วเจ้าเป็นใคร" นางกล่าวต่อ ดวงตาเย็นเยียบจนแม่นมเฒ่าถึงกับตัวสั่น "เจ้าควรรู้สถานะของตนเองให้ดีนะมิใช่แก่แต่ตัวทว่าสมองกลับหดฝ่าลง
หญิงชราตัวแข็งค้าง ไม่คิดว่าคุณหนูผู้อ่อนแอตรงหน้าจะกล้าตบและกล้าเถียงกลับมาเช่นนี้ ปากคล้ำเม้มปากแน่นไปชั่วครู่
"ข้าเป็นถึงแม่นมของฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลจางเชียวนะเจ้าคะ คุณหนูใหญ่ทำเช่นนี้ไม่กลัวถูกท่านแม่ของท่านลงโทษหรือ?"
จางจิ่วเม่ยหัวเราะเยาะเสียงหัวเราะของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน จนแม่นมเฒ่าถึงกับงุนงง
"กลัวฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลจางงั้นรึ" นางกล่าวเสียงเย็นชา "ทำไมข้าต้องกลัวสตรีผู้นั้นด้วย"
แม่นมเฒ่าพยายามข่มความกลัว เอ่ยโต้ตอบกลับไป "ท่านเป็นเพียงลูกเลี้ยงของฮูหยินใหญ่ซึ่งไร้มารดาแท้ให้พึ่งพิง หากไม่เชื่อฟังคำสั่งแม่เลี้ยงของท่าน ก็คงจำได้ใช่หรือไม่ว่าจะถูกลงโทษเช่นไร"
จางจิ่วเม่ยหัวเราะอีกครั้ง
นางก้าวเข้าไปใกล้ ดวงตาเปล่งประกายเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง "เจ้าต่างหากที่ไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร...เมื่อก่อนตอนที่ข้าอยู่จวนตระกูลจาง ข้าเป็นคุณหนูอ่อนแอที่ไร้มารดาปกป้อง แต่เมื่อแปดปีก่อน...เจ้ายังจำไม่ได้หรือว่าข้าถูกแต่งตั้งให้เป็นสถานะใด"
“!!”
จางจิ่วเม่ยมองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ ก่อนกล่าวเสียงหนักแน่น
"ข้าคือหนึ่งในองค์หญิง...ถือเป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์"
“...”
เสียงของนางดังชัดเจน ทำให้คนของตระกูลจางที่ยืนอยู่ด้านหลังขยับตัวอย่างหวาดหวั่นโดยไม่รู้ตัว
"และการที่เจ้าคิดร้ายหมายทำร้ายร่างกายข้าซึ่งถือเป็นสมาชิกของราชวงศ์ เจ้ามีความผิดฐานกบฏ! และโทษของเจ้าก็คือประหารชีวิต!"
แม่นมเฒ่าถึงกับร่างสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ริมฝีปากของนางซีดเผือด ตัวสั่นราวกับใบไม้ไหวในพายุ เม็ดเหงื่อซึมออกมาตามหน้าผาก เพราะนางรู้ดีว่า 'กบฏ' คือความผิดอันหนักหนาสาหัสเพียงใด
แต่ไม่นานนัก นางก็พยายามทำใจดีสู้เสือ "คุณหนูอย่าหลงลืมเรื่องของตนเองไปหน่อยเลยเจ้าค่ะ ท่านก็แค่องค์หญิงตัวปลอมก็เท่านั้น!"
"องค์หญิงตัวปลอมงั้นหรือ"
จางจิ่วเม่ยยิ้มมุมปาก แต่นั่นเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
หากเป็นเมื่อก่อนจางจิ่วเม่ยคงไม่กล้าใช้ตำแหน่งที่ได้รับมาเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเด็กผู้หญิงตัวน้อยอย่างนางเฉกเช่นตอนนี้หรอก ทว่า...
พอหญิงสาวโตขึ้นจึงได้เข้าใจว่าแม้ตำแหน่งองค์หญิงบุญธรรมนั้นจะได้มาเพราะต้องการบุตรีขุนนางไปเป็นตัวประกันแคว้นแทนองค์หญิงพระองค์อื่นว่าความจริงที่ว่าจางจิ่วเม่ยกลายเป็นองค์หญิงไปแล้วนั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยน
ในเมื่อถูกหลอกใช้โดยสมบูรณ์แล้ว เพราะเหตุใดจางจิ่วเม่ยจึงไม่ให้ตำแหน่งที่แลกมาด้วยความยากลำบากนี้ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองบ้างเล่า
"หึ เช่นนั้น... ข้าจะให้เจ้ารับรู้รสชาติของการทำร้ายร่างกาย ‘องค์หญิงตัวปลอม’ เช่นข้าก็แล้วกัน"
นางกวาดสายตามองบ่าวรับใช้ของตน ก่อนกล่าวเสียงเย็นชา "ไปตามเจ้าหน้าที่ทางการมา...ให้พวกเขามาจับสตรีสามหาวผู้นี้ไปลงโทษเสีย!"
ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่ง เหล่าผู้คุ้มกันของจวนตระกูลอู๋ก็รีบขยับตัวหันหลังเตรียมไปปฏิบัติตามคำสั่งทันที
แม่นมเฒ่าถึงกับลนลาน นางถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าซีดเผือดจนไร้สีเลือด!
"คะ คุณหนู ท่านจะทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ"
จางจิ่วเม่ยไม่แม้แต่จะปรายตามอง
"จับตัวแขกเอาไว้"
เสียงของนางเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง และในวินาทีนั้นเอง หญิงชราผู้นั้นก็รู้ตัวแล้วว่า...อำนาจในอดีตของนาง ไม่มีวันใช้ได้ผลอีกต่อไปแล้ว!
