บทที่สาม เล่นซ่อนหาจนเกิดเรื่อง
บรรยากาศรอบลานหินหน้าจวนกลับร้อนระอุไปด้วยความตึงเครียด
แม่นมเฒ่าผู้หยิ่งยโสเมื่อครู่บัดนี้หน้าซีดเผือดราวกับกระดาษขาว ร่างของนางยังคงทรุดอยู่บนพื้นเนื่องจากแรงตบของจางจิ่วเม่ย มุมปากยังคงเปื้อนเลือดจากแรงสะบัดมือของหญิงสาว
ตอนแรกนางยังพยายามทำใจดีสู้เสือ หวังใช้อำนาจของฮูหยินใหญ่แห่งจวนตระกูลจางข่มขู่
แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘กบฏ’ และเห็นท่าทีเฉียบขาดของไร้ความลังเลของเจ้านายสาวตรงหน้า ความกลัวก็เข้าจู่โจมร่างของนางอย่างสมบูรณ์
นางมิใช่คนโง่เง่า
เมื่อเห็นว่าผู้คุ้มกันของจวนอู๋เริ่มเคลื่อนไหวไปตามคำสั่งของจางจิ่วเม่ย นางก็รู้ตัวแล้วว่าตนเองถึงคราวซวยแล้วจริง ๆ
"ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าน้อยสมควรตาย ได้โปรดเมตตาให้อภัยข้าด้วยเถิด!" หญิงชรารีบคุกเข่าก้มศีรษะกระแทกพื้นจนเกิดเสียงกระทบหินดัง
ตึก! ตึก! ตึก!
"ข้า...ข้าน้อยมันแก่จนโง่เง่าไปหมดแล้วเจ้าค่ะคุณหนู" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว "...ที่บังอาจล่วงเกินเจ้านายเช่นคุณหนูใหญ่ ข้าน้อยรู้ตัวแล้วเจ้าค่ะ! ได้โปรดเมตตาข้าเถอะ!"
แต่จางจิ่วเม่ยหาได้ตอบรับคำขอนั้นไม่ หญิงสาวปล่อยให้หญิงชราโขกศีรษะกับพื้นอีกหลายครั้งเพื่อรอคอยให้คุณหนูอย่างจางจิ่วเม่ยที่นางเคยดูแคลน คุณหนูที่อดีตคิดว่าอ่อนแอ ยอมให้อภัย
ทว่า...
ตึก! ตึก!
เสียงศีรษะกระทบพื้นหินดังต่อเนื่อง จนนางรู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ ไหลลงมาตามข้างแก้ม เลือดไหลซึมออกมาจากหน้าผากที่แตกของตนเองเป็นสาย
แต่แม่นมเฒ่ายังคงไม่ได้ยินคำพูดใดจากจางจิ่วเม่ย
หญิงชราสั่นสะท้าน เงยหน้าขึ้นด้วยความหวังว่าคุณหนูของนางจะยอมใจอ่อนเอ่ยปากให้หยุด แต่สิ่งที่นางเห็นคือ...
รอยยิ้มมุมปากของจางจิ่วเม่ย
รอยยิ้มของหญิงสาวที่มีแววตาน่ากลัวอย่างยิ่ง!
"มองข้าทำไม" น้ำเสียงของนางเยียบเย็น "หากรู้สึกผิดจริง โขกหัวขอโทษข้าต่อสิ!"
“คะ คุณหนู...”
"โขกจนกว่าข้าจะหายเคืองเจ้า!"
“เจ้าค่ะ”
ตึก! ตึก! ตึก!
หญิงชราหมดทางเลือก นางกัดฟันโขกศีรษะลงไปกับพื้นอย่างต่อเนื่อง หลายสิบครั้งจนศีรษะเต็มไปด้วยเลือด
เหล่าผู้คุ้มกันของตระกูลอู๋ยืนดูด้วยความสาสมใจ ผิดกับผู้คุ้มกันสาวใช้จากตระกูลจางที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ
แต่จางจิ่วเม่ยกลับยังคงยืนมองอย่างสงบนิ่ง ราวกับไม่รู้สึกสงสารอะไรเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งแม่นมเฒ่าร่างอ่อนแรงจนแทบทรุดนอนลงไปกับพื้น เสียงโขกศีรษะค่อย ๆ ช้าลง
หญิงสาวจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "พอแล้ว"
ตึก!
หญิงชราหอบหายใจ นางรู้สึกเหมือนเพิ่งหลุดพ้นจากขุมนรก
“ข้าเห็นถึงความจริงใจในคำขอโทษของเจ้าแล้ว...ลุกขึ้น"
“อะ เอ่อ...” แม่นมไร้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยืนจริง ๆ เวลานี้รู้สึกราวกับถูกไม้ด้ามใหญ่ตีหัวสักร้อยทีก็ไม่ปาน
“หรือยังอยากทำต่อ ข้าเองก็ไม่ติดนะที่จะรอเจ้าโขกศีรษะต่อย่อมได้”
“ละ ลุกแล้วเจ้าค่ะ”
แม่นมเฒ่ารีบควักมือให้สาวใช้ฝ่ายตนเองที่มาด้วยกันพยุงร่างตนเองขึ้นมาอย่างยากลำบากเนื่องจากให้ลุกด้วยตนเองนั้นไม่ไหวจริง ๆ ในเวลานี้เพราะเลือดจากหน้าผากยังคงไหลซึมลงมาเป็นสาย
"พวกเจ้าไม่ต้องไปตามเจ้าหน้าที่ทางการแล้ว"
จางจิ่วเม่ยกล่าวพลางสะบัดมือให้ผู้คุ้มกันของนางถอยออกไป
"เพราะเหตุใดท่านพ่อจึงส่งพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อรับข้ากลับเมืองหลวง"
หญิงชราที่บาดเจ็บจนใกล้หมดสติ ฝืนพูดออกมาอย่างยากลำบาก
"นายท่านและฮูหยินใหญ่ คิดถึงคุณหนูใหญ่มากเจ้าค่ะ จึงให้บ่าวมารับตัวคุณหนูกลับบ้าน...คุณหนูอยู่ที่นี่ คงลำบากมาก กลับไปเมืองหลวงกับพวกเราเถิดนะเจ้าคะ"
"หึ..." จางจิ่วเม่ยหัวเราะเยาะในลำคอ "ท่านพ่อและฮูหยินคิดถึงข้าอย่างนั้นหรือ?"