บทที่5
ที่คฤหาสน์
ใจปองเดินออกจากบ้านพักหลังกะทัดรัด ที่ทำด้วยไม้อย่างดีทั้งหลัง แยกห่างจากตึกใหญ่โดยมีทางเล็ก ๆ ไว้เดินถึงกัน โดยผ่านแปลงกุหลาบงามที่เพิ่งปลูกได้ไม่ถึงเดือน
“ไปแล้วหรือโดม” เสียงที่ประคับประคองไม่ให้ดังเกินไปร้องถาม โดมที่กำลังเดินอยู่ได้ยินจึงมองหาเจ้าของเสียงที่ฟังแล้วก็รู้ได้ทันทีและเมื่อเห็นยืนอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักตนจึงตอบกลับไป
“ครับไปแล้ว” เจ้าของบ้านพักหลังงามบอกสีหน้ายิ้มแย้มและเอ่ยต่อ “ถึงว่าไม่มีใครหาเจอที่แท้มาแอบอยู่นี่นี้เอง” คนฟังยิ้มตอบ หากผู้ชายคนนั้น ไม่หยาบคายจนเกินไป เธอคงไม่เล่นอะไรที่เสียมารยาทออกไปแน่
“คนอะไรไม่รู้ อารมณ์ร้ายชะมัด” เธอบ่นพร้อมทำหน้าแหย่ ๆ
โดมชายหนุ่มที่รับใช้คฤหาสน์หลังงามมานานยืนฟังอยู่หัวเราะร่า ในคำพูดที่พูดตรงไปมาดี ตอนนี้เขาคิดว่าสองสาวที่เข้ามาด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่สำคัญ เท่ากับทำให้คฤหาสน์หลังนี้ มีชีวิตชีวาขึ้น โดยเฉพาะเจ้านายใหญ่อย่างคุณราชิต
“ต่อไปเธอช่วยดูแลแปลงกุหลาบให้พี่รักด้วยนะ” เธอบอก สายตามีแววเชื่อมั่น ว่าสิ่งเธอฝาก... ไม่ผิดคน
แม้จะอยู่ร่วมชายคากันได้ไม่นาน แต่มิตรภาพที่ไม่มีกำแพงกั้น ทำให้เธอกับโดม สร้างความคุ้นเคยได้รวดเร็ว เหมือนคนรู้จักกันมานานนับปี
“อ้าว แล้วไม่ช่วยดูแลด้วยกันหรือครับ” โดมถามสีหน้าฉงน แต่นั้นมันไม่ไกลความสามารถของเขา
“เรียนจบแล้ว ก็ได้เวลาออกทำงานซิ” เธอตอบสีหน้าระรื่น โดยมองผ่านใบหน้าฉงนคิ้วเข้มผูกปมสงสัยอยู่ในที
“ทำงาน เอ่อ... งานอะไรครับ” ริมฝีปากของใจปองคลี่ออก มองสบตาชายหนุ่มที่มีสีหน้าจริงจัง คงรอคำตอบ
“เอ่อ…” เธอลังเล คิดว่าหลังจากรับงานนี้แล้วจะหางานใหม่ทำอย่างจริงจัง จึงอยากเก็บอาชีพที่นาน ๆ จะรับสักครั้งเป็นความลับ
“เอ่อ หากไม่อยากเปิดเผยก็ไม่เป็นไรครับ”
“เอ่อ คือ… งานที่ฉันทำไม่ค่อยมีใครชอบหรอก”
“หากไม่ใช่งานผิดกฎหมาย ผมคิดว่าไม่มีใครรังเกียจหรอกครับ” คำพูดของโดมทำให้ใจปองรู้สึกใจชื่นขึ้นมา
