เมื่อหัวใจฉันขาดรัก

65.0K · จบแล้ว
Reenrin รินริน พันฟาง นางฟ้าแดนใต้
45
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เรซควีนหรือพริตตี้เป็นอาชีพของ ใจปอง สาวสวยในงานโมเตอร์โชว์ยี้ห้อรถชื่อดัง เขาเรณุวัตผู้ไม่รู้แม้แต่ชื่อของเธอ ผู้หญิงที่เขาเฝ้าคิดถึง จนเวลาผ่านไปเขามาเจอเธออีกครั้ง ในสถานะน้องสาวแม่เลี้ยง ที่เขาไม่ปรารถนาจะให้พ่อแต่งงานด้วย เมื่อขึ้นใจว่าไม่ชอบขี้หน้าแม่เลี้ยงกับน้องสาวมาแต่ต้น จะให้เขาเปลี่ยนใจมาหลงรักเลยไม่ได้ แต่เมื่อคิดว่างานที่เธอทำจะต้องเจอกับผู้คนหลากหลายเขาเองกับทนไม่ได้ จึงหาทางให้เธอกลับมาอยู่ด้วยกัน ความวุ่นวายที่เขาสร้างขึ้น จะผ่านไปได้ไหมในเมื่อเขาทำไว้กับเธอเจ็บแสบยิ่งกว่ามีดโกนกรีดหัวใจเสียอีก จะทำอย่างไรให้ผู้ชายขาดรักอย่างเขา ที่ใจปอง ๆมองว่าเป็นผู้ชายไร้หัวใจ ได้เข้าไปอยู่ในของเธอ มาช่วยลุ้นกันนะคะ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันแต่งงานสายฟ้าแลบดราม่าโรแมนติกเลือดร้อน

บทที่1

7.39 น.เสียงเครื่องยนต์ เอพริลเลีย สี่สูบรุ่น RSV4 R เร่งผ่าความเร็วแล้วเบิ้ลเป็นจังหวะ บนทางอิฐบล็อกหน้าคฤหาสน์หลังงามบ่งบอกถึงความมั่นคงของผู้อาศัย ก่อนจะเบรกพรืด!! ลากเป็นทางยาวทิ้งรอยไว้

เสียงเร่งเครื่องเสมือนเสียงเตือน ให้คนภายในคฤหาสน์ เตรียมตัวรับมือผู้มาเยือน อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า โดมคนใช้วัย20ปี ที่เรณุวัตสนิทที่สุดออกมารับหน้าก่อนใคร

“คุณเร กลับมาแล้วหรือครับ ผมดีใจจัง” โดมเอ่ยทักทายเจ้านายวัย26ปี ที่ใบหน้าบูดบึ้งไม่อาจลบความคมเข้มหมัดใจสาวไปได้แม้แต่น้อย กระทั่งโดมเองที่เป็นผู้ชายด้วยกันยังแอบอิจฉาความหล่อเหล่าที่ฟ้าประทานมาให้เจ้านายหนุ่มอย่างเรณุวัต

“มีแต่แกนั่นแหละที่ดีใจเวลาฉันกลับมา” พูดพลางก้าวยาว ๆ เดินผ่านหน้าโดมที่รีบเดินตามไปติด ๆ

“ทุกคนคิดถึงคุณเรทั้งนั้นแหละครับโดยเฉพาะคุณท่าน” แต่คนที่เดินอยู่ทำเหมือนไม่ได้ยิน

“พ่อล่ะ” น้ำเสียงฟังดูห้วนและก็สั้นอย่างเคยไม่ว่ากี่เดือนหรือเป็นปี

โดมคลายสีหน้ายิ้มยิงฟัน “คุณท่าน รับประทานอาหารอยู่ครับ”

“หึ... คุณพ่อกินข้าวเช้าด้วยหรือ”

น้ำเสียงกึ่งประชด โดมก้มหน้าเงียบ ไม่แน่ใจว่าคำถามนั้นต้องการคำตอบหรือไม่ และคำถามต่อมาทำให้โดมเสียวสันหลังวาบ

