บท
ตั้งค่า

บทที่หนึ่ง แขกไม่ได้รับเชิญ

บทที่หนึ่ง แขกไม่ได้รับเชิญ

ขณะนี้จางจิ่วเม่ยเดินมานั่งในลานกว้าง เบื้องหน้ากองเอกสารบัญชีของกิจการไหม มือเรียวยาวค่อย ๆ เลื่อนปลายนิ้วไล่ไปตามตัวเลขในสมุดบัญชี ท่าทางของนางสงบนิ่ง มุมปากแต้มรอยยิ้มบางเมื่อเห็นตัวเลขกำไรที่เพิ่มขึ้น ทว่าพอหยิบสมุดรายงานเล่มถัดมาขึ้นมาเปิดดูช่องว่างระหว่างคิ้วของหญิงสาวพลันเกิดร่องขึ้น

จางจิ่วเม่ย เงยหน้ามองสตรีชราผู้เป็นยายของตน...อู๋ชิวอิ่ง หญิงชราผู้ยังคงเปี่ยมไปด้วยอำนาจบารมีในเรือนใหญ่แห่งนี้ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลัก ท่าทางสุขุมสง่างาม แต่แววตายังคงเฉียบคมดังเดิมก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคารพ

"ท่านยายเจ้าคะ...กิจการสาขาเมืองหลวงเพิ่งส่งจดหมายรายงานมา"

อู๋ชิวอิ่งวางถ้วยชาลงอย่างแผ่วเบา พลางพยักหน้าให้หลานสาวกล่าวต่อ

"พวกเขาบอกว่ามีคนบางกลุ่มต้องการ ‘ซื้อตัว’ ผู้จัดการของเราด้วยเงินจำนวนมากเจ้าค่ะ"

หญิงชราหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ "ก็มิแปลกนัก กิจการของพวกเราเวลานี้ทั้งมั่นคงและทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ ไม่ว่าใครก็อยากได้คนของเราไปเป็นกำลัง" นางสบตาหลานสาว พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา "ยายเชื่อมือเจ้า เรื่องนี้ให้เจ้าตัดสินใจจัดการเองเถอะ"

จางจิ่วเม่ยพยักหน้ารับอย่างมั่นคง "เจ้าค่ะ ท่านยาย"

พลันเสียงหัวเราะใส ๆ ดังแทรกเข้ามาในบทสนทนา

ดวงตากลมโตของผิงผิงจ้องมองมารดากับทวดตาแป๋ว

เด็กหญิงตัวน้อยวัยสามหนาวเกือบสี่หนาว สวมอาภรณ์ผ้าแพรสีชมพูอ่อน ดวงหน้าขาวผ่องราวหิมะนุ่ม ดวงตากลมแป๋วเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

นางยืนเกาะขอบเก้าอี้ ตัวเล็กเท่าแมวนั่งมอง ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อขยับพูดเสียงใส

"ท่านแม่ ท่านทวด พูดอะไรกันหรือเจ้าคะ ผิงผิงฟังไม่เข้าใจ"

จางจิ่วเม่ยมองบุตรสาว ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ดึงตัวนางเข้ามากอด

"เจ้ายังเด็กนัก ไปเล่นกับสหายเจ้าดีกว่าเดี๋ยวอีกหนึ่งก้านธูป เข้าไปข้างในเรือนได้แล้วนะ อาการป่วยของเจ้ายังไม่หายดี หากมัวแต่ห่วงเล่นจากหายป่วยจะกลายเป็นป่วยหนักขึ้น"

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผิงผิงทำปากยื่น เด็กน้อยเบะปากทันที

"แต่...ผิงผิงยังอยากเล่นอยู่เลย!"

