เมื่อสายลับกลายเป็นแม่เลี้ยงสุดแซ่บ 80s

81.0K · จบแล้ว
มายุมายูมายา
37
บท
5.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่ออดีตสายลับในหน่วยข่าวกรองอย่างเธอต้องมาอยู่ในร่างผู้หญิงที่มีร่างกายเป็นตัวล่อให้ผึ้งตัวผู้มาตอมจนต้องวิ่งปวดหัวไม่เว้นวัน... ไม่เว้นแม้แต่เด็กหญิงตัวน้อยที่มองเธอเป็นฮีโร่ไปเสียแล้ว ________ ตัวอย่างเนื้อหา เสียงน้ำจากฝักบัวรินไหลในห้องน้ำ ทำให้ซูเหยารู้สึกผ่อนคลายไปบ้าง แต่ทันใดนั้น เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอลืมเอาชุดนอนเข้าไปด้วย! “เวรละ...” ซูเหยาพึมพำ ก่อนจะตะโกนออกไปนอกห้องน้ำ “คุณเว่ยเฉิง! คุณยังอยู่หรือเปล่า?” เธอทดสอบเท่านั้นในใจภาวนาว่าเขาคงไม่อยู่ในห้องแล้วทว่าสวรรค์เหมือนไม่เห็นคำภาวนาของเธอ “ยังอยู่ คุณมีอะไรหรือเปล่า?” เว่ยเฉิงตอบเสียงดังกลับมา ซูเหยาชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่ แต่ก็จำต้องยอมให้เขาช่วย “งั้นช่วยหยิบชุดนอนจากกระเป๋าให้หน่อยค่ะ ชุดนอนอยู่ช่องบน ส่วนชุดชั้นใน... เอ่อ อยู่ข้าง ๆ” เว่ยเฉิงเดินไปเปิดกระเป๋าของเธอ เขามองดูสิ่งของในนั้นก่อนจะเริ่มค้นหา มือเขาหยิบจับเสื้อผ้าผู้หญิงอย่างเคอะเขิน กระทั่งหยิบชุดชั้นในสีแดงเลือดหมูออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว ความนุ่มลื่นของเนื้อผ้าทำให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นอย่างไม่คาดคิด ใบหน้าของเขาเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นชุดชั้นในในมือ ในใจเผลอคิดไปเองว่า ชุดชั้นในสีแบบนี้คือสิ่งที่อยู่ภายใต้ร่มผ้าหรือหรือนี่... ความรู้สึกแปลก ๆ ก่อตัวขึ้นเมื่อกลิ่นหอมจาง ๆ จากกระเป๋าของเธอโชยเข้ามาปะทะจมูก เขาสะบัดหัวเล็กน้อยพยายามควบคุมสติ ก่อนจะหันไปหยิบชุดนอนที่เป็นกระโปรงผ้าซาตินสีขาวมุกออกมาจากกระเป๋า มันดูเรียบและเย้ายวน ดูเหมาะกับเธออย่างมาก... “ได้แล้ว” เว่ยเฉิงพูดขณะเดินไปเคาะประตูห้องน้ำเบา ๆ “ผมวางไว้ตรงหน้าประตูนะ” “ขอบคุณมาก” ซูเหยาตอบกลับมา “ให้ตายสิ...” เขาพึมพำเบา ๆ ขณะเดินออกไปให้ห่างจากตัวต้นเรื่อง

นิยายรักโรแมนติกสายลับนางเอกเก่งยุค80นิยายจีนโบราณแม่ผัวลูกสะใภ้ระบบเกิดใหม่การแต่งงาน

บทนำ

ในป่าลึกใกล้ชายแดนหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งของจีนในยุค 1980 ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้ม ฝนบางเบาร่วงลงมาเป็นหยดหยอยอย่างไม่ขาดสาย บรรยากาศชื้นแฉะ เหม็นอับของใบไม้ที่เริ่มเน่า น้ำค้างเกาะตามกิ่งไม้และใบไม้เขียวขจีรอบข้าง เงียบงันจนน่าขนลุก มีเพียงเสียงจิ้งหรีดและเสียงน้ำไหลรินจากลำธารที่หายไปกับความมืดเท่านั้นที่ดังก้อง

ภายใต้ความมืดมนของป่าที่ไม่มีแสงไฟ มีเงาของชายสามคนยืนรวมตัวกัน หนึ่งในนั้น แบกถุงผ้าสีซีดไว้บนบ่า ร่างหนักอึ้งจนดูเหมือนเขาแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ข้างในถุงผ้านั้นมีเพียงเด็กคนหนึ่งที่นอนแน่นิ่ง คนที่เหลืออีกสองคนยืนเถียงกันเบา ๆ ใต้เงาไม้ใหญ่ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด

"เอาไงดีวะกับนังนี่?"

ชายคนแรกพูดพร้อมเหยียบส้นรองเท้าบู๊ตสีดำลงบนพื้นโคลนชื้น มองไปยังร่างของหญิงอวบอิ่มที่นอนสลบอยู่ตรงหน้า เธอเข้ามาขัดขวางพวกเขาตอนกำลังจะลักพาตัวเด็กน้อยอย่างไม่ประมาณตนเสียเลย เขาเพียงฟาดหลังมือไปทีเดียวก็สลบเหมือดเช่นตอนนี้แล้ว

"รูปร่างแบบนี้ ก็น่าเอาไปด้วย ดูดีน่าจะเป็นเมียดี ๆ ได้สักคน"

"แกบ้าเหรอไง? งานนี้ก็ยากพออยู่แล้ว! แค่เด็กคนเดียวก็เหนื่อยจะแย่ ไหนจะต้องหนีตำรวจแล้วจะยังทหารอีก"

ชายคนที่สองขมวดคิ้ว กอดอกมองเพื่อนด้วยความรำคาญ "เราต้องรีบไปจากที่นี่ ไม่ใช่มานั่งคิดเรื่องนังนี่!"

"ฉันเห็นด้วยกับมัน เราไม่มีเวลามานั่งยุ่งกับผู้หญิงแบบนี้หรอก เอาเด็กไปก่อนดีกว่า เรื่องนังนี่ไว้ทีหลัง"

เสียงฝีเท้าของชายคนที่สามที่แบกถุงผ้าหนักอยู่ เอ่ยเสียงแหบแห้ง

ชายคนแรกถอนหายใจแล้วก้มลงไปจับแขนของหญิงที่สลบอยู่ เขามองดูเธออย่างหื่นกระหาย

"แต่ฉันชอบรูปร่างหล่อนจริง ๆ ว่ะ แกไม่คิดบ้างเหรอ? จะปล่อยไว้ก็เสียดาย ในเมื่อแบกไปเสียแรงเปล่าอย่างนั้นอยู่ตรงนี้ก็จัดการให้เสร็จสิ้น ๆ ไป ก็แล้วกัน"

ชายที่สองเลิกคิ้ว "แกหมายความว่ายังไง จัดการที่นี่เลย?"

"ใช่ ฉันทนไม่ไหวแล้วว่ะ" ชายคนแรกยิ้มเหี้ยม "แล้วพอเสร็จกิจ เราก็ฆ่าทิ้งซะ จะได้ไม่ต้องแบกไปไกล"

ชายคนที่สามหยุดเดิน หันมามองทั้งสองคน ก่อนพยักหน้าเล็กน้อย "ทำมันตรงนี้ก็ได้...ฉันขอต่อคนที่สอง แกรีบทำให้เร็วล่ะ เราไม่มีเวลาเยอะ"

ใบหน้าของชายคนแรกบิดเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย ขณะที่เขาเริ่มก้าวไปข้างหน้า เสียงฝีเท้าดังกลบเสียงป่ารอบข้าง และท้องฟ้าที่เคยเงียบกลับมีเสียงฟ้าร้องไกล ๆ ดังขึ้นราวกับเตือนภัย

เสียงฟ้าผ่าดังกระหึ่มขึ้นอย่างกะทันหัน สายฟ้าสีขาวฟาดลงมาจากท้องฟ้าครึ้ม เสียงดังสนั่นจนป่าสั่นไหว ราวกับพื้นดินใต้ฝ่าเท้าสั่นสะเทือน บริเวณรอบข้างสว่างวาบเหมือนกลางวัน ชายทั้งสามคนต้องหรี่ตา หลับตาไปชั่วขณะเพราะแสงเจิดจ้า ท้องฟ้าที่เคยเงียบสงัดกลับถูกแต่งแต้มด้วยเสียงฟ้าร้องก้อง

“เวรเอ้ย ฟ้าผ่ามาได้ไงตอนนี้!”

ชายคนแรกบ่นขณะถอดกางเกงตัวเองออกครึ่งทาง แต่เมื่อแสงสว่างค่อย ๆ จางลง เขาก็รีบหันกลับมาที่หญิงสาวบนพื้นอีกครั้ง เตรียมทำสิ่งที่ใจหวัง เขาก้มลง ใช้มือหยาบกร้านจับขอบเสื้อผ้าของหญิงสาวไว้

แต่ครั้งนี้ สิ่งที่เขาเห็นกลับไม่ใช่ร่างหญิงสาวที่นอนหมดสติอีกต่อไป เมื่อดวงตาของเธอเปิดขึ้น เผยให้เห็นแววตาที่มืดดำลึกล้ำเหมือนคืนไร้แสงจันทร์ เธอจ้องตรงมายังเขา แววตาที่นิ่งเฉียบจนชายคนนั้นถึงกับตัวสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว เขาชะงัก มือหยุดกลางอากาศ ดวงตานั้นไม่ใช่ดวงตาของหญิงสาวธรรมดาที่ควรจะรู้สึกหวาดกลัว...

หญิงสาวผุดลุกขึ้นจากพื้นด้วยความรวดเร็วเหมือนเสือที่กระโจนล่าเหยื่อ เธอไม่พูดไม่จา มือของเธอจับเข้าที่คอของชายคนนั้น บิดไปทางหนึ่งอย่างรุนแรง เสียงกระดูกหักดังชัดเจนในความมืด ชายคนนั้นล้มลงกับพื้นทันที ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง ชายคนที่สองกับสามมองด้วยความตกตะลึง

"เฮ้ย! แกเป็นใครกัน!"

ชายคนที่สองตะโกนออกมา แต่ไม่มีคำตอบ หญิงสาวที่มีดวงตาดุจเหยี่ยวพุ่งเข้าหาเขาเร็วเหมือนสายลม มือของเธอคว้าเข้าที่ลำตัวของเขา ผลักจนเขาล้มลง ก่อนจะใช้ศอกกระแทกอย่างแรงเข้าที่หน้าอก ชายคนนั้นตัวงอด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่เธอจะใช้ปลายรองเท้ากระแทกเข้าไปที่ลำคอ ทำให้เขาหายใจไม่ออกจนสิ้นใจ

ชายคนสุดท้ายที่แบกถุงผ้ารีบวางถุงลงกับพื้น พยายามหยิบมีดออกมาสู้ แต่ไม่ทันที่เขาจะขยับ หญิงสาวก็เข้าประชิดตัวเขาแล้ว เธอหมุนตัวอย่างคล่องแคล่ว มือของเธอคว้าคอของเขาด้วยความรวดเร็ว มืออีกข้างคว้ามีดจากมือเขาแล้วเสียบเข้าที่สีข้าง ชายคนนั้นดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ร่างจะทรุดลงหมดแรงไปอีกคน

เลือดสาดกระจายทั่วพื้นเปียกชื้น ฝนที่โปรยปรายลงมาเริ่มชะล้างคราบเลือดออกจากเสื้อผ้าของหญิงสาว เธอหอบหายใจเล็กน้อยหลังจากการต่อสู้ที่รวดเร็วและรุนแรง ดวงตาที่เคยดำสนิทกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง เธอเงยหน้ามองขึ้นไป เห็นเด็กหญิงตัวน้อยวัยประมาณสามขวบ คลานออกมาจากถุงผ้าที่เคยเป็นกรงขัง เด็กน้อยจ้องมองภาพที่หญิงสาวเพิ่งทำลงไป

แต่แทนที่เด็กหญิงจะมีท่าทีหวาดกลัว เธอกลับจ้องมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและเคารพ แววตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์จ้องตรงมาที่หญิงสาวราวกับมองฮีโร่ในสายตาของเด็กเล็ก หญิงสาวหายใจออกเบา ๆ ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเธอก็เช็ดเลือดที่เปื้อนใบหน้าออกให้สะอาด ท่ามกลางสายฝนที่ชะล้างทุกสิ่งรอบตัว

หญิงสาวก้าวเข้าไปหาเด็กหญิงตัวน้อย คุกเข่าลงข้างหน้าเธอแล้วพูดเบา ๆ

"ไม่ต้องกลัวนะ หนูปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวพี่พาไปส่งที่บ้านของหนูนะ หนูจำได้ไหมว่าบ้านหนูอยู่ทางไหน?"

สิ่งที่หญิงสาวได้รับกลับมาคือใบหน้าเล็กเปื้อนดินและน้ำฝนสั่นไปมาแสดงออกในคำตอบที่เธอไม่ต้องการเป็นที่สุดในตอนนี้ เพราะเพียงเด็กหญิงตัวน้อยเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไหน แต่เธอเองที่อยู่ดีดีก็ได้มาเกิดในร่างผู้หญิงที่มีชื่อว่า ซูเหยา สกุลหลี่นี้ นอกจากชื่อและสกุลเธอก็ไม่มีความทรงจำอื่นใดของร่างนี้อีกเลยเช่นกัน

หนึ่งเด็กหญิงตัวน้อยผู้โชคร้าย

และอดีตสายลับที่อยู่ในร่างของหญิงสาวคนหนึ่งแต่ไร้ความทรงจำของเจ้าของร่าง ควรจะทำอย่างไรต่อไปดี...