บทที่สี่
เสียงของเหล่าผู้คุ้มกันตอบรับพร้อมกัน ก่อนจะแยกย้ายกันออกไปค้นหา
จางจิ่วเม่ยเองก็ก้าวเดินออกจากลานอย่างร้อนใจ นางรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ
ผิงผิง…เด็กน้อยที่นางรักสุดหัวใจจะหายไปได้อย่างไร
ร่างของนางสั่นเล็กน้อย มือเรียวกำมือเข้าหากันแน่นเพื่อรวบรวมสติประคองตนเองให้เข้มแข็ง นางกวาดตามองรอบจวน ทุกซอกทุกมุม ราวกับหวังว่าผิงผิงจะโผล่ออกมาจากที่ใดที่หนึ่ง
"ผิงผิง…เจ้าอย่าเป็นอะไรไปเลย…"
เสียงพึมพำแผ่วเบาหลุดออกมาจากริมฝีปาก ในใจของนางตื่นตระหนกยิ่งกว่าสิ่งใด
ขณะที่หญิงสาววิ่งไปทั่วบริเวณตามหาลูกสาว นางอดไม่ได้ที่จะคิดย้อนถึงอดีต…
ความทรงจำเมื่อเกือบหกปีก่อน ผุดขึ้นมาในหัวของนางราวกับสายน้ำไหลเชี่ยว
นางจำได้ดี…
ช่วงเวลาที่ต้องอดทนต่อความเจ็บปวด ต้องอยู่ตัวคนเดียวในต่างแดน ท่ามกลางผู้คนในดินแดนที่มิใช่บ้านเกิดของตนเอง ไร้คนคอยปลอบประโลม ไร้ไหล่ให้พิงพัก
ทุกวัน ทุกคืน…
ร่างกายของนางค่อย ๆ เปลี่ยนไป ท้องของนางใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับต้องแสร้งทำเป็น ‘ป่วยหนัก’ นอนอุดอู้ซ่อนตนเองอยู่ในห้องนอนคับแคบ
‘องค์หญิงจิ่วเม่ยทรงล้มป่วยหนัก มิอาจลุกจากเตียงได้’
นี่คือคำโกหกที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วแคว้นเยี่ย
เพื่อปกปิดความลับของนาง
เพื่อปกป้องชีวิตหนึ่งซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขตัวน้อยที่กำลังจะถือกำเนิดจากความรักของนางและบุรุษผู้นั้น
นางจึงต้องทนอยู่ในห้องแคบ ๆ มิอาจออกไปพบแสงแดด
อาหารที่นางได้รับมีเพียงของบำรุงเล็กน้อยจากบ่าวที่ภักดีและสหายเพียงหนึ่งเดียวที่นางมีในเวลานั้น
ฤดูหนาวปีนั้นโหดร้ายยิ่ง
อากาศหนาวเหน็บ จางจิ่วเม่ยจึงห่มผ้าหลายชั้น แต่ความอ้างว้างกลับแทรกผ่านเข้ามาในหัวใจของนางลึกยิ่งกว่าความเย็นของหิมะ
นางรู้ดีว่า ลูกของนางต้องปลอดภัย ต้องมีชีวิตรอด ไม่ว่าตนเองจะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด
‘หึ… องค์หญิงทรงล้มป่วยหนักงั้นรึ?’
‘เช่นนั้นเราก็เพียงแค่รอเวลา…หากพระองค์สิ้นพระชนม์ ก็จะถือเป็นจุดสิ้นสุดสัญญา’
ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยเล่ห์กลและเจตนาร้ายกระซิบผ่านประตู
คนพวกนั้นอยากให้นางตาย!
แต่ถึงกระนั้น…
ในท้องของนาง…มีเจ้าก้อนเนื้อน้อยที่เป็นตัวแทนแห่งความรักของเขาผู้นั้น
‘ข้าจะกลับมารับเจ้าไปอยู่ด้วยหลังจากจัดการธุระเสร็จสิ้น’
บุรุษผู้นั้นจากไป…ทิ้งเพียงคำพูดหนึ่งประโยคแก่นาง ก่อนที่เขาจากไป
แววตาของเขา ยามที่เอ่ยคำว่ารัก ยามที่ให้คำมั่นสัญญา…
ยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของนางมาจนถึงวันนี้
ผิงผิงคือสัญลักษณ์แห่งคำสัญญานั้น
นางเติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้นเพื่อลูกน้อยของนาง เพื่อลูกคนเดียวของนาง!
ยามที่นางเอื้อมมือไป… ปลายนิ้วของนางคว้าได้เพียงอากาศอันว่างเปล่า
เขาหายไปแล้ว…
เดือนแล้วเดือนเล่า…
นางอดทน…
นางรอคอย…
แต่ไม่มีผู้ใดกลับมา
ยามที่ความเจ็บปวดจากการถูกทอดทิ้งกัดกินหัวใจของนาง…
เด็กน้อยในครรภ์กลับขยับตัวเรียกสติจางจิ่วเม่ยอยู่เสมอ…
"ใช่สิ…ข้ามีลูกน้อยของข้า"
ดวงตาที่เคยแข็งกระด้างของจางจิ่วเม่ยสั่นไหว ความอบอุ่นแผ่ซ่านจากภายในท้อง
ไม่ว่าบุรุษผู้นั้นจะกลับมาหรือไม่ ไม่ว่าคำสัญญาจะเป็นจริงหรือเปล่า…
แต่ผิงผิงก็คือสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวหัวใจของนางตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งถึงเวลานี้
"ผิงผิง...เจ้าต้องปลอดภัย"
เสียงของจางจิ่วเม่ยแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดมหาศาล จางจิ่วเมิ่งเลิกระลึกถึงอดีตเปลี่ยนเป็นเร่งฝีเท้าตามหาต่อไปโดยไม่หยุดพัก ไม่สนว่าตนเองกำลังหมดแรง
เพราะสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง… คือผิงผิง!
และในเวลานั้นเอง...
เสียงของหนึ่งในผู้คุ้มกันก็ดังขึ้นจากอีกด้านของจวน
"คุณหนูขอรับ พบร่องรอยผิดปกติแล้ว"