“นั่นสิ แต่ฉันก็ไม่อยากให้ใครรู้มากหรอก ว่าฉันทำงานอะไร แต่ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน” เธอบอกพร้อมพยักหน้ายืนยันให้มั่นใจ เพราะเรื่องบางเรื่องเธอไม่ได้เล่าให้เพื่อนใหม่ได้รับรู้ ถือว่าไม่จำเป็น เมื่อยังไง ต่างคนก็ต่างมีความฝันเป็นของตัวเอง ที่อยากจะฝันอยู่เงียบ ๆ
“ครับ มาอยู่นี่ตั้งหลายวันไม่เห็นคุณปองเคยเอ่ยถึง ปุบปับจะไป” ใจปองยิ้มหวาน ส่งให้เพื่อนใหม่ที่เอ่ยเหมือนพ้อ
แม้จะอยากรู้ใจจะขาดแต่ไม่กล้าถาม ว่าสิ่งที่สาวสวยคนนี้ ยอมทิ้งพี่สาวที่อยู่เคียงกันมาโดยตลอด ทิ้งความสะดวกสบาย ไปทำอย่างอื่น คืองานอะไร ครั้นจะถามก็กลัวเสียมารยาท หากหล่อนสะดวกเล่า คงเล่ามาเอง
“แล้วคุณปองจะไปทำงานที่ไหนครับ” โดมเปลี่ยนความอยากรู้ เป็นคำถามอื่น
“ใกล้ ๆ นี่เอง” เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม ‘งานแรกหลังจากเรียนจบ’ แต่อีกคนทำหน้าเสียวไส้
“หว้า...แล้วมันที่ไหนล่ะครับ” โดมทำน้ำเสียงยานคาง ด้วยความเสียดาย ใจปองยิ้มขำกับอาการอยากรู้ของชายหนุ่มที่ยื่นมิตรภาพให้เธอสองพี่น้อง ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามนี่
เมื่อเธอไม่อยากตอบ เขาก็ไม่คิดตอแย เลยตั้งคำถามใหม่ออกไป “แล้วจะไปเมื่อไหร่ครับ”
เมื่อถูกเอ่ยถาม ถึงวันเวลาเดินทาง สีหน้าเหงา ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ปลายสายตาจับจ้องยอดกุหลาบงาม เหมือนยากจดจำมันไว้ให้มากที่สุด พร้อมคำพูด เบา ๆ “อาทิตย์หน้าจ๊ะ แต่นี่ยังไม่ได้คุยกับพี่รักเลย”
“คุณรักจะให้ไปหรือครับ มีกันแค่สองคนพี่น้อง จะแยกกันอีกเหรอครับ” โดมรู้สึกหวั่นใจแทน อย่างกับเป็นฝ่ายถูกทิ้งเสียเอง
ระยะห่างโดมไม่ห่วงเท่าว่า บางทีปองรักอาจจะถูกรังแกจากคนใกล้และเมื่อถึงตอนนั้น บางทีคนใกล้ ๆ อย่างพวกเขา อาจถูกลูกหลงไปด้วย เมื่อไม่อาจทนดูเจ้านายหนุ่ม กระทำอันไม่เหมาะสมกับคนที่ตนเองมีอคติได้
ใจปองยิ้มในหน้าอย่างเชื่อมั่น “พี่รัก มีคนดูแลแล้ว ปองหายห่วงแล้วละ”
“เฮ้อ...” โดมถอนหายใจ นึกไปว่า นี่ขนาดคุณใจปองเป็นแค่น้องสาวแม่เลี้ยง เจ้านายหนุ่มยังเล่นเกณฑ์คนใช้ทั้งตึกตามหา แล้วหากคุณแม่เลี้ยงเผชิญหน้ากับลูกเลี้ยงตรง ๆ ตามลำพัง จะเกิดอะไรขึ้น...
ในห้องนอนส่วนตัว
“ทำไมไม่บอกคุณเรณุวัตไปละคะ” น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถามพร้อมค่อย ๆ วางหนังสือธรรมะในมือลง สายตาเป็นกังวลมองใบหน้าสามีที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงนุ่ม
ราชิตขมวดคิ้วกระดกศีรษะขึ้นเพื่อมองใบหน้าหวานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงให้ถนัดตา
“รู้หรือ ว่าฉันจะคุยอะไรกับลูกชาย” น้ำเสียงทุ้มถามทีเล่นที่จริง ปองรักยิ้มบาง ๆ ตอบกลับ
“ค่ะ ในเมื่อคุณเรณุวัตแสดงออกเสียอย่างนั้น...” เธอบอกอย่างมั่นใจและยิ่งได้ยินเสียงเอะอะตึงตัง ก่อนหน้า ที่เธอเผอิญเห็นทางหน้าต่าง และไม่คิดบอกเล่าคนเป็นสามี ให้รู้สึกลำบากใจอีก
“รักว่า สมควรบอกคุณเรณุวัตไปนะคะ”
เธอยืนยันด้วยมั่นใจอีกครั้ง ว่าไม่มีเรื่องอะไรอื่น นอกจากเรื่องของเธอสองพี่น้อง แค่เมื่อเห็นสีหน้าเผือดสีของสามีรุ่นพ่อ กลับขึ้นมาบนห้องนอน เธอก็ยิ่งมั่นใจ ว่าผู้ชายหน้าตาดี ดีกรีนักเรียนนอก ออกอาการพาลพาโลเหมือนเด็กเก็บกด...
“ปล่อยให้มันคิดไปอย่างนั้นแหละ” น้ำเสียงพล่าเอ่ยอย่างน้อยใจลูกชาย “ขอโทษหนูรักด้วยนะ ที่ดึงเธอสองคนพี่น้องมายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอกสีหน้าไม่ได้หวั่นวิตก
“ฉันเลือกคนไม่ผิด” น้ำเสียงแผ่วแต่เต็มไปด้วยความจริงจังเอ่ยบอก ก่อนค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นนั่งใกล้ ๆ ร่างบาง
ปองรักยิ้มตอบประโยคนั้น แล้วเอ่ยบอก จากใจจริง
“รักต้องขอบคุณ ที่คุณราชิตเมตตาเราสองคนพี่น้องมากกว่าค่ะ”
คำพูดของปองรักเรียกร้อยยิ้มของคนสูงวัยได้เป็นอย่างดี
“เราต่างเป็นหนี้ต่อกันสินะ”
“ไม่ค่ะ รักต่างหาก ที่เป็นหนี้คุณราชิต”
“เธอน่ารักเสมอ” ราชิตอดไม่ได้ ที่จะชมผู้หญิงคนหนึ่ง โดยมืออวบอูมลูบไล้ไปบนผมนุ่มสลวยอย่างเอ็นดู
เขาไม่ได้หลง หรือคลั่งรักเด็กสาวคราวลูก หรืออยากเป็นโคแก่ริกินหญ้าอ่อนแต่อย่างใด แต่เพราะเขาปักใจเชื่อในความมีน้ำใจและไม่เห็นแก่ตัวของสาวคราวลูก โดยเหตุการณ์ร้ายครานั้น ชักนำให้เขามาเจอกัน หากไม่มีหล่อนวันนั้น และหากไม่มีเขาวันนี้ อนาคตของเขาทั้งคู่จะเป็นเช่นไรต่อไป...
ความรู้สึกทั้งหมดที่เขามี จึงกลายเป็นความรักที่บริสุทธิ์ แค่ได้อยู่ใกล้ดูแลกันเท่านั้น
“กินยาแล้วนอนพักสักหน่อยนะคะ” เธอตัดบท เมื่อเริ่มรู้สึกว่า อีกฝ่ายเริ่มจริงจังมากขึ้น โดยสีหน้าจริงจังนั้น เริ่มเป็นกังวล ซึ่งเธอเป็นห่วงสุขภาพเขาเป็นที่สุดและอีกฝ่ายก็ทำตามอย่างว่าง่าย
ปองรักมองชายสูงวัยที่หลับไปแล้วด้วยฤทธิ์ยา รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนไปหน้า มือเรียวบางขยับผ้าห่มผืนหนา คลุมไว้แค่อก แล้วเดินออกจากห้องไป