“รักกันดีสินะครับ ถึงได้นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเช้าด้วยกันได้”

คำพูดติดเย้ยหยันเอ่ยขึ้นแล้วนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็กของตน

‘พ่อฮะ กินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยสิฮะ’ เด็กชาย วัยสิบขวบ ลงทุนมายืนรออยู่หน้าขั้นบันได เผื่อวันนี้บิดาจะเปลี่ยนจากที่เดินรีบร้อน มือถือกระเป๋า มืออีกข้างรีบแต่งเนคไทบนคอเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง จะหันมาลูบศีรษะเบา ๆ ก้มลงมาพูดคุย ยอกเย้าพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้าบ้างสักครั้ง

แต่สิ่งที่เห็นตลอดหลายปีคือ ชายวัยทำงานรูปงามแต่งตัวภูมิฐานรีบร้อนออกทำงาน เป็นภาพชินตา

‘พ่อรีบ มีประชุมเช้า ลูกก็ให้โดมกินเป็นเพื่อนก่อนสิ’ พูดพลางเท้าก้าวออกจากบ้านไม่ได้หันมามองหรอก ว่าเด็กสิบขวบจะมองแผ่นหลังภายใต้เสื้อสูทด้วยความรู้สึกอย่างไร…

โดมกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ไม่แน่ใจอาการคุณหนูของตัวเองนัก จึงได้แต่เดินตามมองแผ่นหลังหนาที่ตั้งหน้าเดินเข้าไปในตัวตึก

เสียงพูดคุยพร้อมกับเสียงดังของช้อนกระทบจานเบาๆ บอกให้รู้ว่าภายในมีคนอื่นร่วมอยู่ด้วย ซึ่งทุกคนกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร และบรรยากาศนั้น กำลังอบอวลด้วยความสุขอบอุ่น เมื่อมีเสียงหัวเราะแทรกขึ้นในระหว่างการสนทนานั้น

เสียงที่เดินเข้ามาไม่ได้ทำให้บุคลบนโต๊ะอาหารเงียบลง จนกระทั้งเห็นว่าเป็นใคร

“มีความสุขกันดีนะครับ”

การทักทายประโยคแรก ทำให้บุคคลสูงวัยหน้าเจื่อนและถามกลับ

“นี่คือการทักทายของแกกับพ่อหรือเจ้าเร”

“ขอโทษครับ... บางทีผมไม่ควรทักทายด้วยซ้ำเมื่อสิ่งที่เห็นคือคำตอบอยู่แล้ว”

คำพูดนั้นทำให้ทำให้ทุกคนเกือบหยุหายใจและเงียบชะงัด

ราชิตถอนหายใจ “ไม่ได้เจอกันนาน วันนี้กลับมาบ้านได้แล้วหรือ”

เถอะ! เรณุวัตที่ไม่เคยอยู่ในช่วงอารมณ์นี้กับครอบครัว ถึงกับเบ้หน้าในคำถาม พร้อมกันนั้น เขาได้ประจักษ์ต่อสายตา สองสาวหน้าตาละมายคล้ายกันนั่งเก้าอี้ถัดกันไป

หึ …ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ก็จริงสินะ!

สองสาวหันมองสบตากัน… แม้จะรู้มาบ้างว่าสองพ่อลูกไม่ค่อยลงรอยกัน ตามข่าวซุบซิบในแวดวงสังคม ที่คิดว่าเป็นแค่การขายข่าว แต่เมื่อเจอเข้าจริง ๆ จึงรู้ว่า เรื่องทุกอย่างมีเค้าความจริงอยู่บ้าง

“ทำไมครับ หรือไม่อยากให้ผมโผล่มายินดีกับพ่อ” สายตาเต็มไปด้วยคำถาม ผิดหวัง เย้ยหยัน อยู่ในที