เด็กน้อยทำตาโตใสแจ๋ว แล้วค่อย ๆ กวาดตามองไปรอบข้างเนื่องจากต้องการหาผู้ช่วย

และแล้ว...นางก็พบผู้ช่วยของตนเอง

อู๋ชิวอิ่งมองหลานสาวตัวน้อยด้วยแววตาอบอุ่น นางรู้ดีว่าเหลนรักคิดอะไรอยู่

"ผิงผิงเพิ่งเล่นกับเพื่อนได้ไม่นานเองจิ่วเม่ย...เจ้าอย่าเข้มงวดกับเด็กนักเลย" หญิงชรากล่าวขึ้นเสียงนุ่ม

จางจิ่วเม่ยถอนหายใจ "ข้าเพียงแค่เป็นห่วงลูกสาวเท่านั้นเจ้าค่ะท่านยาย"

"ฮิฮิ มีท่านทวดอยู่ ผิงผิงไม่กลัวแม่แล้ว!" เด็กน้อยยกมือขึ้นตบมือแปะ ๆ อย่างดีใจ

"เจ้านี่!" จางจิ่วเม่ยแตะหน้าผากลูกสาวเบา ๆ ทว่ามุมปากกลับมีรอยยิ้มจาง ๆ

ไม่ทันไร สหายตัวน้อยอีกสามคนของผิงผิงก็กรูกันเข้ามาล้อมวง

"ท่านอาเจ้าคะ! ขอเวลาเล่นต่ออีกหน่อยเถอะ"

"ท่านอา ใจดีที่สุดเลยขอรับ"

"พวกเรากับผิงผิงยังเล่นกันไม่เสร็จนี่นา"

เด็กน้อยสี่คนล้อมจางจิ่วเม่ย น้ำเสียงออดอ้อนประหนึ่งลูกแมวน้อย ดวงตากลมใสแปดคู่ส่งสายตาอ้อนวอนอย่างไร้เดียงสา

จางจิ่วเม่ยมองพวกนาง ใจหนึ่งก็เป็นห่วงสุขภาพของบุตรสาว แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่ใช่สตรีใจดำ

อย่างน้อยแม่อย่างนางก็ขอแกล้งกอดอก ทำท่าเหมือนจะปฏิเสธหน่อยเถอะ

ทว่าเมื่อเห็นสายตาของเหล่าเด็ก ๆ ที่มองมาพร้อมพยักหน้าขึ้นลงราวกับลูกเจี๊ยบ

สุดท้าย...จางจิ่วเม่ยก็ใจอ่อนไม่อยากแกล้งต่อในที่สุด

"เฮ้อ...เจ้าพวกเด็กน้อย"

นางส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ได้ ข้าให้พวกเจ้าเล่นต่ออีกครึ่งชั่วยามก็แล้วกัน"

"เย้!"

เสียงเด็กน้อยทั้งสี่คนดังขึ้นพร้อมกัน พวกนางกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ ผิงผิงรีบโผเข้ากอดขาของมารดาแน่น ก่อนเงยหน้าขึ้นแล้ววยิ้มหวานจนตาหยี

"แม่ใจดีที่สุดเลย"

จางจิ่วเม่ยส่ายหน้า ลูบศีรษะบุตรสาวเบา ๆ "เจ้านี่ ช่างรู้จักพูดให้คนใจอ่อนจริง ๆ"

อู๋ชิวอิ่งมองภาพนั้นแล้วหัวเราะเบา ๆ

ในบ่ายวันนั้นเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ และรอยยิ้มของผู้ใหญ่ ล้วนเต็มไปด้วยความสุข

แต่แล้ว...เสียงฝีเท้าแผ่วเบาของสาวใช้คนหนึ่งก็ดังขึ้น

นางค้อมตัวเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ "คุณหนูเจ้าคะ ที่หน้าจวนมีแขกมาขอพบเจ้าค่ะ"

จางจิ่วเม่ยเงยหน้าขึ้นจากสมุดบัญชี คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย "ใครกันมาขอพบข้า วันนี้ไม่ได้มีนัดกับใครนี่นา"

สาวใช้ก้มศีรษะตอบ "ฝ่ายนั้นไม่ได้บอกว่าเป็นใครเจ้าค่ะ แต่แจ้งว่ามาจากเมืองหลวง ต้องการเข้าพบ...องค์หญิงบุญธรรมแห่งแคว้นหาน"

บรรยากาศในห้องชะงักงันไปชั่วขณะ

จางจิ่วเม่ยวางพู่กันลง ดวงตาคู่งามพลันฉายแววครุ่นคิด

เมืองหลวง?

องค์หญิงบุญธรรม?

นางมิได้ได้ยินคนเรียกตนเองด้วยตำแหน่งจอมปลอมนี้นานแค่ไหนแล้วนะ...

"ท่านแม่ ท่านแม่!"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel