บทที่ 4 ตั้งครรภ์
บทที่ 4 ตั้งครรภ์
“ช่วงนี้ผิวของนายหญิงดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะเจ้าคะ” ชุนซื่อพูดพลางช่วยนายของตนหวีผมไปเรื่อยตามหน้าที่
แต่คำพูดนั้นกลับทำให้ไป๋อวิ๋นซูชะงัก นางอดคิดไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่นางมีเรื่องไม่สบายใจ แต่ก็จริงอย่างที่ชุนซื่อว่า ใบหน้าของหน้าดูอวบอิ่มขึ้นและผิวก็ดู...
หญิงสาวมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกทองเหลือง มือที่ยกชาขึ้นดื่มก่อนหน้าสั่นน้อย ๆ ก่อนที่นางจะวางถ้วยชาเล็ก ๆ นั่นลง
ช่วงหลายวันมานี้ นางรู้สึกได้ว่าร่างกายเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง ไม่เพียงแค่หงุดหงิดง่ายกว่าปกติ ซึ่งนั่นนางยกให้เป็นความผิดของเวินโหย่วหานทั้งหมด แต่ยังมีอาการอื่น ๆ อีก
แม้จะเดินเพียงเล็กน้อยก็เหนื่อย อีกทั้งยังรู้สึกใจสั่นแปลก ๆ แล้วก็รู้สึกง่วงนอนมากขึ้นอีกด้วย
ที่จริงอาการทั้งหมดนั้นนางยกให้เวินโหย่วหานเป็นสาเหตุที่ทำให้นางวิตกกังวลจนป่วยไข้ถึงเพียงนี้ แต่เมื่อคิดดูดี ๆ
มือเรียวยกขึ้นมานับชุนซื่อที่มองอยู่ก็ทำหน้าสงสัย
“ชุนซือรอบเดือนของข้า” อีกฝ่ายที่เป็นคนคอยช่วยเหลือและรู้เรื่องส่วนตัวนายหญิงทุกอย่างสะดุ้ง
“มาแล้วหรือเจ้าคะ แต่ว่า...”
“ไม่ใช่...” ไป๋อวิ๋นซูตอบสาวใช้ของตนเสียงสั่น เพราะหากรอบเดือนของนางมาคงจะดีกว่านี้
เพราะนับ ๆ ดู ดูเหมือนรอบเดือนของนางจะขาดไปเกินกว่าเดือนครึ่งแล้ว
“คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกกระมัง” ไป๋อวิ๋นซูพูดกับตัวเองเสียงแผ่ว แต่นางรู้ดีกว่าสิ่งที่คิดมีโอกาสเป็นไปได้
“พรุ่งนี้ออกไปข้างนอกกัน” ชุนซื่อพยักหน้า “เจ้าค่ะ นายหญิงจะไปไหนหรือเจ้าคะ”
“โรงหมอ” พูดไปเมือที่อ่อนล้าก็ขยับไปแตะเบา ๆ ที่หน้าท้องของตน
เพราะหากทุกอย่างเป็นอย่างที่นางคิด หลายสิ่งที่นางคิดจะทำ ทั้งการวางแผนหย่า และการเดินจากไปจากเวินโหย่วหานคงทำได้ยากขึ้นหลายเท่า
แม้ความรู้สึกตอนนี้จะทั้งกังวลและสับสน แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางกลับไม่ได้คิดถึงเลยคือความเสียใจ นางยินดีที่ลูกมาเกิดต่อให้เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดก็ตาม
นางเองก็เป็นบุตรีของขุนนางใหญ่ ต่อให้หย่ากลับไปจวนก็คงจะไม่ถึงกับอดตายหรือถูกขับไล่ อย่างมากก็คงโดนคนที่นั่นกระทบกระเทียบไปวัน ๆ
เมื่อคิดได้แววตาของไป๋อวิ๋นซูก็มั่นคงขึ้น เพราะทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แผนเป็นเช่นไร นางยังคงทำเช่นนั้น ลูกคนเดียวนางเลี้ยงไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป
“นายหญิงแน่ใจหรือว่าจะไม่ให้ข้าไปตามท่านหมอเข้ามา”
ไป๋อวิ๋นซูส่ายหน้า “ข้าไม่อยากให้คนในจวนรู้” โดยเฉพาะเวินโหย่วหาน หญิงสาวคิดในใจ
สองบ่าวนายออกมาจากจวนด้วยรถม้าก่อนจะบอกให้รถม้าจอดรอที่ตลอด ทั้งคู่ทำเหมือนว่าจะมาซื้อของแต่เมื่อเดินออกมาไกลหน่อย หมวกฟางพร้อมผ้าปิดหน้าก็ถูกใส่ปิดบังใบหน้าเอาไว้
ไป๋อวิ๋นซูไปยังโรงหมอที่อยู่ด้านหลังตลาดที่ห่างไกลผู้คนออกมาหน่อย แม้จะเป็นโรงหมอที่ดี แต่มักไม่มีคนที่มีฐานะมามากนัก นางยังเคยบริจาคเงินให้กับโรงหมอนี้เพื่อให้ช่วยชาวบ้านโดยไม่เปิดเผยตัวอีกด้วย
และเพราะสถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่ไม่น่าจะมีใครที่รู้จักนางมาจึงเป็นที่ที่เหมาะที่สุด
“แม่นางเป็นอะไรมาหรือ” แม้หมอเฒ่าจะรู้สึกแปลกใจในการแต่งตัวของหญิงสาวตรงหน้า แต่คนไข้ก็คือคนไข้เขาไม่แบ่งแยกอยู่แล้ว มีแต่บรรดาคนชั้นสูงในเมืองที่แบ่งแยกเขา
“ข้ารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ท่านหมอตรวจให้หน่อยได้หรือไม่ว่าข้าเป็นอะไร” หมอเฒ่าจับชีพจรเพียงไม่นานรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ยินดีด้วย ยินดีด้วย แม่นางตั้งครรภ์แล้ว”
“เช่นนั้นหรือ” แม้จะคาดเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำยืนยันในใจก็ยังรู้สึกกังวลไม่ใช่น้อย
“ข้าจะจัดยาบำรุงให้ และก็ยาคลายกังวลให้กับแม่นางด้วย” ไป๋อวิ๋นซูหันมองอีกฝ่าย “ชีพจรสับสนคาดว่าแม่นางคงมีเรื่องกังวลใจ”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของไป๋อวิ๋นซู นางคิดถูกจริง ๆ ที่เคยช่วยเหลือโรงหมอแห่งนี้เอาไว้
“หากมีอะไรก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ ดูจากการแต่งตัวของแม่นางแล้ว หากจะให้ข้าไปหาก็ย่อมได้” เพราะคิดว่าหญิงสาวคงจะมีเรื่องลำบากใจบางประการจึงคิดว่าการบอกเช่นนี้จะทำให้นางคลายความกังวลใจลงได้บ้าง
“ขอบคุณท่านหมอมาก” ไป๋อวิ๋นซูเดินออกมาจากโรงหมอด้วยจิตใจที่ล่องลอย นางแสร้งไปซื้อขนมและของเพื่อให้ไม่ผิดสังเกตแต่กลับหยิบของที่เวินโหย่วหานชอบมาโดยไม่รู้ตัว
“นายหญิง” ชุนซื่อไม่กล้าเอ่ยอะไรมากนัก นางเห็นความเปลี่ยนแปลงในจวนเช่นเดียวกับนายหญิงของตน และก็รับรู้ได้ว่านี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดเท่าที่เจ้านายของนางเคยเจอมา
“เจ้าต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ข้าไม่อยากให้ใครล่วงรู้” คำของไป๋อวิ๋นซูนั้นชุนซื่อเข้าใจทุกอย่าง
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงรถม้าก็ทำตัวเป็นปกติ แต่ชุนซื่อรู้ดีว่าภายนอกที่ดูเหมือนปกติของนายหญิงของนางแท้จริงแล้วมีความอ่อนแอซ่อนเอาไว้อยู่
นางที่เป็นเพียงบ่าวก็ได้แต่มองด้วยความห่วงใยและก็เชื่อมั่นในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะทำก็เท่านั้น