“ถ้าแกคิดได้แบบนั้นก็ดี” ราชิตถามกลับสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่แปลกหากเขาและบุตรชายพูดจาไม่ลงรอยกันเพราะหลายปีมานี่ เรณุวัตตั้งตัวต่อต้านทุกอย่างที่เขาสั่ง

“ครับผมเพิ่งคิดได้ แม้พ่อจะไม่ได้บอกผมก็ตาม”

“ก็เห็นแกหายไป”

“ผมก็มีงานของผมพ่อก็รู้ แต่ทำเป็นไม่สนใจผมเอง”

“งั้นวันนี้ก็แปลว่าตั้งใจมาหาพ่อโดยเฉพาะเลยสิ ถึงกล้าทิ้งงานมา”

“ครับ ตั้งใจมาเลยล่ะ”

“เออ ๆ มาก็ดีแล้ว พ่อจะได้แนะนำ คุณปองรัก...” ราชิตเว้นคำพูดไว้เพราะคิดว่า ลูกชายคงรู้แล้ว เมื่อข่าว ‘นักธุรกิจใหญ่แต่งเมียสาวคราวลูก’ พาดหน้าหนึ่งให้นักธุรกิจรุ่นเดียวกันอิจฉาตาร้อนกันเล่น “แล้วนี่หนูใจปอง รู้จักกันไว้นะ”

น้ำเสียงบ่งบอกถึงความปลื้มปีติ แต่คนฟังอย่างเรณุวัตกับเบะปาก แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ใยดี

“ผมรอพ่อด้านนอกนะครับ”

การกระทำผิดจากที่พูด มาแสดงความยินดี แต่เปล่าเลย! โดยจิกสายตาเหลือบมองผู้หญิงสาวที่หน้าละม้ายคล้ายกันอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจ้องลึก อย่างสังเกต ให้รู้ว่าใครเป็นใคร คนที่นั่งติดกับพ่อน่าจะพี่สาวซึ่งนั้นคือ แม่เลี้ยงเขา ส่วนอีกคนที่นั่งถัดไป คงเป็นน้องสาวหน้าตาสะสวยไร้ที่ติ หากแต่การกระทำของพี่สาว ไม่อาจทำให้คนอย่างเรณุวัต หลงในความงามได้

ราชิตหน้าเจื่อน สองพี่น้องหน้าชา ไม่คิดว่าญาติฝ่ายสามีจะตัดไมตรีเช่นนั้น ผู้อาวุโสในบ้านเลยเปลี่ยนเรื่อง

“จะไปรอพ่อทำไมด้านนอก มานั่งกินข้าวต้มร้อน ๆ ด้วยกันก่อน เตือน! ตักข้าวต้มให้คุณเรณุวัตซิ”

ประมุขผู้สูงวัยหันไปสั่งแม่บ้านคนสนิทที่ยืนรอบริการอยู่แล้ว เตือนยิ้มรับ กุลีกุจออย่างดีใจหากคุณหนูของนางนั่งกินอาหารร่วมโต๊ะกับทุกคน

“ไม่กิน” เรณุวัตบอกปัด น้ำเสียงฟังดูว่าไม่พอใจ จะด้วยสาเหตุใดไม่มีใครรู้ได้ แต่คนนอก อย่างปองรักและใจปอง รู้สึกตะขิดตะขวงใจ

ใจปองแม้จะรับรู้มาบ้างว่าราชิตมีลูกชายที่ไม่ลงรอยกัน แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแสดงออกต่อหน้าเธอกับพี่สาว อย่างไม่ไว้หน้าบิดาตัวเองแบบนี้

“สักนิดก็ยังดี เดี๋ยวลืมฝีมือป้ากันพอดี”

น้ำเสียงผู้สูงวัยเอ่ยอย่างอ้อนให้ ด้วยความเคยชิน ก็แกเลี้ยงมากับมือ ตั้งแต่แบเบาะเพราะแม่บังเกิดเกล้าเสียชีวิตตั้งแต่คลอดเรณุวัต หน้าที่เลี้ยงดูจึงตกมาอยู่ที่เตือนแม่หม้ายลูกติด